Skip to main content
sharethis

วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2006 18:07น.


ณรรธราวุธ เมืองสุข, อิบรอเฮ็ม มะโซ๊ะ


ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย


 


 


การเดินสายลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกคำรบหนึ่งของ ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่ออำนวยความยุติธรรมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือกอยส. โดยเจาะจงไปเยือนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และโรงเรียนปอเนาะหลายแห่งในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลา ถือเป็นการส่งสัญญาณที่น่าสนใจอย่างยิ่ง


 


โดยเฉพาะการร่วมประชุมกับผู้บริหารและคณะครูโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, แม่ทัพภาคที่ 4, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายความมั่นคง เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา


 


"ผมเชื่อว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ทุกคน(บุคลากร)เชื่อมั่นว่า ต่อไปโรงเรียนธรรมฯของเราจะต้องไม่เกิดสิ่งที่เรียกว่าความไม่เป็นธรรมอีก การเดินทางมาของท่านอุกฤษ สามารถทำความเข้าใจกับเราได้ในระดับหนึ่ง ผมเชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจดีให้บ้านเมืองเราเกิดสันติสุข แม้ในช่วงแรกทุกคนมีความรู้สึกว่าอุสตาซไม่ได้รับความเป็นธรรม เกิดความไม่เข้าใจว่า ในเมื่อฝ่ายรัฐทำอย่างนี้กับเรา สังคมภายนอกจะมองเราว่าอย่างไร แต่เราก็เชื่อมั่นในความดีงามมาตลอด วันนี้เมื่อ กอยส.มาทำความเข้าใจกับเรา เราก็ดีใจ และเชื่อว่า ต่อไปความเข้าใจของทั้ง 2 ฝ่ายจะดีขึ้นตามลำดับ" รอซี เบ็ญสุหลง ทำการแทนผู้รับใบอนุญาตผู้อำนวยการโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ กล่าวถึงการมาเยือนของ กอยส. ซึ่งเขาได้แสดงความเชื่อมั่นเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ฝ่ายความมั่นคงจะมีความรอบด้านในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม


 


โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สอนทั้งวิชาศาสนาและวิชาสามัญ ตั้งอยู่ที่ ต.สะเตง อ.เมืองยะลา ปัจจุบันมีนักเรียนรวม 12,631 คน โดยมีครูทั้งที่เป็นครูสอนศาสนาและครูสายสามัญทั้งหมด 529 คน


 


ที่ผ่านมาโรงเรียนฯ ตกเป็นเป้าของฝ่ายความมั่นคงและผู้ก่อการ มีการจับกุม ตรวจค้น ลอบฆ่าครู และนักเรียนมาโดยตลอด กระทั่งอดีตครูใหญ่ของโรงเรียน "สะแปอิง บาซอ" ถูกกล่าวหาว่า เป็นแกนนำสำคัญของขบวนการก่อความไม่สงบ


 


"มันเป็นเหมือนฝันร้ายที่เราต้องผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งถือว่า เป็นความประสงค์ของ อัลลอฮ์ ที่ต้องการให้ครูฝึกความอดทน ผมรู้ว่าเครียด และมีความทุกข์ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็อย่าน้อย ใจ ต้องหาทางแก้ไขให้ดีขึ้น" คำกล่าวต่อหน้าครู - อุสตาซกว่า 500 คน ในห้องประชุม 3 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จากปากประธาน กอยส.


 


ประธานกอยส.บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือความไม่เข้าใจ รู้เห็นกันคนละอย่าง เหมือนใส่แว่น ตาคนละสี คนหนึ่งสั้น คนหนึ่งยาว คนหนึ่งใส่สีขาว อีกคนใส่แว่นดำ เลนส์ก็ไม่เท่ากันอีก เพราะ ฉะนั้นจะให้มองโลกเหมือนกันก็ไม่ได้ ถือว่ามุมมองไม่เหมือนกัน


 


"แต่ผมไม่ใส่แว่น เพราะฉะนั้นผมจึงมองโลกอย่างบริสุทธิ์ ไม่มีใจอคติ ผมเสียใจในเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นและกระทบต่อโรงเรียนธรรมฯ ถ้าถามผมว่าจะแก้ไขอย่างไร ผมว่าต้องแก้ไขทั้งนโยบายและบุคลากร นโยบายต้องโยนให้ฝ่ายความมั่นคงนำไปคิดดู การที่จะบุกตรวจค้นหรือจับกุมควรจะมีแนวทางที่ถูกต้องอย่างไร ส่วนทางโรงเรียนก็ต้องดูแลบุคลากรให้ดี ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง เดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง อย่าแตกแถวเป็นอันขาด"


 


เขาเพิ่งได้พบและพูดคุยกับ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาดังกล่าวก่อนเดินทางลงมา และ พล.ต.อ.ชิดชัยก็เน้นย้ำเรื่องของการใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ถ้าไม่มีหลักฐานอย่างแน่ชัด อย่าเพิ่งทำอะไร แต่ถ้ามีหลักฐาน ค่อยให้ดำเนินการตามกฎหมาย


 


"ผู้ใช้กฎหมายต้องใช้กฎหมายด้วยความยุติธรรมเพื่อนำสันติสุขมาสู่บ้านเมือง ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยึดหลักดังกล่าวพร้อมกับใช้เมตตาธรรมมากขึ้น ผมเชื่อว่าเหตุการณ์จะดีเอง"


ประธานกอยส. สรุป


 


กองทัพส่งสัญญาณปรับใช้พ.ร.ก.-บัญชีดำ


พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 หนึ่งในคณะเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาร่วมประชุมกล่าวยืนยันต่อหน้าบุคลากรโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิว่า ในโอกาสที่มารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 จะพยายามสร้างความเข้าใจกันระหว่างประชาชนและภาครัฐให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามและโรงเรียนปอเนาะ


 


ทั้งนี้จะพิจารณารายชื่อ บัญชีดำทั้งรายบุคคลและโรงเรียนต่างๆ ด้วย รวมทั้งจะดำเนิน การทบทวนนโยบายต่างๆ ใหม่ เพราะบางอย่างยังไม่ชัดเจนทำให้เกิดความไม่เข้าใจ


 


ประเด็นบัญชีดำโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามและโรงเรียนปอเนาะเกือบ 100 โรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นคำถามใหญ่ของพื้นที่ต่อภาครัฐ ทั้งนี้ข้อมูลจากสื่อมวลชนระบุว่า โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ เป็นบัญชีดำอันดับ 1 ของฝ่ายความมั่นคง


 


"ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยมีผมเป็นประธานร่วมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อพิจารณาปัญหาที่เกิดจากการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือเงื่อนไขที่ไม่ถูกต้อง ส่วนการถอดถอนรายชื่อโรงเรียนปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามออกจากบัญชีดำ ผมคิดว่าต้องพิจารณาเป็นกรณีๆและเป็นรายๆ ไปเพราะถ้าไม่เกี่ยวข้องเราก็ไม่ขึ้นบัญชีอยู่แล้ว เราพยายามรอบคอบในเรื่องนี้"


 


แม่ทัพภาคที่ 4 ยอมรับว่า ปัญหาภาคใต้เรื้อรังมานานเกินเยียวยา เกิดจากเงื่อนไขที่ภาค รัฐ โดยเฉพาะข้าราชการไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเอง ซึ่งตอนนี้ก็รับรู้เงื่อนไขนั้นแล้วและพยายามกำจัดมันไปและไม่สร้างเงื่อนไขใดๆขึ้นมาอีก


 


"ตั้งแต่มารับตำแหน่งเมื่อปี 2548 ผมมาที่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิค่อนข้างบ่อย ทั้งมาเยี่ยมเยียนและเหตุที่เกิดกับบุคลากรของโรงเรียน โดยล่าสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคม ก็กรณีอุสตาซ 19 คน ถูกจับหลังไปประชุมกันบนเกาะร้างที่จังหวัดสตูล แต่ก็มีการเคลียร์กันและปล่อยตัวไปแล้ว" เขากล่าวและว่า


 


"ผมยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เมื่อก่อนมีการใช้ความรุนแรงบุกรุก ปิดล้อม ตรวจค้น จับตัว และจะไม่มีการนำกำลังทหารขนาดใหญ่มาปิดล้อม ตรวจค้นอีกต่อไป ขอยก เลิกการใช้กำลังที่ส่งผลเสียทั้งหมด เว้นเสียแต่ต้องใช้กำลังเข้าดำเนินการกรณีที่เกี่ยวข้องจริงๆ" พล.ท.องค์กร กล่าวยืนยัน


 


ตำรวจรับปรับวิธีการทำงานกับปชช.


พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ก็ขึ้นเวทีกล่าวกับบุคลากรของโรงเรียนธรรมฯว่า ในฐานะเคยเป็นครูคนหนึ่ง สมัยที่สอนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ อีกทั้งคุณแม่ก็เป็นอดีตครูคนหนึ่ง ทำให้เข้าใจในจิตวิญญาณของคนที่เป็นครูพอสมควร หลังจากมารับตำแหน่งในฐานะผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เกือบปี ก็มีความคุ้นเคยกับครู -อุสตาซ ของที่นี่ไม่น้อย


 


"เมื่อก่อนผมยอมรับว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สร้างความหวาดระแวงให้กับประชาชนในพื้นที่ไม่น้อย แต่ผมพยายามปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอด พยายามสร้างความเป็นธรรมให้พี่น้องประชาชน ใช้หลักนิติธรรม หลักความเสมอภาค และการทำงานทุกอย่างต้องชัดเจนและโปร่งใส หากทุกคนสังเกตจะเห็นว่าเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆลดลงไปมาก ดูจากช่วงสงกรานต์มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวใน 3 จังหวัดค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะ ที่ อ.หาดใหญ่ ผ่านมาจากด่านสะเดา และสุไหงโก- ลก มีเข้ามามากทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ ผมคิดว่านี่คือ ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว เพราะความรุนแรงมันลดลงจริงๆ "


 


พล.ต.ท.อดุลย์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนเองพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของตำรวจในการแก้ปัญหาความไม่สงบ


 


"ตำรวจต้องเข้าหาประชาชน และต้องเป็นที่รักของพี่น้องประชาชน การทำงานทุกอย่างต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ผมพร้อมเป็นหลักประกันประกันความยุติธรรมให้ประชาชนทุกคน ขอให้บอก เพราะที่ผ่านมาเราก็ต่างบอบช้ำด้วยกัน ผมเข้าใจพี่น้องประชาชนทุกคน" ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวด้วยความมั่นใจ


 


การเดินทางมาเยี่ยมโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิครั้งนี้ของประธาน กอยส.พร้อมผู้นำฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารตำรวจ และผู้ว่าราชการจังหวัด น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่ดีสำหรับบุคลากรของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ อย่างน้อยก็เป็นหลักประกันความมั่นคงของพวกเขา ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด


 


นัยยะแห่งการ "เยี่ยมเยือน" คือนัยยะแห่ง "ความเข้าใจ" นำไปสู่ "นิมิตหมายที่ดี" น่าชื่นชม แต่สิ่งเดียวที่อาจเป็นอุปสรรคได้คือ "ความจริงใจ" และอาจต้องให้เวลาระยะหนึ่งเพื่อการพิสูจน์นัยยะดังกล่าว แต่อย่างน้อยการได้เริ่มต้นสร้างความเข้าใจนี้ คือจุดเริ่มต้นแห่งการแก้ปัญหา 3จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ที่ควรจะเริ่มต้นมานานแล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net