Skip to main content
sharethis

แล้วหนุ่มเหนือคนนี้ก็ทำสำเร็จ หลังการรอคอยมา 8 เดือนเต็ม เอ็ม อรรถพล ประกอบของ ก็ได้เป็นเดอะสตาร์คนใหม่ของเมืองไทย

เขาทำให้ทั้งประเทศโดยเฉพาะภาคเหนือมีชีวิตชีวาขึ้นมากโดยเฉพาะค่ำคืนสุดท้ายก่อนการประกาศผล คนหลายรุ่นหลายวัย ลูกเล็กเด็กแดงผู้เฒ่าผู้แก่ทั่งทุกหัวระแหงจับจ้องดูเขาโลดแล่นอยู่บนเวที

หลายคนที่เคยแต่คอยดู ตั้งปณิธานจะไม่ยอมเป็นเหยื่อให้ระบบเอสเอ็มเอสได้แอ้มสตางค์ ยังอดไม่ได้ที่ต้องหยิบโทรศัพท์มากดหมายเลข 5 เชียร์เอ็ม เชียร์เอ็มไปกับเขาด้วย

เรียลลิตี้ทีวีเดอะสตาร์โครงการ 2 ประสบความสำเร็จใจเชิงธุรกิจอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ได้เปลี่ยนชีวิตหนุ่มสาวทั้ง 8 คนไปด้วย และเอ็มก็เป็นหัวแถวของผองเพื่อน

เอ็มเข้ามาในจังหวะที่รายการเรียลลิตี้โชว์กำลังพุ่งถึงขีดสุด เพราะมีข้อเปรียบเทียบกับอแคดามีแฟนตาเชียของค่ายยูบีซีอยู่ด้วย แต่ความเป็นฟรีทีวีทำให้เอ็มเป็นที่แพร่หลายกว่า และแน่นอนหมายถึงเพื่อนทั้ง 7 ของพวกเขา ที่ก้าวสู้เส้นทางสายดนตรีไปด้วย เป็นวัตถุดิบที่แกรมมี่สามารถจะหยิบจับไปวางในตลาดได้หลากหลาย

แต่ไม่ว่าเส้นทางการตลาดจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนหรือจะเป็นไปอย่างไร สำหรับหนุ่มเอ็มแล้ว ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการเดินถึงฝั่งฝันของคนที่ชื่นชอบดนตรี เขากำลังจะมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง เขาบอกกับเราว่าจะตั้งใจทำมันให้ดีที่สุดและนำกลับมาเป็นของฝากให้กับชาวเหนือที่บ้านเกิด

----------------------------------------

เอ็มเกิดวันที่ 28 กันยายน 2521 วันนี้เขาอายุ 26 ปีแล้ว ตอนเอ็มเกิด ยุพิน วงศ์สุนทร ซึ่งเป็นแม่รับราชการครูอยู่ที่อำเภอแม่อาย เขาจึงเติบโตที่นั่น แต่อายุได้เพียง 2 ขวบ ยังไม่ทันรู้ประสาการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับเขา

"พ่อกับแม่เลิกกันตอนเอ็มอายุได้ 2 ขวบ ส่วนใหญ่เอ็มก็อยู่กับยาย แม่ก็ต้องทำงานต่างอำเภอ ส่งเงินมาให้เอ็มตลอด จนยายเสียเอ็มทำงานในเมืองก็อยู่กับเพื่อนเป็นหลัก หาเงินใช้เองแต่เด็ก แต่เอ็มก็มีน้องอีก 2 คนจากครอบครัวใหม่ของแม่"เอ็มเล่าให้"พลเมืองเหนือ"ฟังมาตามสาย หลังฉลองตำแหน่งเดอะสตาร์เมื่อคืนที่ผ่านมาเสร็จสิ้น

เอ็มเข้ามาเรียนอนุบาลบ้านเด็กในตัวเมืองเชียงใหม่ และกลับไปเรียนประถมที่อำเภอเชียงดาวตามการย้ายครอบครัวของแม่จนถึง ป. 6 จากนั้นเข้าเมืองมาเรียน ม.1-2 ที่โรงเรียนกาวิละ วิทยาลัยและกลับไปจบ ม.3 ที่โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม ก่อนจะเข้าเรียนเอกวิจิตรศิลป์ที่อาชีวะศึกษาได้ 1 เดือนแต่ก็เปลี่ยนสายไปเรียนที่พาณิชยการลานนาจนจบปวส.

เอ็มเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยพายัพได้ 1 เทอม ระหว่างนั้นเริ่มทำงานร้องเพลงตามร้านอาหาร ผับ เธคชื่อดังของเชียงใหม่หลายแห่ง เพราะนอนดึกตื่นสายเอ็มต้องตัดสินใจว่าต้องการแบบไหน แล้วเขาก็ขอดร็อปเรียนทำงานหาเงินด้วยการร้องเพลง

"เขาบอกแม่เสมอว่า อย่างไรเอ็มก็จะเอาปริญญามาฝากแม่ให้ได้ เพราะเขารู้ว่าแม่หวังแต่ในคืนที่เขาได้เป็นเดอะสตาร์เขาบอกแม่ว่า เอ็มทำสำเร็จแล้ว แต่ก็คิดว่าเมื่อเขาเบนเข็มมาเป็นอย่างนี้ก็ไม่เป็นไร อยู่ที่ความชอบของลูกและเป็นเรื่องของดวงด้วย" ยุพิณบอก

เส้นทางสู่นักร้องของเอ็มเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเขาลงขันกับเพื่อนเช่าห้องซ้อมดนตรีคนละ 50 -60 บาท ในเมืองเชียงใหม่ ซ้อมกลอง ซ้อมร้องกันตามประสา จนวันหนึ่งเขาไปร้านอาหารกับเพื่อนแล้วความขี้เล่นก็เป็นเรื่อง เอ็มนัดหมายกับเพื่อนที่ขึ้นร้องบนเวทีให้ลิบซิงค์ แล้วเขาจะร้องอยู่หลังเวทีเอง และนั่นเส้นทางสายดนตรีก็เปิดรับเขาในฐานะนักร้อง

"เอ็มร้องเพลงแนวเธคมาก่อน แล้วก็มาแนวผับทีหลัง ร้องมาแล้วหลายที่ สำหรับคอทเทจก็มาร้องได้ปีกว่าๆ และก็เป็นธรรมดาของนักร้องทุกคนที่อยากมีอัลบั้มเพลงของตัวเอง"

เอ็มพลาดหวังจากเดอะสตาร์โครงการแรก ขณะที่จิ๋วและนิวเพื่อนนักร้องที่เดียวกันซึ่งเกือบคว้าดาวสำเร็จ โดยเฉพาะจิ๋วตัวแทนจากภาคเหนือที่เฉียดสนธยา ชิดมณี หนุ่มใต้เดอะสตอคนนั้น และก็เป็นจิ๋วและนิวที่ทำให้เอ็มฮึดสู้อีกครั้งในปีต่อมา

"ปีแรกเอ็มตกรอบเพราะเขาไปแบบไม่ซ้อมอะไรเลย คงเห็นว่าเป็นนักร้องอยู่แล้วก็เลยร้องไปอย่างนั้น ปรากฏว่าตกรอบ แต่พอเห็นจิ๋วกับนิวผู้หญิงตัวเล็กๆ ยังทำได้ เขาก็เลยไปสมัครโครงการสองและทำจนสำเร็จ"

แม่ยุพิณเล่าแต่นั่นเป็นข้อมูลที่เธอรู้ภายหลัง เพราะเมื่อเอ็มไปสมัคร หรือเข้าแข่งในแต่ละรอบ เธอเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก จนถึงวันที่เอ็มมาบอกว่าจะเดินทางไปกรุงเทพเพราะเขาได้เป็นตัวแทนภาคเหนือและติด 1 ใน 8 คนสุดท้ายของเดอะสตาร์ เธอแปลกใจมากเพราะคิดว่าคนจะผ่านการคัดเลือกไปกรุงเทพได้จะต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ แต่ตอนนั้นเธอไม่แน่ใจว่าเอ็มได้ไปต่อแค่ไหน

"เราก็ไม่แน่ใจคนของเรา เพราะสำหรับแม่คนไปกรุงเทพได้ต้องมีศักยภาพสูงหลายอย่าง ยังคุยกันกับพ่อว่าเราไปกันสักรอบสองรอบ คงจะไม่มากกว่านั้นเพราะแต่ละคนเก่งทั้งนั้น แถมคนเชียร์ก็มาก แต่เอ็มก็ผ่านมาเรื่อยๆ มีแฟนคลับ ไปไหนคนก็ให้กำลังใจก็มีความหวังขึ้นมา "

4 เดือนก่อนหน้านี้ชีวิตของยุพิณและครอบครัวเปลี่ยนไปมาก ทุกวันเสาร์เธอต้องออกเดินทางจากเชียงใหม่ขับรถไปบ้าง เหมารถไปบ้าง ออกเดินทางแต่เช้าถึงกรุงเทพเย็น น้ำท่าไม่ได้อาบเข้าไปรอการถ่ายทอดสดที่สตูดิโอย่านเหม่งจ๋าย ให้กำลังใจลูกชายร้องเพลงจนจบจึงกลับไปพักผ่อนที่บ้านญาติ เดินเล่นบ้าง หางเสียงแถวจตุจักรบ้าง จนถึงค่ำคืนวันอาทิตย์รอลุ้นผลโหวต แล้วเดินทางกลับทันที แม้จะเลยเที่ยงคืน แต่ก็เป็นการเดินทางกลับบ้านที่มีความสุขทุกครั้งเพราะเอ็มได้ไปต่อทุกอาทิตย์

"ถึงเชียงใหม่แม่เดินทางไปเชียงดาวต่อ เพราะสอนเด็กนักเรียนป.3อยู่ที่โรงเรียนแม่นะ อ.เชียงดาว ก็ขออนุญาตผู้บริหารว่าช่วงนี้ขอไปสายสักหน่อย ท่านก็เข้าใจ"

ทุกครั้งที่เอ็มอยู่บนเวที ยุพิณเล่าอย่างขนลุกว่าเธอไม่นึกไม่ฝันว่าลูกจะไปถึงขั้นนี้ได้ ไม่คิดว่าเอ็มจะเป็นนักร้องด้วยซ้ำ เพราะยามเล็กเอ็มจะไม่ค่อยพูด ขี้อาย นิ่มๆ ชอบเล่นเกมประสาเด็ก รักเพื่อน และเพื่อนฝูงรักเรื่องชกต่อย การพนัน ยาเสพติดไม่มี

สำหรับเอ็มแล้วช่วงเวลาบนเวทีคือห้วงของความสุข และความฝันของเขาก่อนจะคว้าดาวสำเร็จ คือการกลับมาเปิดคอนเสิร์ทที่เชียงใหม่บ้านเกิด แทนคำขอบคุณที่คนเชียงใหม่มอบให้เขา แต่ต้องเป็นวันที่เขามีเพลงเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะได้ยืนยันว่าเขาได้ทำอะไรตอบแทนบ้าง ซึ่งคงไม่นานเกินรอที่จะเตรียมเสียงกรี๊ดและปรบมือให้กับความพยายามของ "เอ็ม เดอะสตาร์ "

โครงการความร่วมมือด้านข่าวภูมิภาค
พลเมืองเหนือ-ประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net