12 มี.ค. 51 - เครือข่ายผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคไต จิตเวช โรคหัวใจ และผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ ร่วมกับ ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมเภสัชชนบทและองค์กรพัฒนาเอกชนด้านผู้บริโภคและสาธารณสุขประชุมร่วมกัน เมื่อค่ำวันที่ 11 มี.ค. ณ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สุดท้ายมีมติร่วมกันเดินหน้าการเมืองภาคประชาชนล่า 20,000 รายชื่อเพื่อตรวจสอบถอดถอน นายไชยา สะสมทรัพย์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง กรรมการผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยผลการประชุมของเครือข่ายภาคประชาชน ว่า ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันอย่างเป็นเอกฉันท์ที่จะหา 20,000 รายชื่อต่อไป เพราะความผิดที่นายไชยาก่อในฐานะรัฐมนตรีสาธารณสุขได้เกิดขึ้นแล้ว สร้างความเสียหายต่อรัฐและผู้ป่วยในการสั่งทบทวนการทำ CLดำเนินการโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม

การประกาศนโยบายของตนเองก่อนการแถลงนโยบายของรัฐบาลนับเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายรวมถึงมีพฤติการณ์หลายอย่างที่ไม่เหมาะสมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เช่น การสั่งทบทวนการออกประกาศห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การทบทวนการห้ามสูบบุหรี่ในร้านอาหารและสถานที่สาธารณะ

นอกจากนี้ยังยืนยันการดำเนินการตรวจสอบถอดถอนรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งโจมตีตัวบุคคล แต่เป็นการใช้สิทธิในฐานะพลเมืองตามรัฐธรรมนูญ เมื่อนักการเมืองที่อาสามารับใช้ประชาชนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม สร้างความเสียหายแก่รัฐและประชาชน และใช้อำนาจโดยมิชอบ ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ

ส่วนการพิจารณาว่ารัฐมนตรีจะถูกถอดถอนหรือไม่เป็นอำนาจการพิจารณาของประธานวุฒิสภาที่จะดำเนินการส่งเรื่องให้ปปช.ไต่สวนต่อไป

ทั้งนี้ ในวันเสาร์ที่ 15 มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 11.30 - 17.00 น. ทางเครือข่ายฯจะจัดเวที "สภาผู้ป่วยเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง" ณ โรงภาพยนตร์เดอะเซ็นจูรี่ มูฟวี่ พลาซ่า (โรงที่ 4) ซอยรางน้ำ กรุงเทพฯ มีกิจกรรม เช่น ฉายภาพยนตร์สารคดี "Dying for Drugs" การเปิดเวทีสาธารณะให้ผู้ป่วยที่ประสบปัญหาการเข้าไม่ถึงยาได้แสดงความคิดเห็นโดยทางเครือข่ายฯ และจะออกจดหมายเชิญรัฐมนตรี 3 กระทรวงคือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งรักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ มาร่วมรับฟังการสะท้อนปัญหาของผู้ป่วย ทาเครือข่ายยังขอให้ประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในครั้งนี้นำสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนมาในงานเพราะผู้จัดงานได้จัดเตรียมแบบฟอร์มการลงลายมือชื่อสำหรับผู้ร่วมตรวจสอบถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไว้

วันเดียวกัน ชมรมเพื่อนมหิดล ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 /2551 ร่วมถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์

จากตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขด้วย

ในแถลงการณ์ระบุว่าเนื่องจากการที่ ชมรมเพื่อนมหิดลได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2551 ในการคัดค้านการที่นายไชยา ได้สั่งย้าย นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล จากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ไปเป็นผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ โดยขาดความชอบธรรม และขอให้นายไชยายกเลิกการโยกย้ายดังกล่าวโดยทันที  แต่ทางรัฐมนตรียังมิได้มีการดำเนินการใดๆและแสดงเหตุผลที่เลื่อนลอยและกล่าวโทษโดยขาดหลักฐาน เช่น กล่าวหาเรื่องทุจริต การไม่ตอบสนองการขอขึ้นทะเบียนยาหรืออาหารล่าช้าซึ่งเป็นการขอจากคนที่เกี่ยวข้องกับนายไชยา ซึ่งเป็นความพยายามที่จะไล่จากผล คือ การย้ายก่อนแล้วค่อยตามหาเหตุ

ชมรมเพื่อนมหิดลได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องยิ่งพบว่านายไชยายังแสดงท่าทีต่อต้านนโยบายการจัดหายาราคาถูกด้วยการทำ CLก่อนการแถลงนโยบายของรัฐ อีกทั้งแสดงท่าทีและใช้วาจาดูหมิ่นผู้ป่วยที่มาคัดค้านการยกเลิกการทำ CL การสั่งให้หยุดยั้งการเคลื่อนไหวของชมรมแพทย์ชนบทที่ออกมาคัดค้าน การใช้วาจาสั่งย้ายนายแพทย์พงศ์เทพ วงศวัชระไพบูลย์ กรรมการชมรมแพทย์ชนบท การแสดงออกที่จะให้มีการโฆษณาเหล้า การที่จะไม่ควบคุมการสูบบุหรี่ในสถานบันเทิง

ปัจจุบันกระแสความต้องการให้นายไชยาพ้นไปจากตำแหน่งได้ขยายตัวมากขึ้นนำไปสู่การรวบรวมรายชื่อเพื่อให้ถอดถอนต่อมาเมื่อมีเสียงคัดค้านมากก็กลับลำ อย่างไรก็ตามสังคมจำเป็นต้องติดตามเพราะอาจเปลี่ยนแปลงได้

แถลงการณ์ระบุอีกว่าการย้ายเลขาธิการ อย.ที่เป็นคนดีทำให้ชมรมเพื่อนมหิดลต้องแถลงการณ์ประกาศคัดค้านโดยขอให้กลับมาทำหน้าที่ดังเดิมเพื่อให้การทำ CL ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ประกอบกับพฤติกรรมของนายไชยาที่ขาดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่ง มีการใช้อำนาจอย่างไม่เหมาะสม

พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ได้ข้อสรุปว่าเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมกับการดูแลกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน ขาดวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำและจำเป็นต้องถอดถอนออกจากตำแหน่ง

ชมรมเพื่อนมหิดลในฐานะกลุ่มบุคลากรสาธารณสุขจึงเห็นควรเคลื่อนไหวในการสนับสนุนการเข้าชื่อถอดถอนนายไชยา ต่อวุฒิสภาเพื่อถ่วงดุลการใช้อำนาจและการดำเนินงานที่ไม่เหมาะสม