หลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ถึง 4 ครั้งในรอบปี ได้เกิดโครงการขนาดใหญ่ของรัฐผุดตามมาอย่างรีบเร่ง ท่ามกลางความกังขาของภาคประชาชน จนต้องออกมาระดมความคิดกัน เพื่อถกปัญหาและหาทางแก้น้ำท่วมบริเวณแอ่งเชียงใหม่-ลำพูนแบบบูรณาการ ขึ้นที่ห้องประชุม สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยย้ำต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม
คนต้นน้ำโวยภาครัฐไม่เร่งฟื้นฟูความเสียหายหลังน้ำท่วม
นาย
"ตอนนี้ กำลังหาทางระดมชาวบ้านช่วยกันเก็บเศษหิน ต้นไม้ที่โค่นล้มถูกน้ำพัดไปกองในที่นาเพื่อฟื้นฟูกันใหม่ จึงอยากขอให้ภาครัฐเร่งเข้าช่วยเหลือในด้านการส่งเสริมอาชีพให้แก่ชาวบ้านด้วย เพราะว่านาข้าวหลายพื้นที่เสียหายหมด" นายสุนทร กล่าว
ส่วน นาย
"การแก้ไขปัญหาหลังอ่างเก็บน้ำแตก มีเพียงมีการแจกถุงยังชีพเพียงเท่านั้น และเมื่อผ่านไปตั้งนานแล้ว ทุกฝ่ายยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น แต่กลับมีการโยนปัญหากันไปมา ระหว่าง อบต. อบจ. และกรมชลประทาน จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับการแก้ไข" ผู้ใหญ่บ้านป่าเลา กล่าว
คนเมืองเชียงใหม่ ชี้สาเหตุมาจากถมที่ดินริมฝั่งน้ำปิง สร้างตึก ทับทางระบายน้ำเดิม
นาง
แต่ปัจจุบัน จะเห็นว่ามีการสร้างบ้านสร้างตึกติดพื้น ซึ่งทำให้น้ำไม่มีช่องทางที่ระบายไหลออกไป จึงทำให้น้ำท่วม
"อีกทั้งยังมีการบุกรุกเข้าไปยึดเอาที่ดินที่งอก และยังเข้าไปถมที่ยื่นออกไปในแม่น้ำปิง จนทำให้แม่น้ำปิงแคบลง และทางระบายน้ำ หรือที่เรียกว่าแก้มลิงนั้น เมื่อก่อนนั้นเคยมี แต่ตอนนี้มันหายไป จึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ แม้กระทั่งบริเวณกาดดอกไม้ หรือกาดหลวง เมื่อก่อนพื้นที่ตรงนั้นเคยเป็นแม่น้ำปิง ต่อมามีการเวนคืนโดยอ้างว่าเพื่อใช้เป็นที่สาธารณะ แต่ปรากฏว่าตอนนี้กลายเป็นลานจอดรถ นี่เป็นบางตัวอย่าง และอยากถามว่า ประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐนั้นหายไปไหน" นางวรวิมล กล่าว
นางวรวิมล เสนอทางออกกับปัญหานี้ว่า ต้องระดมความคิดเห็นจากหลายๆ ฝ่าย หลายๆ หน่วยงาน พูดและยอมรับความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน และจะต้องลงมือแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง อีกทั้งการแก้ปัญหานี้ จะต้องใช้เงินงบประมาณอย่างคุ้มค่าและมีความโปร่งใส
ด้าน ดร.
คนสารภี โวยเทศบาล ชม.ปล่อยน้ำเน่าลงลำเหมืองพญาคำ
ด้านนาย
"ที่ผ่านมา จะเห็นว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่ ทำให้เกิดโครงการรัฐหลายๆ โครงการเกิดขึ้น โดยที่รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจฝ่ายเดียว ไม่ได้ยอมฟังเสียงของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น จึงอยากให้ทุกฝ่ายทุกหน่วยงาน ได้เดินสำรวจดูพื้นที่เกิดน้ำท่วมให้ทั่ว ก่อนจะมาวางแผน และลงมือแก้ไขปัญหาร่วมกัน" นายสมบูรณ์ กล่าว
ชี้รัฐมุ่งจัดการน้ำเพื่อภาคอุตสาหกรรม
ในขณะที่ นาย
ย้ำต้องใช้ฐานความรู้เดิม พัฒนากลไกรัฐ ทำแผนจัดการน้ำแบบบูรณาการ
นาย
นอกจากนั้น อยากจะเสนอให้มีการพัฒนากลไกในการจัดการน้ำทั้งของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นสำนักผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรน้ำ กรมที่ดิน กรมป่าไม้ หรือ กรมอุทยานฯ รวมไปถึงการพัฒนาโครงสร้างของคณะทำงานในการจัดการน้ำซึ่งมีภาคประชาชนเข้าไปเป็นคณะกรรมการร่วมในการจัดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เช่น อาจแยกคณะทำงานกันแต่ละชุด เช่น คณะกรรมการในเขตเมือง เขตลุ่มน้ำสาขา ลำคลองหนองบึง หรือในเขตบริเวณพื้นที่ป่า
"ที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นแผนการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำกันเลย มีเพียงแค่ ทางกรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้ำ ได้ใช้พื้นที่ในเขตเชียงใหม่ แต่ไปเอาแผนการจัดการน้ำที่ว่าจ้างบริษัทปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด เข้ามาสอดแทรกในการดำเนินการสร้างเขื่อนและการผันน้ำเท่านั้น โดยที่ทางจังหวัดไม่เคยมีแผนของตัวเองแต่อย่างใด" นายนิคม กล่าว
ชี้รัฐผุดโครงการมุ่งแต่งบประมาณ แต่ไม่คำนึงถึงมิติสังคมและวัฒนธรรม
นาย
โวยรัฐเมินข้อเสนอของ อนุกรรมการฯ ลุ่มน้ำปิง
นาย
แต่ว่า ข้อมูลและกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การระดมความคิดเห็นที่ได้มีการประชุมสัมมนากันหลายครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้ถูกนำมาใช้ มีเพียงแค่การหยิบยกเอาข้อมูลที่บริษัทที่ปรึกษา เพราะฉะนั้น จึงกลายเป็นว่า อนุกรรมการชุดดังกล่าว จึงดูไม่มีความหมาย
"เพราะฉะนั้น จำต้องมีการวางแผนการจัดการน้ำเพื่ออนาคต ซึ่งมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษาและวางแผนกันอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เฉพาะเรื่องเป็นรายๆ ไป เหมือนในขณะนี้" นายนิคม กล่าวทิ้งท้าย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)