Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 24 พ.ย. 47 คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงเพื่อหาข้อสรุปเรื่องสิทธิบัตรกวาวเครือของไทยที่บริษัทเครื่องสำอางของประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีนำไปจดสิทธิบัตรไว้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะกรณีบริษัทเกาหลีนั้น มีชื่อ ดร.วิชัย เชิดชีวศาสตร์ นักวิจัยของไทยเป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ประดิษฐ์ด้วย

"การจดสิทธิบัตรไม่ใช่งานวรรณกรรม มันต้องตกตะกอนเป็นเวลานานกว่าจะได้มา กวาวเครือที่จดเป็นพันธุ์วิชัย1 มีการพัฒนามาตั้งแต่ปี 34 จนถึงกุมภาพันธ์ปี 42 ผมทำก่อนที่จะมีการร่างพ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช และผมก็ไม่รู้ว่าจะมีการร่างกฎหมาย ระหว่างการร่างก็ไม่เคยถูกเชิญให้เข้าร่วม" ดร.วิชัย เชิดชีวศาสตร์กล่าวถึงประเด็นพ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ที่ระบุให้กวาวเครือเป็นพืชป่าที่ต้องมีการขออนุญาตหากจะนำไปใช้วิจัยเชิงพาณิชย์

ดร.วิชัยกล่าวต่อว่า ประเทศเกาหลีที่รับสิทธิบัตรไปยังไม่มีธุรกรรมหรือดำเนินการอะไร โดยส่วนตัวเห็นว่าเรื่องนี้คนไทยจะได้รับประโยชน์ เพราะฐานล่างคือเกษตรกรสามารถปลูกกวาวเครือเพื่อสร้างรายได้ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการรายย่อย โรงงานที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องสำอาง รวมไปถึงผู้ค้าระหว่างประเทศ

นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญากล่าวว่า เรามีทางที่จะฟ้องกลับคืนได้ โดยตามหลักเกณฑ์แล้วต้องคัดค้านการจดสิทธิบัตรภายใน 6 เดือน สำหรับกรณีของประเทศไทยแม้จะเกินเวลา 6 เดือนแล้ว แต่ก็ยังมีสิทธิ์ฟ้องเพิกถอนต่อศาลได้ตลอดอายุของสิทธิบัตร โดยต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ต่างชาติจดสิทธิบัตรไปนั้นไม่ใช่ของใหม่ และกรรมวิธีนั้นซ้ำซ้อนกับของคนไทย

ด้านพ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกล่าวว่าประเทศไทยจำเป็นต้องออกกฎหมาย 3 ฉบับ เพื่อความครอบคลุมและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอีกคือ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพืชป่าพืชพื้นเมือง พ.ร.บ.คุ้มครองภูมิปัญญา และพ.ร.บ.ป่าชุมชน

"ตอนนี้เหมือนกับเราจะสร้างรั้ว แต่มีแค่เสาปักไว้ ซึ่งจริงๆ ต้องรู้ว่าจะเจรจาตรงไหน ห้องรับแขกอยู่ตรงไหน และควรให้ประเทศด้อยพัฒนามาจับมือกับเราร่วมกันต้านมหาอำนาจ จึงอยากให้ทาง ส.ว. ศึกษาอย่างลึกซึ้งและผลักดันให้เกิดขึ้นจริง" พ.ญ.เพ็ญนภากล่าว

นายวิชา ธิติประเสริฐ ผอ.กองคุ้มครองพันธุ์พืช กล่าวว่า เรื่องนี้ควรมีเจ้าภาพที่จะดำเนินการ และตั้งทีมศึกษาอย่างจริงจังเพื่อไปต่อสู้ในศาล แต่ต้องเตรียมข้อมูล เงินทุน และกลยุทธ์ที่ชัดเจน ซึ่งหน่วยงานหลักที่เหมาะสมที่สุดคือ กรมการแพทย์แผนไทยฯ โดยกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์จะร่วมผนึกกำลังสนับสนุน
กิติยวดี สีดา
ประชาไทรายงาน

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net