เชียงใหม่-27 มิ.ย.48 "ทุกวันนี้ เราอยู่ในโลกที่ถูกความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้าครอบงำอย่างหนัก และไม่มีในครั้งไหน ที่จะส่งเสริมให้คนมีความโลภ ความโกรธ ความหลงมากเหมือนในยุคนี้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐและนโยบายรัฐที่เข้าไปสนับสนุนส่งเสริม" ศ.ดร.นิธิ เอียว
ศรีวงศ์ จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าว ในกรณีการมรณภาพของพระสุพจน์ ด้วงประเสริฐ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมศรีปริยัตยานุรักษ์ มหาจุฬาลงกรณ์ วิทยาลัยเชียงใหม่ วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ มีการจัดเวทีเสวนาเรื่อง การหาแนวทางแก้ไขปัญหาการคุกคามพระสงฆ์ อนุรักษ์ป่าและการรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำจาก กรณีการมรณภาพของ พระสุพจน์ ด้วงประเสริฐ ที่ถูกคนร้ายในสำนักปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรมอย่างโหดเหี้ยมรุนแรง

ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวว่า บางคนอาจคิดว่า มันไม่ใช่กิจของสงฆ์ ที่จะต้องเข้าไปร่วมกิจกรรมทั่วๆ ไป คิดว่าพระสงฆ์มีหน้าที่บำบัดทุกข์ทางใจเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงทุกข์ทางกาย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกข์ทางใจกับทุกข์ทางใจนั้นแยกจากกันไม่ได้ ดังนั้น เราจึงเห็นพระสงฆ์ที่ทำกิจกรรมในสังคมที่อาจไปขัดแย้งกับการขัดผลประโยชน์ของนายทุนท้องถิ่นและนายทุนระดับประเทศ จนทำให้พระถูกฆ่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจ

"สิ่งที่ถูกคุกคามพระสงฆ์มากที่สุดในตอนนี้ ก็คือ การถูกคุกคามจากบริษัทเอกชน โดยบางครั้งได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐ และนโยบายของรัฐ ที่พยายามสรรเสริญส่งเสริมความโลภ ความโกรธ ความหลง โดยใช้ระบบทุนนิยม ซึ่งจะเห็นว่าใครไปขัดขวาง ก็โกรธ สุดท้ายก็ไปทำร้ายผู้อื่นที่ไปขัดขวาง" ศ.ดร.นิธิ กล่าว

ศ.ดร.นิธิ ยังกล่าวอีกว่า แนวทางแก้ไขก็คือ ต้องรู้เท่าทันโลกในยุคปัจจุบันให้ดี ทำอย่างไรจึงจะรู้จักการบริโภคให้พอดี ไม่ใช่จะมุ่งหวังร่ำรวยเพียงอย่างเดียว และต้องเข้าใจว่ารากฐานของความเป็นพระคือชาวบ้าน เพราะฉะนั้น พระกับชาวบ้านจะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างดี ซึ่งการบิณฑบาตนั้น ก็เป็นหัวใจสำคัญในการรู้จักกับชาวบ้าน โดยชาวบ้านจะเป็นเกราะกำบัง อีกทั้งทำอย่างไร ถึงจะทำให้มีความโกรธให้น้อยลง และมีเมตตาให้มากขึ้น และต้องเข้าใจว่า ไม่มีความปลอดภัย 100% หรอกในโลกนี้