มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ออกแถลงการณ์คัดค้านการปิดเวบไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ยังได้รวบรวมรายชื่อผู้คัดค้านการปิดเวบไซต์นี้ ด้วยช่องทางอีเมลล์ไปที่ midnightuniv@gmail.com โดยมีผู้ลงนามแล้วกว่าหนึ่งพันคน โดยแถลงการณ์มีรายละเอียก ดังนี้
แถลงการณ์คัดค้านการปิดช่องทางการสื่อสารเสรี
เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนถูกกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศปิดกั้น แต่ไม่ใช่เว็บไซต์แห่งแรกที่ถูกอำนาจรัฐประหารปิดกั้น หรือพยายามเข้าไปปั่นป่วน ปฏิกิริยาของ ม.เที่ยงคืนต่อการรัฐประหารก็คือ แม้ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาทางการเมืองอย่างมักง่ายเช่นนี้ แต่ก็เห็นว่าสายเกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้ นอกจากช่วยกันผลักดันให้ประเทศกลับสู่เส้นทางพัฒนาประชาธิปไตยโดยเร็ว
คปค.อ้างว่าการรัฐประหารครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปการเมือง ซึ่งส่วนหนึ่งประกอบด้วยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่กระบวนการทั้งร่างรัฐธรรมนูญใหม่และปฏิรูปการเมือง ตามที่ปรากฏในธรรมนูญการปกครองฉบับชั่วคราว กลับเป็นกระบวนการที่ไม่เปิดให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพอย่างบริบูรณ์ อันเป็นเงื่อนไขสำคัญของการปฏิรูปการเมืองที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ใช่เพียงการถูกเลือกสรรเข้าไปนั่งในองค์กรร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ต้องหมายถึงโอกาสของการรับรู้และส่งผ่านความคิดเห็นกันอย่างอิสระเสรีด้วย ฉะนั้นบรรยากาศที่มีคณะทหารในนามของ คปค.คอยกำกับควบคุมอยู่เช่นนี้ จึงทำให้การปฏิรูปการเมืองที่แท้จริงเกิดขึ้นไม่ได้
ม.เที่ยงคืนจึงแถลงข่าวคัดค้านแนวทางการปฏิรูปการเมือง ตามที่ระบุไว้ในธรรมนูญการปกครองฉบับชั่วคราว และเสนอแนวทางอื่นซึ่งจะเปิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนกลับคืนมาให้สมบูรณ์ อันเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการปฏิรูปการเมืองและการร่างรัฐธรรมนูญ ม.เที่ยงคืนอาศัยการกระทำเชิงสัญลักษณ์คือการฉีกธรรมนูญชั่วคราวดังกล่าว และทั้งหมดนี้ได้รายงานไว้ในเว็บไซต์ของ ม.เที่ยงคืน
ในวันที่ 29 ก.ย. กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศได้ปิดกั้นเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนทันที การกระทำนี้ ม.เที่ยงคืนสามารถสื่อกับสังคมได้ใหม่ไม่ยากด้วยการแก้ปัญหาทางเทคนิค แท้จริงแล้ว เราได้รับข้อเสนอจากผู้ให้บริการในต่างประเทศหลายราย ให้ ม.เที่ยงคืนใช้พื้นที่ของเขาได้โดยเสรี แต่ ม.เที่ยงคืนเห็นว่า ประเด็นปัญหาไม่ได้อยู่ที่พื้นที่สาธารณะมีหรือไม่มีในทางเทคโนโลยี แต่อยู่ที่ว่าพื้นที่สาธารณะถูกอำนาจรัฐประหารที่อ้างว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปการเมืองปิดกั้น ฉะนั้นจึงจำเป็นที่พวกเราในประเทศที่จะต้องร่วมกันต่อสู้กับอำนาจที่ขาดความชอบธรรมนี้ร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องที่จะหลบไปหาพื้นที่ใหม่
ดังที่ ม.เที่ยงคืนได้แถลงข่าวเตือนไว้แล้วว่า การปฏิรูปการเมืองในบรรยากาศที่ขาดสิทธิเสรีภาพของประชาชนนั้น จะไม่เกิดผลเป็นจริงได้ การเที่ยวปิดเว็บไซต์ของฝ่ายที่มีความเห็นไม่สอดคล้องกับกลุ่มอำนาจรัฐประหาร สะท้อนให้เห็นมาแต่ต้นว่า อำนาจนี้จะไม่อาจนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองที่เปิดโอกาสอันเท่าเทียมแก่คนทุกกลุ่มในสังคม หากอำนาจนี้จะสิ้นสุดลงโดยสันติในสังคมไทย จำเป็นที่สังคมไทยต้องไม่ยอมจำนน แต่ควรร่วมมือกันในการกดดันให้อำนาจนี้ ยุติการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในทันที
จริงอยู่ ในบรรยากาศแห่งเสรีภาพ ย่อมเป็นธรรมดาที่อาจมีผู้ใช้โอกาสนี้สำหรับการทำลายหรือขัดขวางการปฏิรูปการเมือง แต่ในสังคมที่มีสิทธิเสรีภาพสมบูรณ์ สังคมจะมีพลังในการต่อสู้กับความเท็จ ความหลอกลวง ที่กลุ่มผู้ขัดขวางการปฏิรูปการเมืองจะต้องใช้เป็นเครื่องมือ ในการดึงอำนาจกลับไปสู่กลุ่มนักการเมืองฉ้อฉลซึ่งเคยมีอำนาจมาก่อน ในทางกลับกัน สังคมที่ถูกกำกับควบคุมการรับรู้ข่าวสารข้อมูลต่างหาก ที่เป็นสังคมอ่อนแอไม่อาจต่อสู้กับความเท็จความหลอกลวงของนักการเมืองได้
ตรงกันข้ามกับการเลือกปิดช่องทางการสื่อสาร โดยหาหลักเกณฑ์อะไรไม่ได้มากไปกว่ารู้สึกว่า ช่องทางเหล่านี้อาจไม่เป็นมิตรกับอำนาจรัฐประหาร การเปิดเสรีภาพอย่างไม่จำแนกระหว่างมิตรและศัตรู กลับเป็นกติกาที่แน่นอน คาดหวังได้จากทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ความไม่มีกติกาอันแน่นอนเป็นสิ่งที่การรัฐประหารและใช้อำนาจที่ขาดการตรวจสอบควบคุมทุกระบบอ่อนแอที่สุด ฉะนั้นการประกันสิทธิเสรีภาพการรับรู้ของประชาชนอย่างเท่าเทียมกันต่างหาก ที่จะเป็นพลังอันแท้จริงของคณะรัฐประหารซึ่งได้อำนาจมาโดยขาดความชอบธรรม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
30 กันยายน 2549
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
Statement of the
"Opposing the Closure of Channels of Free Communication"
Beginning on Friday September 29th, the
The Council for Democratic Reform (CDR) has claimed that this coup is the beginning of a political reform process which includes the drafting of a new constitution. And yet, the provisions concerning the drafting of a new constitution and political reform in the Provisional Constitution of the CDR do not allow the full and free exercise of political rights and civil liberties by the people, which is the key condition for a successful political reform. Popular participation does not simply mean being selected to sit in a constituent assembly, but also denotes the opportunity for mutual learning and free exchange of ideas. Therefore, an atmosphere of subjection and control by the military under the CDR will rule out any possibility of genuine political reform.
For that reason, the
Hence, the ICT's immediate imposition of a blockage on our website.
Actually, it is not hard for the
As the
It is true that, given freedom, there will be some who would exploit it to try to destroy or disrupt political reform. And yet, only the full exercise of rights and liberties can enlighten and empower a society to fight the lies and half-truths of corrupt politicians seeking a return to power. On the contrary, a society whose learning and communication is kept under tutelage will remain weak and unable to resist them.
In place of an arbitrary and selective censorship based on a subjective feeling of distrust and animosity of the censors, the complete and indiscriminate opening of all channels of communication will result in a free, fair and predictable rule of the game for all, thus rectifying the arbitrary, unchecked and uncontrolled exercise of power that is a major weakness of all coup-makers. By guaranteeing the equal rights and liberties of the people to information, the Coup Council will be able to tap into the real source of power far greater than whatever it can get from its illegitimate coup.
30 September 2006
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)