เมื่อเวลา 01.20 น. วันที่ 31 มีนาคม 2548 มีคนร้ายบุกเข้าปล้นปืนของชุดรักษาควงามปลอดภัยหมู่บ้าน ที่โรงเรียนบ้านกาวะ หมู่ที่ 2 ตำบลกาวะ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

กระทั่งเช้าวันเดียวกัน ร.ต.ท.กฤษณะ เข็มกลัดทอง ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรอำเภอสุไหงปาดี พ.ต.อ.เติม อินทะสะระ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอสุไหงปาดี นายเจร แดงดี ปลัดป้องกัน อำเภอสุไหงปาดี พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครรักษาดินแดนกว่า 50 นาย จึงเข้าไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงโรงเรียนบ้านกาวะ พบกับนายซูเด็ง อาแว อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 พร้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง นั่งรออยู่ภายในโรงอาหาร ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายบุกเข้าปล้นปืนลูกซองยาว 5 นัดไปได้ 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง

จากการสอบปากคำนายแวเฮง ยูโซ๊ะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 2 บ้านกาวะ ชุดรักษาความปลอดภัยพบว่า ปกติมีชาวบ้านผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าเวร รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านตามปกติ โดยจัดให้เข้าเวรยาม 4 คน นอนพักในโรงอาหารโรงเรียนบ้านกาวะทุกคืน แต่เมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคม 2548 มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเข้าเวรยามเพียง 2 คน คือนายแวเฮง ยูโซ๊ะและนายหะมะ รอยาลี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 218/1 หมู่ที่ 2 บ้านกาวะ และนายนิสรี หะยีดือเระ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 2 บ้านกาวะ

เวลาประมาณ 01.10 น. วันที่ 31 มีนาคม 2548 ขณะที่ทั้ง 2 คน กำลังนั่งดูทีวีมีคนร้าย 8 คน สวมหมวกไหมพรมปิดหน้า พกอาวุธปืนเอ็ม 16 โดย 1 ใน 8 คนร้าย ยืนดูต้นทางที่ประตูหน้าโรงเรียน ที่เหลืออีก 7 คน เดินมาหานายแวเฮง กับนายหะมะ ที่นอนอยู่หน้าห้องติดกับกระดานดำ พอนายแวเฮงเห็นคนร้าย จึงรีบลุกขึ้นคว้าอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด คลานหลบไปอยู่ใต้โต๊ะเรียนหนังสือ แต่คนร้ายได้ร้องเรียกพร้อมข่มขู่ให้ออกมาจากที่ซ่อน โดยคนร้ายได้ใช้ด้ามปืนตีที่ลำตัวหลายครั้ง

ส่วนนายหะมะ ถูกรุมทำร้ายตามร่างกายหลายแห่งจนบอบช้ำ ก่อนจะหลบหนีออกไป คนร้ายได้รื้อค้นกระเป๋ากางเกง นำกระเป๋าเงินนายหะมะ ซึ่งมีเงินอยู่ 1,000 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถืออีก 2 เครื่อง รวมทั้งอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด 1 กระบอก พร้อมกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง
ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนี 1 ใน 8 คนร้าย ได้พูดเป็นภาษายาวีว่า "อย่าตาม อย่าลุกขึ้น ถ้าไม่เชื่อจะยิงทิ้ง" ทำให้ทั้ง 2 คนไม่กล้าตามคนร้ายออกไป

หลังจากสอบปากคำ พนักงานสอบสวนได้เดินดูบริเวณรอบๆ อาคาร พบรอยเท้าของคนร้ายยาวไปจนถึงข้างบ้านพักภารโรง หายเข้าไปในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจสกัดกลุ่มคนร้ายตามเส้นทางสายต่างๆ ที่มีเขตรอยต่อกับอำเภอสุไหงปาดีกว่า 10 จุด แต่ไม่พบเบาะแสและร่องรอยของคนร้าย