Skip to main content
sharethis

ภาคใต้—22 มิ.ย. 2549 ระดมพลเรือน ตำรวจ ทหาร พลิกแผ่นดินล่ามือระเบิดป่วนใต้ หลังประกอบระเบิดพลาดตาย 1 เจ็บ 3 สั่งทุกพื้นที่รอยต่อจะแนะ ตรวจเข้มทุกเส้นทาง กำชับ อส. - กำนัน - ผู้ใหญ่บ้าน สอดส่องดูคนแปลกหน้าเข้าพื้นที่ ยิงอีก "สมาชิกอบต." ดับคาถนน เผาบ้านเบตงวอดทั้งหลัง


 


ล่ามือระเบิดป่วนใต้


เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2549 พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จังหวัดยะลา ได้สนธิกำลังพลเรือน ตำรวจ ทหาร ออกค้นหาผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รอดชีวิตจากการประกอบวัตถุระเบิดในสวนผลไม้ที่บ้านแอจ๊ะ หมู่ 1 ตำบลผดุงมาตร อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ผิดพลาดเกิดระเบิด เป็นเหตุให้นายรุสมัน ยูโซ๊ะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 1 ตำบลผดุงมาตร เสียชีวิต ส่วนอีก 3 คนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2549


 


กองกำลังผสมชุดดังดล่าว ได้ใช้สุนัขสงครามดมกลิ่นตามรอยเลือดที่หยดเป็นทางเข้าไปในป่า ไปยังบ้านเลขที่ 23 หมู่ 1 ตำบลผดุงมาตร บ้านพักนายไซมูดิง เจ๊แซ อายุ 25 ปี เพื่อนสนิทของนายรุสมัน เมื่อถึงบ้านหลังดังกล่าวสุนัขหยุดเห่าตรงบริเวณบันไดบ้าน เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังออกค้นหาพบชาย - หญิงชราอยู่ในบ้านพัก ให้การว่า นายไซมูดิง บุตรชายไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว ไม่ทราบไปทำอะไรอยู่ที่ไหน เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะบาดเจ็บหนัก หรืออาจจะเสียชีวิตไปแล้ว


 


ล่าสุด มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในอำเภอศรีสาคร, อำเภอสุคิริน และอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับอำเภอจะแนะ ช่วยสกัดเส้นทางหลบหนีด้วย พร้อมกับประสานไปยังกำนัน - ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครรักษาดินแดนแต่ละพื้นที่ ช่วยสอดส่องดูแลบุคคลแปลกหน้า ที่อาจจะเข้าไปหลบซ่อนหรือรักษาตัวอยู่ในพื้นที่ด้วย


 


ยิง "ส.อบต." สังเวยไฟใต้


เวลา 21.00 น. วันเดียวกัน ขณะที่นายมะสักรี ลาโบ๊ะ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/1 หมู่ 6 บ้านจืองา หมู่ 6 ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบางปอ ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีบรอนซ์ทอง กบข - 88 นราธิวาส ออกจากบ้านพักไปทำธุระที่บ้านทุ่งโต๊ะดัง หมู่ 8 ตำบลบางปอ มาถึงหน้าบ้านพักไม่มีเลขที่ในบ้านทุ่งโต๊ะดัง มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตามประกบจากด้านหลัง จากนั้น คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนพกสั้นจ่อยิงเผาขน 5 นัด เข้าที่หน้าท้อง 2 นัด และกลางหลังทะลุหน้าอก 3 นัด นอนคว่ำจมกองเลือดข้างรถจักรยานยนต์เสียชีวิตคาที่ สันนิษฐานสาเหตุการสังหารมาจาก 2 ประเด็น คือ ขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น หรือไม่ก็เป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ


 


ลอบเผาบ้านที่เบตงวอดทั้งหลัง


เวลา 04.00 น. วันเดียวกัน มีคนร้าย 2 คน ใช้เศษผ้าชุบน้ำมันจุดไฟเผาบ้านนายธวัช บัวเพชร อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/23 หมู่ 7 บ้านดอน ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เสียหายทั้งหลัง จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์ขับเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ แล้วออกมาโดยไม่ติดเครื่อง


 


ยะลาดึงมวลชนขอข่าวป้องกันเหตุบึ้ม


เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา นายสุทธิพงศ์ เทิดรัตนพงศ์ นายอำเภอเมืองยะลา ในฐานะผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ระดับอำเภอ ได้เชิญทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ปลัดอำเภอ ผู้รับผิดชอบด้านความมั่นคง ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน ลูกจ้างโครงการจ้างงานเร่งด่วน และมวลชนในอำเภอเมืองกว่า 1,000 คน ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดในเขตเมืองยะลาหลายจุด เช่น ห้องคาราโอเกะ โรงแรมยะลารามา เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2549 มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน เป็นต้น พร้อมกับทำความเข้าใจและหารือแนวทางให้ความช่วยเหลือทางราชการ โดยเน้นการข่าวในพื้นที่เป็นหลัก


 


ตำรวจรุกนัดคุยโรงเรียนสอนศาสนา


เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมวิทยาลัยการอาชีพเบตง อำเภอเบตง พล.ต.ต.วรพงศ์ ได้เปิดสัมมนาประสานความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนสอนศาสนากับตำรวจ เพื่อลดช่องว่างและความหวาดระแวง ระหว่างตำรวจกับสถาบันสอนศาสนา


 


สถานที่ราชการปัตตานีหายตระหนก


วันเดียวกัน สถานที่ราชการจังหวัดปัตตานี เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยศาลากลางจังหวัดปัตตานีได้เปิดให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ประชาชนผู้มาติดต่อนำรถเข้ามาจอดบริเวณภายในศาลากลางได้ตามปกติแล้ว แต่ยังคงเปิดประตูเฉพาะเข้า-ออกทางเดียว พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด และจัดชุดเจ้าหน้าที่ส่องกระจกตรวจใต้รถทุกคัน


 

นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า อำเภอเมืองปัตตานี และเทศบาลเมืองปัตตานี จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้วยการจัดตั้งยามท้องถิ่นร่วมดูแลความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยผู้ทำหน้าที่ยามจะต้องปรากฏตัวให้ชาวบ้านเห็นเพื่อความอุ่นใจ จะต้องได้ยินเสียง เช่น เคาะสัญญาบอกเวลา และจะต้องตรวจสอบการทำงานได้ตลอดเวลา เช่น ติดตู้แดงลงชื่อไว้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ คาดว่าจะจัดตั้งยามท้องถิ่นได้ภายในเดือนมิถุนายน 2549

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net