Skip to main content
sharethis

วานนี้ (25 ก.พ.) ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อเวลา 11.40 น. อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบไปด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ร่วมกันแถลงข่าวจุดยืนพันธมิตรฯ ต่อสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้


 


โดยนายสุริยะใส เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ของอดีต 5 แกนนำ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" หลังการหารือ ที่บ้านพระอาทิตย์ โดยมีรายละเอียดดังนี้


 


 






แถลงการณ์ฉบับที่ 1/2551


พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


เรื่อง คำเตือนก่อนเกิดกลียุค


 


นับตั้งแต่วันเกิดเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา เแม้ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะได้ประกาศไม่เห็นด้วยกับวิธีการรัฐประหารก็ตาม แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ได้ประกาศยุติบทบาทการชุมนุมอย่างสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ อันเป็นไปตามสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2549 ภายหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 


การชุมนุมตามรัฐธรรมนูญของ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณในเวลานั้นก็เพื่อแสดงพลังของภาคประชาชนบริสุทธิ์ในยามที่ชาติบ้านเมืองเข้าสู่ทางตันอันป็นวิกฤตที่สุดในโลกและเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น การทุจริตคอร์รัปชัน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง การแทรกแซงสื่อสารมวลชน การละเมิดสิทธิมนุษยชน การแทรกแซงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์เที่ยงธรรม การรวบอำนาจผ่านเผด็จการรัฐสภา และการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้แม้จะยังไม่สามารถได้รับการแก้ไขให้เสร็จสิ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการรัฐประหารก็ตาม แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มิเคยได้รวมตัวกันเพื่อก่อการชุมนุมใดๆ ขึ้นมาอีก ตราบใดที่กระบวนการตรวจสอบและกระบวนการยุติธรรมยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม และปราศจากการแทรกแซง พร้อมๆ กับการให้สื่อสารมวลชนยังคงมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารได้เป็นปกติ


 


ภายหลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนทั้งในประเทศและต่างประเทศว่ามีการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตตลอดจนมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งขยายตัวเป็นวงกว้าง เกิดการกระทำในลักษณะการเป็นหุ่นเชิดของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ถูกยุบไปตามคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 โดยที่คณะกรรมการการเลือกตั้งนั้นไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะนำผู้ที่กระทำความผิดและพรรคการเมืองที่กระทำความผิดมาลงโทษได้ทันท่วงที และหนำซ้ำกรรมการการเลือกตั้งบางคนกลับมีพฤติกรรมแอบแฝงด้วยวาระซ่อนเร้นในการปกป้องระบอบทักษิณอย่างชัดเจน อันเป็นเหตุทำให้เกิดวิกฤตของบ้านเมืองขึ้นมาอีกครั้งด้วย ตัวแทนนักการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองในระบอบทักษิณเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรจำนวนมาก ก่อกำเนิดทำให้มีคณะรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ที่เต็มไปด้วยบุคคลากรทางการเมืองที่ไร้ความสามารถ มีประวัติด่างพร้อย และแต่งตั้งบุคคลที่ทำงานเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชนแม้แต่น้อย


 


แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังไม่กระทำการชุมนุมใดๆ และยังให้โอกาสรัฐบาลนายสมัครเข้ามาทำงานให้กับประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ตราบใดที่รัฐบาลนายสมัครไม่แทรกแซงกระบวนการตรวจสอบและกระบวนการยุติธรรม ไม่แทรกแซงหรือคุกคามสื่อสารมวลชนทั้งทางตรงหรือทางอ้อม และไม่กระทำความผิดซ้ำซากเหมือนในยุครัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการทุจริตอย่างกว้างขวาง แทรกแซงองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม ล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ จนกลายเป็นเงื่อนไขให้ทหารเข้ามายึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญและล้มล้างระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549


 


บัดนี้ได้ปรากฏเห็นเด่นชัดแล้วว่า รัฐบาลได้มีพฤติการณ์เหิมเกริมแทรกแซงและคุกคามสื่อสารมวลชนผ่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ไร้วุฒิภาวะ และยังปล่อยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกระทำการอุกอาจท้าทายประชาชน ด้วยการแทรกแซงและตัดตอนกระบวนการยุติธรรม โดยการย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กำลังดำเนินคดีสำคัญต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวให้พ้นตำแหน่งอย่างเร่งด่วน แล้วมีการโยกย้าย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับครอบครัวชินวัตร มารักษาการในตำแหน่งอธิดีกรมสวนสวนคดีพิเศษ ก่อนการประกาศกำหนดการกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียง 3 วัน อันเป็นการกระทำเพื่อคนคนเดียว เพื่อครอบครัวเดียว หาได้ทำงานเสียสละเพื่อประชาชนคนไทยทั้ง 63 ล้านคนตามพระบรมราโชวาทเมื่อวันถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์ไม่ นี่คือสัญญาณการล้างแค้นต่อข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตตรงไปตรงมาและยังเป็นความพยายามฟื้นฟูระบอบทักษิณให้กลับคืนมาเหมือนช่วงเวลาวิกฤตที่สุดในโลกดังเช่นในอดีตทุกประการ


 


นอกจากนั้นยังมีสัญญาณบ่งชัดว่า รัฐบาลชุดนี้ยังมีความพยายามจะโยกย้ายนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พ้นจากตำแหน่งอีกด้วย


 


รวมทั้งมีความพยายามในการรื้อฟื้นนโยบายการปราบปรามยาเสพติดด้วยวิธีการฆ่าตัดตอน อันขัดต่อหลักนิติธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งมีความพยายามจะฟื้นนโยบายรัฐตำรวจให้กลับมาอีกครั้ง


 


ดังนั้น จึงเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช แท้ที่จริงแล้วก็คือรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยประพฤติปฏิบัติตนจนเสมือนเชื้อเชิญการรัฐประหาร มาบัดนี้ก็ได้มีกระบวนการในการปกป้องผู้กระทำความผิด แทรกแซงองค์กรอิสระ กำจัดขวากหนามในกระบวนการตรวจสอบต่างๆ ซื้อกระบวนการยุติธรรมเพื่อฟอกตัวทักษิณ แทรกแซงสื่อสารมวลชน แต่งตั้งนอมินี รับคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในต่างประเทศ และทำงานรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เว้นแม้แต่ประธานรัฐสภาและรัฐมนตรีอีกหลายคน จึงย่อมเป็นพฤติกรรมเสมือนการเชื้อเชิญทหารเข้ามารัฐประหารอีกเช่นกัน


 


จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้บ้านเมืองเข้าสู่กลียุคอย่างแน่นอน จึงได้มาร่วมประชุมและกำหนดจุดยืนต่อสถานการณ์ดังต่อไปนี้


 


ประการแรก อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ตัดสินใจมีมติฟื้นสภาพโครงสร้างการบริหารงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นมาอีกครั้งเหมือนดังเดิม เพื่อพร้อมดำเนินการต่อสู้กับพฤติการณ์ของรัฐบาลนายสมัครที่จะทำงานรับใช้ระบอบทักษิณในทุกรูปแบบ


 


ประการที่สอง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ แสดงความกล้าหาญ ยุติต้นเหตุวิกฤติของชาติด้วยการสะสางลงโทษผู้กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง และดำเนินการเสนอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคการเมืองที่เป็นนอมินีให้กับพรรคการเมืองที่ถูกยุบด้วยคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญโดยเร็ว


 


ประการที่สาม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช แสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ด้วยการกระทำ อย่าให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมือง ยุติบทบาทการกระทำอันเป็นหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ ประพฤติปฏิบัติเป็นนายกรัฐมนตรีที่เสียสละเพื่อคน 63 ล้านคนอย่างแท้จริง


 


ประการที่สี่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมัครทบทวนการโยกย้ายข้าราชการเพื่อแก้มลทินให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ ให้ยุติความพยายามในการแทรกแซงคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมถึงการโยกย้ายตำรวจเพื่อช่วยเหลือคดีความใดๆ ในระบอบทักษิณ


 


ประการที่ห้า ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยคัดค้านการกลับเข้าประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ถูกแทรกแซงและเป็นอิสระ แต่เมื่อระบอบทักษิณได้ใช้กระบวนการแทรกแซงและตัดตอนกระบวนการยุติธรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงยังคงเป็นปัญหาของแผ่นดินต่อไป พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงคัดค้านการกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในทุกรูปแบบ ตราบใดที่ยังมีความพยายามที่จะครอบงำและแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม


 


ประการที่หก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมัครดำเนินการยุติความกำเริบเสิบสานในการลิดรอน ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชน


 


ประการที่เจ็ด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้พี่น้อง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน ที่รักชาติบ้านเมืองมาร่วมกันลุกขึ้นมาเกาะกลุ่มรวมตัวเพื่อเฝ้าระวังพฤติการณ์ของนักการเมืองและข้าราชการในระบอบทักษิณอย่างใกล้ชิด และจัดตั้งขยายงานเตรียมพร้อมกับการต่อสู้กับความเลวร้ายของระบอบทักษิณในทุกรูปแบบ อันรวมถึงการเตรียมความพร้อมเคลื่อนไหวในทุกรูปแบบ เพื่อสร้างสังคมธรรมาภิบาล โดยไม่หวั่นเกรงว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาอันสมควร ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งหนึ่ง



ด้วยจิตคารวะ


พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


 


 


 


 


ขอยึดหลัก "ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง" ต่อสู้เหมือนเดิม


ในช่วงซักถามผู้สื่อข่าวนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เฝ้ามองการทำงานของรัฐบาลกันไป แม้ว่าเป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่น่าขยะแขยงที่สุดในประวัติศาสตร์ และที่ผ่านมาไม่ได้ต่อต้านการกลับมาสู้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี "ตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมยังเดินหน้าต่อไปโดยไม่ถูกแทรกแซง คุณทักษิณอยากจะกลับมาเมื่อไรก็กลับ แต่ขอให้มาเผชิญหน้ากระบวนการยุติธรรม"


 


เหตุการณ์ที่จะต้องออกมาครั้งนี้ก็เพราะว่า หลังจากที่อดกลั้น อดทนมานาน จนกระทั่งมีการโยกย้ายท่านอธิบดี DSI นายสุนัย มโนมัยอุดม ออกไป แกนนำพันธมิตรจึงตัดสินใจมารวมตัวกัน


 


โดยนายสนธิยืนยันว่ายังยึดมั่นในหลักการ "ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง" เหมือนเดิม และพร้อมเผชิญหน้าทุกรูปแบบกับรัฐมนตรี ตั้งแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นต้นไป


 


"ผมขอกราบเรียนทุกท่าน และขอกราบเรียนผ่านไปบรรดารัฐมนตรีปากกล้าทั้งหลายที่ชอบพูดเอาดีใส่ตัว หรือพูดเพื่อที่จะหาทางเก็บเงินเก็บทองจากคุณทักษิณ ว่าจุดยืนของผมยังไม่เปลี่ยนแปลง ผมยังยึดถือหลักตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ถ้ารัฐมนตรีบางท่านพร้อมจะตายกับผมและเจ๊งกับผม ผมยินดีทุกคน ตั้งแต่คุณเฉลิม อยู่บำรุง เป็นต้นไป ในส่วนของผม ผมขอพูดเพียงแค่นี้ครับ" นายสนธิกล่าว


 


 


พิภพชี้ ทักษิณเป็น "ผี" หลอกหลอนสังคมไทย จึงขอปราบด้วยธรรมะ


นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวว่า วันนี้ยังมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเหมือนเดิม ทั้งกรณีของ ประธานรัฐสภาที่ยังมีข้อกล่าวหา และการโยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งพันธมิตรฯได้จุดยืนเดิมคือจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบเดิมกลับมาอีก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีการรวมตัวกันอีกครั้ง


 


นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า หลังรัฐประหารมีการดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามปกติ แต่หลังการเลือกตั้งและมีการแถลงนโยบายแล้ว พฤติกรรมทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลทักษิณก็ได้กลับมาอีก อีกทั้งนำวิกฤตกลับมาอีกเหมือนกับในยุค 5 ปีที่แล้ว และมีแนวโน้มเกิดกลียุคขึ้นได้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ธรรม และความถูกต้องมาดำเนินการ ยืนยันพร้อมต่อสู้ทุกรูปแบบ โดยใช้สันติวิธี ใช้ธรรมเป็นตัวกำกับ


 


"ณ วันนี้ รัฐบาลชุดนี้กำลังนำวิกฤตกลับไปสู่สภาพเดิม และคราวนี้ถ้าวิกฤตกลับไปสู่สภาพเดิม ก็คือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การไม่ยอมให้คุณทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างถูกต้อง และต่อสู้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ วิกฤตคราวนี้จะใหญ่หลวงกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว อาจจะนำไปสู่การเกิดกลียุคได้ และการที่คุณทักษิณทำตัวเป็นผี คอยหลอกหลอนสังคมไทย และรัฐบาลก็อุ้มผีตัวนี้ให้หลอกหลอนต่อไป ผมคิดว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่มีทางเลือก ต้องปราบผีตัวนี้ แต่เราจะปราบผีด้วยธรรมะ และความยุติธรรม ฉะนั้นเราจึงต้องออกมาเรียกร้องว่า รัฐบาลต้องใช้ธรรมะ คือความถูกต้อง ในการดำเนินงานทางการเมือง ในการตรวจสอบความประพฤติของนักการเมือง และนายกรัฐมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้ว การใช้ธรรมะกำกับจะทำให้ประเทศชาติพ้นวิกฤต"


 


 


"สมเกียรติ" ประณามทักษิณแทรกแซงองค์กรอิสระ ยันเคลื่อนไหวเองไม่เกี่ยว ปชป.


นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า เวลานี้รัฐบาลได้แทรกแซงองค์กรอิสระ มีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ เหมือนกระทืบความรู้สึกประชาชน พร้อมกันนี้ได้ทวงถามเงื่อนไข 5 ข้อของ 5 พรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการไม่แทรกแซงองค์กรอิสระ และการไม่ล้างแค้นข้าราชการ


 


นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกรับไม่ได้ที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานรัฐสภา และนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปพบหารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งยังเป็นผู้ร้ายข้ามแดนที่ฮ่องกง


 


ต่อมามีผู้สื่อข่าว ถามถึงความเหมาะสมของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ที่เป็น ส.ส. (สังกัดพรรคประชาธิปัตย์) จะมีผลอะไรต่อการเคลื่อนไหวในฐานะพันธมิตรฯ หรือไม่ พล.ต.จำลอง ตอบว่า


 


"ในฐานะที่ผมเคยเป็นนักการเมือง ทั้งจากการเลือกตั้งและแต่งตั้ง และขณะนี้ก็ยังเป็น ส.ว. ยืนยันว่าสำหรับ อ.สมเกียรติ แล้ว ท่านมาอยู่ตรงนี้น่ะดี แม้จะเป็น ส.ส.ด้วยไม่เห็นน่ารังเกียจตรงไหนเลย เพราะว่าท่านมาร่วมกับเราก่อน ร่วมในการดำเนินการอย่างเข้มข้นมาตลอดเวลา ท่านเป็นคนเดียวที่เดินทางด้วยความทุลักทุเล อาศัยแม่บ้านเป็นคนขับรถให้ มาชุมนุมยันสองยาม ตีหนึ่ง ต้องกลับไปสอนที่โคราช แล้วก็มาชุมนุมอีก คนอย่างนี้ล่ะครับเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นตัวแทนของประชาชน คือทำสองอย่างในขณะเดียวกัน หนึ่ง เป็นการเมืองภาคประชาชน สอง เป็นการเมืองของภาคนิติบัญญัติไปด้วย มีอีกไหมครับ มาร่วมกับเรานะครับ"


 


นายสมเกียรติตอบว่า คำถามนี้ไม่คาดคิดว่าจะมีการถาม แต่อยากจะบอกว่า ผลประโยชน์ของชาติและประชาชน เหนือกว่าผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลและพรรค และเขาเองก็มีจุดยืนทางการเมืองเพื่อภาคประชาชนมาโดยตลอด รัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ให้เอกสิทธิ์ ส.ส. ไม่ถูกครอบงำใดๆ จากพรรค และไม่อยู่ภายใต้อาณัติของพรรค


 


"ผมอิสระนะครับ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และการเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือการเมืองภาคประชาชน รัฐบาลเส็งเคร็งที่ล้มลงอย่างน้อย 3 รัฐบาล ล้มลงจากการเมืองภาคประชาชนทั้งสิ้น การเมืองในสภามีความหมายน้อยมาก เต็มไปด้วยผลประโยชน์ เต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจกัน จึงเป็นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ ผมยังมีจุดยืนเพื่อการโค่นล้มรัฐบาลที่ เป็นรัฐบาล สมัยก่อนเรียกว่า ทรราช ตอนนี้เรียกว่า รัฐบาลหุ่นเชิดโดยทุนสามาร ไม่เปลี่ยนแปลงครับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง" นายสมเกียรติกล่าว


 


 


เผยแกนนำจะหารือประเมินสถานการณ์ทุกสัปดาห์


พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า เมื่อบ้านเมืองมีปัญหาก็ต้องออกมาอีกครั้ง พร้อมทั้งยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มที่


 


"แกนนำทุกคนมีความเหนียวแน่นและเข้มข้นกว่าเดิม และการต่อสู้ครั้งนี้จะหาแนวร่วมเพิ่มกว่าเดิมอีกเพื่อดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อบ้านเมือง" พล.ต.จำลอง ระบุ และว่าหากมีการชุมนุมก็เป็นไปอย่างสงบและทำตามกฎหมาย ไม่ก่อความรุนแรง


 


นายสนธิ ตอบตำถามเรื่องการจัดระเบียบสื่อของรัฐบาลโดยเฉพาะสื่อผ่านดาวเทียมว่า ไม่กังวล และเชื่อว่าศาลจะเป็นที่พึ่งหากรัฐมนตรีหรือรัฐบาลใช้อำนาจบาตรใหญ่


 


"ผมยังคิดว่ารัฐบาลจะทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่ทำเพื่อคุณทักษิณ ส่วนรัฐมนตรีบางคนที่บอกว่าจะไปรับทักษิณที่สนามบินก็เป็นเพียงแต่เพิ่มราคาให้ตัวเอง และรับเงินจากทักษิณเท่านั้น ขอย้ำว่าจะต่อสู้ทุกรูปแบบ และถึงไหนถึงกัน" นายสนธิ ระบุ และย้ำว่าในส่วนของคดีถ้าหากว่าถึงที่สุดแล้วศาลตัดสินให้จำคุกก็ยินดีเข้าคุก แม้ว่ากระบวนการยุติธรรมบางส่วนถูกคุกคาม แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ยังยุติธรรม


 


ด้าน นายสุริยะใส กล่าวเสริมว่า ต่อไปแกนนำพันธมิตรฯ จะประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ทุกสัปดาห์ เพื่อรับมืออย่างทันท่วงที


 


"อภิสิทธิ์" ยัน "สมเกียรติ"ร่วมพันธมิตรเรื่องส่วนตัว


ขณะที่วานนี้ (25 ก.พ.) ในรายการกรองสถานการณ์ที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ได้มีการเชิญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน เพื่อมาสอบถามถึงความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน เช่น การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเงา (ครม.เงา) ขึ้นโดยพรรคประชาธิปัตย์เพื่อมาตรวจสอบการทำงานของคณะรัฐมนตรีจริง รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันและความเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ล่าสุดออกมาประกาศรวมตัวเพื่อตรวจสอบและคัดค้านต่อการกระทำมิชอบของรัฐบาลที่นำโดยนายสมัคร สุนทรเวชอีกครั้ง


 


โดยมีกรณีที่ผู้ชมทางบ้านถามถึงการเข้าร่วมประชุมและแถลงข่าวกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บ้านพระอาทิตย์ในช่วงเที่ยงวานนี้ (25 ก.พ.) ของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ ในกรณีนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า การประชุมกับพันธมิตรฯ ของนายสมเกียรติในวันนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะก่อนหน้าที่จะเป็น ส.ส.ของพรรคนายสมเกียรติก็เป็นแกนนำพันธมิตรฯ อยู่แต่เดิมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในวันนี้ (26 ก.พ.) ในการประชุม ส.ส. ตนจะสอบถามถึงเรื่องนี้กับนายสมเกียรติต่อไป


 


"เนื่องจากว่าสมัยก่อนนี้ อ.สมเกียรติ เป็นหนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรฯ วันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าจะมีเรื่องของพันธมิตรฯ ก็เข้าใจว่าเดิมทีห้าท่านที่เขาบริหารกันอยู่เขาก็คงไปพบปะกัน แต่ว่าพรุ่งนี้ผมก็จะพบกับ อ.สมเกียรติก็จะสอบถามท่านว่าตกลงท่านจะเอายังไง เพราะจากนี้ไปบทบาทของท่านก็เป็น ส.ส.แล้ว ก็คงจะสอบถามกัน แต่ว่าที่ท่านไปร่วมในวันนี้ก็สืบเนื่องจากที่ท่านเป็นแกนนำ แล้ววันนี้เขามาพบปะกันท่านก็ไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์"


 


หมายเหตุ


รายละเอียดการแถลงของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net