Skip to main content
sharethis

ประชาไท - วานนี้ (4 ธ.ค.2549) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยข่าวด้านความมั่นคงได้เตรียมจัดทำเอกสารรายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองเสนอต่อพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และพล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ในประเด็นที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังต่างๆที่ต่อต้านคมช. โดยได้มีการประเมินความเคลื่อนไหวไว้สองระยะ คือระยะแรกนับตั้งแต่มีการรัฐประหาร 19-25 ก.ย.2549 และระยะที่สองตั้งแต่ 26 ก.ย.-27 พ.ย.2549  โดยแต่ละห้วงเวลาได้แบ่งคนที่คัดค้านออกเป็นกลุ่มๆ


 



โดยกลุ่มประชาชนที่คัดค้านในระยะแรก ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มคัดค้านสถาบันเบื้องสูง อันได้แก่กลุ่มฟ้าเดียวกัน นำโดยนายธนาพล อิ๋วสกุลและนายส.ศิวลักษณ์ กลุ่มที่สองคือกลุ่มลัทธิประชาธิปไตย ได้แก่เครือข่าย 19 กันยายนต้านรัฐประหารของอ.ใจ อึ๊งภากรณ์และศูนย์ข่าวกิจกรรมนักศึกษา ที่นำโดยนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง กลุ่มที่สามคือกลุ่มหนุนพรรคไทยรักไทย ซึ่งแบ่งออกเป็นสมาพันธ์ประชาธิปไตย


 



ตามการรายงานของหน่วยข่าวความมั่นคงได้ระบุด้วยว่าเมื่อเข้าสู่ในระยะที่สอง ได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆขยายวงเพิ่มขึ้นอีกหลายกลุ่ม โดยมีบางส่วนแตกตัวออกไปจากสามกลุ่มที่เคลื่อนไหวในระยะแรก


 



โดยกลุ่มค้านสถาบันเบื้องสูงนั้น ได้ขยายตัวออกไปในหมู่นักวิชาการที่อดีตเคยเป็นนักศึกษาที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ใช้วิธีเคลื่อนไหว ด้วยการโจมตี คมช.ไปตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ในรูปของการอภิปราย สัมภาษณ์ รวมถึงจัดทำเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน



ในรายงานของหน่วยข่าวความมั่นคงยังระบุด้วยว่าคนกลุ่มนี้ได้มีการทำงานร่วมกันกับนายภูมิธรรม เวชยชัยมาตั้งแต่ต้นปี 2549 เนื่องจากมีความเห็นสอดคล้องกัน จึงเป็นกลุ่มที่น่าวิตกที่สุด เพราะถือเป็นกลุ่มคนที่มีหลักการ และมีเครือข่ายนอกประเทศด้วย



 


สำหรับกลุ่มลัทธิประชาธิปไตยนั้น ในระยะแรกของการเคลื่อนไหวภายใต้การนำของอ.ใจ อึ้งภากรณ์ ไม่มีมวลชนสนับสนุน ทำให้ทางกลุ่มที่รับจ้างพรรคไทยรักไทยถือโอกาสแทรกตัวเข้ามาด้วยการระดมคนเข้ามาเป็นแนวร่วม แต่การเคลื่อนไหวเป็นไปในทิศทางที่ใช้ความรุนแรง จึงเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มของอ.ใจ ทำให้กลุ่มของพรรคไทยรักไทยที่แฝงตัวเข้าร่วมแยกตัวออกมาจัดตั้งเป็นกลุ่มเอกเทศในการเคลื่อนไหวเองขึ้นอีก 3 กลุ่ม ขณะที่กลุ่มอ.ใจยังคงเคลื่อนไหวต่อไป



 


ส่วนกลุ่มหนุนพรรคไทยรักไทยนั้น นอกจากกลุ่มสมาพันธ์ประชาธิปไตยแล้วยังมีกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่อีก 3 กลุ่ม กลุ่มเหล่านี้ได้แยกตัวออกมาจากกลุ่มอ.ใจ ได้แก่เครือข่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ที่มีนายชนาพัทธ์ ณ นคร ซึ่งในอดีตเคยทำงานให้กับนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เป็นแกนนำ โดยใช้ฉายาว่าเตมูจิน และนายสุชาติ นาคบางไทร ซึ่งกลุ่มนี้เป็นสายของนายเนวิน ชิดชอบ มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงมาตลอด จนทำให้พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน เชิญเข้าไปพบเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งหลังการเข้าพบนายชนาพัทธ์ได้ยุติความเคลื่อนไหวลงชั่วคราว แต่กลับประกาศเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมาว่าจะจัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 10 ธันวาคม 2549



 


ในรายงานยังได้ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า นายชนาพัทธ์พูดคุยกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทยว่าการเข้าพบพล.อ.สนธิ ช่วยทำให้ค่าตัวสูงขึ้นอีก นอกจากนั้นจากการตามสะกดรอยตามนายชนาพัทธ์ยังพบว่ามีชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายชุดสีกากีครึ่งท่อนออกมารับตัวไปตามสถานที่ต่างๆที่นายชนาพัทธ์ลงจากรถแท็กซี่ไปด้วย



กลุ่มหนุนพรรคไทยรักไทยกลุ่มสอง ได้แก่กลุ่มคนรักวันเสาร์ ไม่เอาเผด็จการ มีนายวิฑูรย์ วิภูแถลงเป็นแกนนำ ซึ่งเป็นคนของสายน.ต.ศิธา ทิวารี ซึ่งแยกตัวออกมาจากนายชนาพัทธ์อีกทีหนึ่ง เนื่องจากปัญหาขัดแย้งเรื่องการเงิน กลุ่มที่สามคือกลุ่มพิราบขาว 2006 ทวงคืนประชาธิปไตย นำโดยนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล เป็นคนที่ทำงานให้เครือข่ายทักษิณมาตลอด ตั้งแต่การสนับสนุนคดีซุกหุ้น กระทั่งการต่อต้านกลุ่มพันธมิตรที่ขับไล่ทักษิณ



 


นายนพรุจอยู่ในสายของนายจตุพร พรหมพันธุ์ เพราะเป็นเพื่อนกันมา แต่มีปัญหาด้านการเงิน จึงได้โยกมาอยู่กับเจ๊ติ๋ม หรือนางฐานิยา สุวรรณประทีป หัวคะแนนย่านโบ๊เบ๊ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ซึ่งนายนพรุจถือว่าแยกตัวออกมาจากกลุ่มนายชนาพัทธ์อีกทอดหนึ่งเช่นเดียวกัน



 


รายงานยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่าเครือข่ายพรรคไทยรักไทยจะส่งคนหมุนเวียนมาชุมนุมสนับสนุนกลุ่มเหล่านี้ประมาณ 100 คนทุกครั้ง โดยมีส.ส.ในเครือข่ายของคุณหญิงสุดารัตน์ 30 คนเป็นผู้ดำเนินงานจัดหาคน โดยมีรถตู้ที่วิ่งตามเส้นทางต่างๆในกทม.รับหน้าที่ขับมาส่งให้ตามจุดต่างๆ


 


 


 


 


 


 


ที่มา: http://www.komchadluek.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net