สถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามส่งหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอความร่วมมือให้งดการอนุญาตให้ใช้สถานที่ โดยที่ทางอธิการบดีได้ส่งจดหมายฉบับดังกล่าวถึงรองอธิการบดีฝ่ายท่าพระจันทร์ และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการอนุญาตให้ใช้สถานที่ เนื่องจากงานเสวนาดังกล่าวได้ขอใช้สถานที่ ห้อง 101 คณะเศรษฐศาสตร์

ทั้งนี้ ทางอธิการบดีได้ส่งจดหมายที่ ส.น. ชนะสงครามมีมาถึงอธิการบดี มีเนื้อความขอความร่วมมือจากอธิการให้งดการอนุญาตให้ใช้ห้องประชุมเนื่องจากผู้เสวนามี สุลักษณ์ ศิวรักษ์ และโชติศักดิ์ อ่อนสูง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และหาทางมหาวิทยาลัยอนุญาตให้ใช้ห้องประชุมเพื่อการเสวนาดังกล่าว อาจทำให้สาธารณชนมองว่ารู้เห็นกับการเสวนาครั้งนี้ โดยอธิการฯ ได้ส่งจดหมายดังกล่าวต่อมายังคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อคณบดีได้รับจดหมายฉบับดังกล่าวก็เดินทางลงมาตรวจตราความเรียบร้อย สอบถามผู้จัดการงานแล้วได้อนุญาตให้การเสวนาดำเนินต่อไป

ทั้งนี้ ฝ่ายผู้จัดงานได้ตรวจตราความปลอดภัยโดยการตรวจกระเป๋าผู้เข้าฟังการเสวนาทุกคน อย่างไรก็ตาม การเสวนาจบลงโดยไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในระหว่างการเสวนาแต่ประการใด

อีกด้านหนึ่งของธรรมศาสตร์ฝั่งประตูท่าพระจันทร์ เวลาประมาณ 13.00น. ประชาชน ซึ่งสวมเสื้อสีเหลือง จำนวนกว่า 30 คน ชุมนุมกัน"อย่านิ่งเฉย คนไทยโปรดช่วยกันต่อสู้กับพวกหนักแผ่นดิน" "อย่าไปหลงเชื่อคำตอแหลทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์" "เราจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายในหลวงอีกต่อไป" โดยตลอดการชุมนุมมีการตะโกนว่า "พวกประชุมอยู่ข้างใน ตอแหล หนักแผ่นดิน ขอให้ชิบหาย" รวมทั้งป้ายที่เขียนชื่อนักวิชาการ นักการเมือง ต่อท้ายด้วยคำด่า

ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ปิดประตูรั้วฝั่งท่าพระจันทร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจราว 5-10 นาย และ รปภ.ของมหาวิทยาลัยดูแลความเรียบร้อยอยู่

แกนนำในครั้งนี้ ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ กล่าวว่า มาในนามกลุ่มปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยการมาในวันนี้ เป็นการมาแบบกระทันหัน และย้ำว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น โดยเมื่อทราบว่าจะมีการจัดเวทีเสวนาในวันนี้ จึงบอกคนรู้จักต่อๆ กันมา และเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น

เขาบอกว่า รู้ว่าประชุมกันที่นี่ (มธ.) หลายครั้งแล้ว โดยมีพฤติกรรมล้มล้างสถาบัน และว่ากลุ่มที่ประชุมอยู่ภายใน ต้องการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยแท้ โดยได้ยกตัวอย่างว่า เมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้น ก็ไม่ลุกขึ้นยืน โดยเคยถูกขว้างปาข้าวของมาแล้ว แต่ก็อ้างว่าเป็นสิทธิ ดังนั้น วันนี้จึงมาเพื่อตอบโต้ให้ชาวบ้านเห็น และอยากให้หยุดพฤติกรรมเช่นนี้

ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ ได้แจกเอกสารใบปลิวระบุข้อความ "พวกเราไม่พอใจอย่างมาก ที่มีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อหวังทำลายสถาบันพระมหาษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพรักของคนไทย จึงรวมตัวกันมาตอบโต้ สิทธิเสรีภาพที่พวกเขาเอามาอ้าง มีวัตถุประสงค์เพื่อบ่อนทำลายพ่อหลวงของเรา พวกเราไม่สามารถทนนิ่งเฉยอยู่ได้"

"พวกเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง มาเพราะในหลวง ในหลวงทรงมีพระเมตตา กรุณาธิคุณต่อประเทศชาติ และประชาชน พระองค์ทรงเสียสละ ทรงงานด้วยความเหนื่อยยากมาตลอด เพื่อความผาสุขของราษฎร

เมื่อพวกเขาไม่มีความกตัญญูรู้คุณ ก็ควรจะอยู่เฉยๆ ไม่ต้องมาใส่ร้าย ยุแหย่ให้คนอื่นๆ คล้อมตาม

พวกเรามาวันนี้อย่างกระทันหัน และจะมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"

ด้าน พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม กล่าวว่า ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและฝ่ายที่จัดการประชุม ประมาณ 10-20 นาย จาก สน.ชนะสงคราม ทั้งนี้เขาคาดว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากคนที่มามีแต่เด็ก ผู้หญิงและคนแก่

ต่อมา มีชายสูงอายุ สวมเสื้อสีเหลือง ตะโกนต่อว่ากลุ่มที่มาชุมนุม ด้วยถ้อยคำหยาบคาย พร้อมทั้งกล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นพวกรับจ้าง ให้ไปโหวกเหวกที่สนามหลวง เพราะนักเรียนเรียนกันอยู่ รวมทั้งตะโกนบอกว่า เป็นกลุ่มของพรรคประชาธิปัตย์มาก่อกวนประชาชน ทำอาจารย์ปรีดี (พนมยงค์) ยังไม่พออีกเหรอ

อย่างไรก็ตาม มีการตอบโต้จากกลุ่มผู้ชุมนุมว่า เราไม่ยุ่งเรื่องการเมือง จะยุ่งเรื่องสถาบันอย่างเดียว และว่าใครจะมาทำลายสถาบันไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีการตะโกนว่า "คนไทยรึเปล่า" และ "คนต่างด้าว"

ต่อมาเวลาประมาณ 14.00น. ผู้ชุมนุมได้จุดไฟเผาป้ายชื่อกระดาษที่เตรียมมา ป้ายชื่อมีอาทิ โชติศักดิ์ ธนาพล ธีรนัย ธงชัย พรหมมินท์ สุลักษณ์ นิธิ โดยเมื่อเผาหมดแล้ว ผู้ชุมนุมได้เดินทางกลับโดยมุ่งหน้าไปยังสนามหลวง

การเสวนาหัวข้อ เสวนาสิทธิมนุษยชนกับความเห็นที่แตกต่าง จัดโดยสถาบันสันติประชาธรรม โดยมีรายชื่อผู้เขีร่วมการเสวนาได้แก่ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์. นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น, นายสุธาชัย  ยิ้มประเสริฐ  อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย     ดำเนินรายการโดย นายเกษม เพ็ญภินันท์อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยที่ตามกำหนดการเดิมนั้น นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีรายชื่อเป็นผู้ร่วมเสวนาด้วย แต่ได้ขอถอนตัวไป