ประชาไท-18 ก.ค. 48       "ผมว่าในอดีตอำนาจไม่ได้น้อยอะไรเลย ในคณะทำงานผมที่นั่งคุยกัน 13 คนมีความรู้สึกว่า ไม่แน่ว่าแนวทางความคิดนี้จะนำไปสู่ความสงบ สิ่งที่เรากลัวเกรงมากที่สุด แต่เราหวังว่า ไม่เกิดขึ้นนะ ก็คือว่า จะนำไปสู่วิกฤติที่แท้จริง" นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ(กอส.)  กล่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานกอส. ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้(18 ก.ค.)

นายอานันท์ กล่าวถึงเรื่องการออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ว่า การให้อำนาจที่มากขึ้นกับเจ้าหน้าของรัฐนั้น เกรงว่าว่า ถ้ากลไก และเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีประสิทธิภาพพอ จะเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดจะมีมากขึ้น ตัวของนายก รัฐมนตรีเองก็ดูแลไม่ได้ ทำให้เกิดความคลางแคลงใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น

ทั้งนี้ นายอานันท์ ระบุว่า จะมีเรียกการประชุมกอส. นอกวาระปกติ เพื่อหารือถึงมาตรการที่จะนำเสนอรัฐบาล ในวันพรุ่งนี้(19 ก.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ประธานกอส. ชี้ว่า พ.ร.ก.ดังกล่าว ถือว่าออกมาแล้ว คงไปแก้ไขอะไรไม่ได้ จึงไม่ได้ติดใจเนื้อหาของ และไม่ออกความเห็น

อย่างไรก็ตาม  ประธานกอส. บอกว่าเป็นห่วงในทางปฏิบัติ ดังนั้น หากจะมีการออกประกาศหรืออะไรก็ตามหลัง พ.ร.ก.ฉบับนี้ ขอให้รัฐบาลอย่าทำอะไรที่ฉับพลันนัก และอย่าใช้ความเร่งด่วนเป็นตัวแปร ขอให้ใช้เวลาคิดหน่อย

นายไพศาล พรหมยงค์ กรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ(กอส.) กล่าวว่า พระราชกำหนดฉบับนี้เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของรัฐบาล และหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น รัฐบาลคือผู้ที่รับผิดชอบ เพราะรัฐบาลใช้การกระทำที่ไม่เหมาะสมในการออก พ.ร.ก. โดยอ้างความเร่งด่วน ถือว่า เป็นการฉวยโอกาส ภายใต้สถานการณ์ที่คนกำลังเดือดร้อน

นายไพศาล ยังกล่าวอีกว่า การออก พ.ร.ก.ดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกอส. เลยในขณะที่นายกรัฐมนตรี

มักพูดเสมอว่า หากจะมีการออกกฎหมายใดที่จะนำมาใช้แทนกฎอัยการศึก จะต้องหารือกับ กอส. ก่อน เพราะกอส.มีทั้งข้อมูล และมีผู้คลุกคลีกับพื้นที่ทำให้สามารถแนะรัฐบาลให้กำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ได้ แต่ครั้งนี้ไม่เคยถาม กอส. แม้แต่คำเดียว ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ และเคยรับปาก จึงอยากถามว่า ตั้งกอส.ขึ้นมาเพราะอะไร

"ถ้าพ.ร.ก. ออกมา 3 เดือนยังไม่ดีขึ้น 6 เดือนยังไม่ดีขึ้น คนที่จะตอบคำถามไม่ใช่คนอื่นแล้ว นี่คือฟางเส้นสุดท้ายของรัฐบาล" นายไพศาลกล่าว