Skip to main content
sharethis

มติคณะกรรมการตรวจสอบ


เรื่อง ให้อายัดทรัพย์ของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร กับพวก



 


 


ด้วยผลจากการตรวจสอบและไต่สวนในคดีต่างๆ ของ คณะกรรมการตรวจสอบ (คตส.) ได้ลุล่วงถึงขั้นมีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับพวก ได้ทุจริตประพฤติมิชอบ และร่ำรวยผิดปกติได้ทรัพย์สินโดยมิสมควรจากการใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อกิจการของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นเหตุให้ได้ประโยชน์ หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐโดยรวม ดังนี้


 



พฤติการณ์ทุจริตประพฤติมิชอบ



 


มีพยานหลักฐานจนถึงขั้นถูกกล่าวหา ๕ คดี และ เกิดความเสียหายต่อรัฐดังนี้



         


          ๑. การทุจริตโครงการจัดซื้อที่ดินมูลค่าตามสัญญา ๗๗๒ ล้านบาท จากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย



          ๒. การจัดซื้อกล้ายางมูลค่าตามสัญญา ๑,๔๔๐ ล้านบาท ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์



          ๓. การทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร และเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด CTX ๙๐๐๐ รัฐเสียหายประมาณ๑,๕๐๐ ล้านบาท



          ๔. โครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย ๓ ตัว และ ๒ ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รัฐเสียหาย ประมาณ ๓๗,๗๙๐ ล้านบาท



          ๕. การให้เงินกู้โดยทุจริตของผู้บริหารธนาคารกรุงไทย รัฐเสียหายประมาณ ๕,๑๘๕ ล้านบาท


 



          พฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ



         


            มีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภริยา ยังคงถือไว้ซึ่งหุ้นธุรกิจสัมปทานของ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นต้นมา แต่ได้ให้บุตร ญาติ หรือบุคคลผู้ใกล้ชิดเป็นผู้ถือหุ้นเอาไว้แทน และยังได้ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อกิจการชินคอร์ปหลายประการ ดังนี้



         


          ๑. แก้ไขสัญญาข้อตกลงลดส่วนแบ่งรายได้ค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้า (Prepaid) เพื่อประโยชน์แก่บริษัท แอดวานส์ อินโฟเซอร์วิซ จำกัด (AIS) ทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ ตลอดอายุสัมปทานเป็นเงิน ประมาณ ๗๑,๖๖๗ ล้านบาท



          ๒. แก้ไขสัญญาข้อตกลงปรับเกณฑ์การตัดส่วนแบ่งรายได้ให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัท แอดวานส์ อินโฟเซอร์วิซ จำกัด (AIS) ทำให้รัฐเสียหายประมาณ ๗๐๐ ล้านบาท



          ๓. ตราพระราชกำหนดภาษีสรรพสามิตในกิจการโทรคมนาคม และได้มีมติคณะรัฐมนตรีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อประโยชน์แก่บริษัท แอดวานส์ อินโฟเซอร์วิซ จำกัด (AIS) ทำให้วิสาหกิจของรัฐเสียหายประมาณ ๓๐,๖๖๗ ล้านบาท



          ๔. ให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เช่าและลงทุนระบบคลื่นความถี่ดาวเทียมของบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) โดยไม่จำเป็นเป็นเหตุให้ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)รัฐเสียหาย เป็นจำนวนเงินประมาณ ๗๐๐ ล้านบาท



          ๕. สั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) ให้รัฐบาลสหภาพพม่ากู้เงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการของบริษัทชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) ในจำนวนเงินกู้ประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านบาท



          ๖. อาศัยการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นำผลประโยชน์ของชาติแลกเปลี่ยนบุกเบิกตลาดธุรกิจดาวเทียมให้แก่สายธุรกิจดาวเทียมในเครือบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพิ่มมูลค่าธุรกิจดาวเทียมของบริษัทชิน แซทเทิลไลท์ เป็นอันมาก



          การใช้อำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเองดังกล่าว มีทั้งที่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เกี่ยวข้องสั่งการโดยตรง หรือละเว้นไม่กำกับสั่งการดูแลมีความพยายามหลีกเลี่ยงขั้นตอนตรวจสอบตามกฎหมายทุกครั้ง ยังผลเป็นประโยชน์อัน มิควรได้ตกเป็นมูลค่าแฝงฝังอยู่ในหุ้นของตน จนมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างผิดปกติตลอดเวลา



          ในท้ายที่สุดก็ได้ใช้อำนาจหน้าที่ผลักดันให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเพิ่มเติมให้บุคคลต่างด้าวถือหุ้นในบริษัทด้านกิจการโทรคมนาคม จากเดิมไม่เกินร้อยละ ๒๕ เป็นไม่เกินร้อยละ ๕๐ พร้อม ๆ กับการเจรจาเพื่อขายหุ้นที่มีชื่อครอบครัวและบริวารของตนเป็นเจ้าของอยู่ร้อยละ ๔๙.๒ ให้แก่กองทุนเทมาเส็กของประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งเมื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๙ ก็ได้ดำเนินการขายหุ้นดังกล่าวให้แก่กองทุนเทมาเส็กในวันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๔๙ ได้เงินจากการขายหุ้นทั้งหมด เป็นจำนวน ๗๓,๒๗๑ ล้านบาท


 



          คำสั่งอายัดทรัพย์



         


            คณะกรรมการตรวจสอบ จึงเห็นว่า ผลการดำเนินการในเรื่องที่ตรวจสอบและไต่สวนดังกล่าวในปัจจุบัน มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการทุจริตและประพฤติมิชอบ และร่ำรวยผิดปกติ และเนื่องจากได้พบว่าเงินบางส่วนได้ถูกยักย้ายถ่ายโอนแล้ว เช่นเงินค่าขายหุ้นชินคอร์ปก็คงเหลืออยู่ในบัญชีประมาณ ๕๒,๘๘๔ ล้านบาทเท่านั้น



       


         อาศัยอำนาจตามความในประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๓๐ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๙ เรื่อง การตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ข้อ ๕ วรรคสอง และข้อ ๘ จึงมีมติให้อายัดเงิน ในบัญชีธนาคารหรือสถาบันการเงิน ดังนี้



        


         คำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบที่ คตส.๐๑๖/๒๕๕๐ ให้อายัดบัญชีเงินฝากที่ได้จากการขายหุ้นชินคอร์ป ให้แก่กลุ่มทุนเทมาเส็คดังนี้



       


          ๑. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๑-๑๑๖๐๔-๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๒. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๒-๒๗๗๒๒-๒ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๓.บัญชีเลขที่ ๒๐๘-๑-๐๐๐๒๒-๙ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยเซ็นจูรี่



          ๔. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๒-๓๑๐๐๘-๘ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๕. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๑-๑๓๐๙๒-๒ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๖. บัญชีเลขที่ ๐๐๑-๑-๕๕๒๓๒-๕ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาชิดลม



          ๗. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๒-๔๑๕๒๔-๔ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๘. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๑-๑๒๖๓๑-๓ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๙. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๑-๑๒๒๒๒-๐ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๑๐. บัญชีเลขที่ ๐๐๑-๑-๕๕๑๘๘-๒ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาชิดลม



          ๑๑. บัญชีเลขที่ ๐๑๔-๑-๑๑๓๐๐-๙ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)สาขาพหลโยธิน



          ๑๒. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๒-๗๘๑๘๘-๑ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๑๓. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๑-๑๑๑๘๘-๙ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๑๔. บัญชีเลขที่ ๑๑๑-๑-๑๓๐๙๕-๖ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน



          ๑๕. บัญชีเลขที่ ๐๑๔-๒-๔๑๓๓๕-๕ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาพหลโยธิน



          ๑๖. กองทุนธนบดี ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในนามนายพานทองแท้ ชินวัตร



          ๑๗. กองทุนธนบดี ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในนามนางสาวพินทองทา ชินวัตร



          ๑๘. บัญชีเลขที่ ๑๒๗-๒-๓๗๓๔๒-๒ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารีย์ฯ



          ๑๙. บัญชีเลขที่ ๑๒๗-๒-๓๗๓๔๓-๐ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารีย์ฯ



          ๒๐. บัญชีเลขที่ ๑๒๗-๒-๓๗๒๘๗-๙ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารีย์ฯ



          ๒๑. บัญชีเลขที่ ๑๔๖-๒-๓๑๐๘๑-๒ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาราชวัตร



         


         คำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบ ที่ คตส. ๐๑๗/๒๕๕๐ ให้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ทุกบัญชีเงินฝาก ทุกธนาคาร และทุกสถาบันการเงิน



         


         การอายัดทรัพย์ตามคำสั่งทั้งสองนี้ให้อายัดไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง



         


          อนึ่ง บุคคลใดกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของทรัพย์สินที่อายัดตามคำสั่งดังกล่าว และมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือมิได้เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้บุคคลนั้นยื่นคำร้องเพื่อพิสูจน์ต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ภายใน ๖๐ วัน นับแต่



         


           วันออกคำสั่งนี้



         


           วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๐



    


 


 


คำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบ



ที่ คตส. /๒๕๕๐



เรื่อง อายัดทรัพย์สินของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร



---------------------------------------


 



          ด้วยคณะกรรมการตรวจสอบในการประชุมครั้งที่ ๒๔/๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๐ มีมติว่าจากการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้กระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือร่ำรวยผิดปกติ



          อาศัยอำนาจตามความในประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๓๐ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๕ และข้อ ๘ คณะกรรมการตรวจสอบ จึงออกคำสั่งอายัดเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และสถาบันการเงิน ของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ทุกบัญชี ทุกธนาคาร และทุกสถาบันการเงิน ไว้ก่อน และให้ทุกธนาคาร และสถาบันการเงินส่งรายงานบัญชี รายละเอียดการฝากถอนเงินของแต่ละบัญชี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงปัจจุบันต่อคณะกรรมการตรวจสอบ



          การอายัดทรัพย์ตามคำสั่งนี้ ให้อายัดไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง อนึ่ง บุคคลใดกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของทรัพย์สินที่อายัดตามคำสั่งดังกล่าว และมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือมิได้เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้บุคคลนั้นยื่นคำร้องเพื่อพิสูจน์ ต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันออกคำสั่งนี้



         


          ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป



 


          สั่ง ณ วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐



          (นายนาม ยิ้มแย้ม)



          ประธานกรรมการตรวจสอบ



         

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net