ร้อน หนาว ชื้นแฉะและโหดร้าย สภาพอากาศคาดเดาได้ยากและรุนแรงขึ้นทุกวัน รายงานพิเศษจาก 'ITUC-Hazards' ชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เหตุใดจึงต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินด้วยการผลักดันให้อยู่นโยบายความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน
ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เป็นมากกว่าแค่ช่วงเวลาที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย แถลงการณ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อเดือน ธ.ค. 2023 ระบุว่า ปีดังกล่าวได้เห็น "การพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจของภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ รวมถึงไฟป่า คลื่นความร้อน และภัยแล้ง นำไปสู่การพลัดถิ่นของประชากร การสูญเสียทางการเกษตร และมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้น"
และนั่นทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในที่ทำงาน ในขณะที่การเจ็บป่วย ความเครียด และการบาดเจ็บจากการทำงาน อาจเป็นปัญหาสำคัญสำหรับประเด็นความปลอดภัยของสหภาพแรงงาน แต่ท่ามกลางวิกฤตสภาพภูมิอากาศนั้นได้ทำให้เกิดปัญหาใหม่ ๆ และสหภาพแรงงานก็ควรมีการเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน
ไม่ว่าคุณจะทำงานกลางแจ้งแบบร้อนระอุ หรือลุยน้ำเพื่อเดินทางไปทำงาน สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้การทำงานและการเดินทางไปทำงานเป็นความท้าทายที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับคนงานหลายคน
เพื่อรับมือกับวิกฤตที่ทวีความรุนแรงขึ้น สมาพันธ์สหภาพแรงงานระหว่างประเทศ (ITUC) ได้ประกาศให้ธีมของ "วันรำลึกแรงงานสากล" (International Workers’ Memorial Day) ในวันที่ 28 เม.ย. 2024 เป็น "ความเสี่ยงด้านสภาพอากาศสำหรับคนทำงาน" ITUC ระบุว่าสภาพอากาศสุดขั้วและรูปแบบสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป กำลังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในการทำงานและสุขภาพของคนทำงาน
การเสียชีวิตและความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับความร้อนในคนทำงานภาคเกษตรกรรม การก่อสร้าง และงานกลางแจ้งอื่น ๆ ได้พุ่งสูงขึ้น สภาพอากาศสุดขั้วนั้นก่อให้เกิดความเหนื่อยล้า รวมถึงการบาดเจ็บในสถานที่ทำงาน และโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดก็เพิ่มขึ้นด้วย
แต่ไม่ใช่ทุกงานที่มีความเสี่ยงด้านสภาพอากาศจะเห็นได้ชัดนัก ในช่วงคลื่นความร้อนในปี 2023 คนงานไปรษณีย์และผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าอยู่ในกลุ่มที่มีรายงานว่า เสียชีวิตจากโรคลมแดด (heat stroke) ขณะทำงาน มีเหตุผลที่แท้จริงที่ควรคำนึงว่าทั้งนายจ้างและหน่วยงานกำกับดูแลไม่ได้ป้องกันปัญหานี้อย่างจริงจังเท่าที่ควร
สำนักงานไปรษณีย์ของสหรัฐอเมริกาถูกปรับเพียง 15,625 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับความล้มเหลวในการปกป้องคนทำงานจากความร้อน หลังจากที่บุรุษไปรษณีย์เสียชีวิตจากโรคลมแดดในเมืองดัลลัส
ยูจีน เกตส์ (Eugene Gates) ล้มลงขณะส่งจดหมายเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2023 ซึ่งเป็นวันที่กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ออกคำเตือนเรื่องความร้อนผิดปกติ สหภาพแรงงานของเขา ซึ่งก็คือสมาคมบุรุษไปรษณีย์แห่งชาติ (National Association of Letter Carriers) ได้ระบุรายชื่อผู้เสียชีวิตในที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อนของบุรุษไปรษณีย์เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยบอกว่าเกตส์เป็นหนึ่งในบุรุษไปรษณีย์หลายพันคนที่อาจไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยจากความร้อนที่เหมาะสม หรือการป้องกันตามนโยบายของสำนักงานไปรษณีย์เอง
แต่สมาคมบุรุษไปรษณีย์แห่งชาติชี้ว่า ผู้จัดการทั่วทั้งหน่วยงานได้ “ปลอมแปลง” บันทึกทางการเพื่อปกปิดการขาดการฝึกอบรม
สาระสำคัญเกี่ยวกับนโยบายขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ในเดือน ก.ย. 2023 เรื่องความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (Occupational safety and health in a just transition) ระบุว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศ “หากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม อาจเพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บ เจ็บป่วย และเสียชีวิตสำหรับคนทำงาน เนื่องจากความเครียดจากความร้อน เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว การสัมผัสกับสารเคมีอันตราย มลพิษทางอากาศและโรคติดต่อ เป็นต้น”
ILO ได้เสริมว่า "ผลกระทบต่อสุขภาพของคนทำงานจำนวนมากมีสาเหตุเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการบาดเจ็บ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจ และผลกระทบต่อสุขภาพจิตของพวกเขา จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นโดยประมาณในกลุ่มประชากรวัยทำงานทั่วโลก อันเนื่องมาจากอุณหภูมิที่สูง"
การอภิปรายเกี่ยวกับ "การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม" (just transition) เมื่อเดือน มิ.ย. 2023 ในที่ประชุมแรงงานระหว่างประเทศของ ILO ได้เตือนว่ามีความจำเป็นต้อง "ดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยอย่างเร่งด่วนสำหรับคนทำงานทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศและสภาพอากาศสุดขั้ว รวมทั้งส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและทำให้คนทำงานมีสุขภาพดี"
เพื่อตอกย้ำถึงข้อความสำคัญ คู่มือ ILO ฉบับเดือน เม.ย. 2024 เกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อความปลอดภัยในที่ทำงาน ได้ระบุว่า "มีหลักฐานที่ชัดเจนแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ได้เพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการทำงาน การเจ็บป่วย และการเสียชีวิต"
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าในหลายกรณี นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือความโชคร้ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Annals of the American Association of Geographers เมื่อปี 2024 ทีมนักวิจัยนานาชาติได้ตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างการค้าโลกกับความเสี่ยงต่อคนทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยได้ข้อสรุปว่า "อิทธิพลทางเศรษฐกิจที่มีต่อความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ลักษณะที่ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นได้แสดงให้เห็นถึงกระบวนการทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมโยงกับกระบวนการค้าระดับโลก"
นักวิจัยจากบังคลาเทศ กัมพูชา ศรีลังกา และสหราชอาณาจักรตั้งข้อสังเกตว่า "ไม่ว่าจะพิจารณาจากมุมมองใดของความเปราะบางต่อสภาพอากาศ สภาวะที่ไม่ปลอดภัย และความไม่เท่าเทียมก็ปรากฏเป็น 'ผลลัพธ์ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ ที่มีอยู่ทั่วทุกแห่ง' กล่าวอีกนัยหนึ่ง ภัยพิบัติไม่ได้ 'ตกลงมาจากฟ้า' แต่ถูกสร้างขึ้นโดยความอยุติธรรมทางสังคม"
การบาดเจ็บจากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อน
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น อัตราการบาดเจ็บในสถานที่ทำงานก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ILO ประเมินว่าทั่วโลกในปี 2020 มีการบาดเจ็บจากการทำงาน 22.85 ล้านครั้ง เสียชีวิต 18,967 ราย ที่เกิดจากการสัมผัสกับความร้อนในที่ทำงาน
การศึกษาของ UCLA ในปี 2021 พบว่าแม้แต่อุณหภูมิในที่ทำงานที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็นำไปสู่การบาดเจ็บเพิ่มเติม 20,000 ครั้งต่อปีในแคลิฟอร์เนีย
การศึกษาพบว่าในวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 32°C คนทำงานมีความเสี่ยงสูงกว่า 6-9% ที่จะได้รับบาดเจ็บมากกว่าในวันที่อากาศเย็นกว่า เมื่ออุณหภูมิสูงสุดถึง 38°C ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจะเพิ่มขึ้น 10-15%
ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่าการศึกษาของพวกเขาย้ำผลการศึกษาของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติปี 2019 ที่ระบุว่าอุณหภูมิที่สูงสุดส่งผลให้อัตราการบาดเจ็บในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างไร
ตามรายงานสรุปเมื่อเดือน พ.ค. 2023 จาก Public Citizen พบว่าอุณหภูมิโดยรอบที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1°C จะทำให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น 1% โดยผลกระทบนี้จะยิ่งชัดเจนในอุณหภูมิที่สูงขึ้น
อาชีพบางอย่างมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Annals of the American Association of Geographers ในปี 2024 ซึ่งศึกษาการผลิตอิฐในพื้นที่ South Asian brick belt ระบุว่า “อิฐ เช่นในอินเดีย ถูกผลิตขึ้นตลอดช่วงที่ร้อนที่สุดของปี ในช่วงเวลานั้นคนทำงานถูกบังคับให้ทำงานท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัดโดยมีร่มเงาเพียงเล็กน้อย”
งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นหลักฐานว่า “แรงงานส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ถูกผูกมัดด้วยหนี้สิน ทำให้ต้องทำงาน โดยที่หลายกรณีเป็นการทำงานร่วมกับครอบครัวของพวกเขาเอง ในสภาพที่ไม่ดีต่อสุขภาพและบางครั้งถึงขั้นอันตรายถึงชีวิต เพื่อชำระดอกเบี้ยจากหนี้ระยะยาวที่เกิดขึ้นนอกธุรกิจเตาเผา เมื่อพิจารณาในแง่นี้แล้ว นี่เป็นประเด็นที่มีความสำคัญมาก”
งานกลางแจ้งอื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่คาดการณ์ได้ และป้องกันได้ บทความปี 2019 ใน American Journal of Industrial Medicine ระบุว่า “คนทำงานก่อสร้างซึ่งคิดเป็น 6% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด เสียชีวิตจากความร้อนเนื่องจากการประกอบอาชีพในสหรัฐฯ เป็นสัดส่วนถง 36% ตั้งแต่ปี 1992-2016 อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการศึกษา การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในฤดูร้อนตั้งแต่ปี 1997-2016 มีความเกี่ยวข้องกับอัตราการเสียชีวิตจากความร้อนที่สูงขึ้น”
งานภาคการเกษตรก็เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน โดยบทความปี 2015 ใน American Journal of Industrial Medicine สรุปว่าเกษตรกรและแรงงานภาคการเกษตรมีโอกาสเสียชีวิตจากความร้อนมากกว่าคนทำงานในอาชีพอื่นถึง 35 เท่า
บทความในปี 2018 ใน Journal of Nursing Scholarship พบว่า 84% ของเกษตรกรและแรงงานภาคการเกษตรในฟลอริดารายงานว่ามีอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับความร้อนอย่างน้อยหนึ่งอาการในช่วงหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่ 40% รายงานว่ามีอาการตั้งแต่ 3 อาการขึ้นไป
แม้จะมีมาตรการง่าย ๆ ในการแทรกแซงเพื่อช่วยชีวิต แต่กฎหมายท้องถิ่นในสหรัฐฯ ที่กำหนดให้มีการจัดหาน้ำ ให้หยุดพัก และให้ร่มเงาสำหรับคนทำงานกลางแจ้งที่ทำงานหนักในอุณหภูมิสูง กลับถูกเพิกถอนโดยสภานิติบัญญัติของรัฐในฟลอริดาและเท็กซัส
พืชผลบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม ซึ่งใช้ในการแปรรูปอาหาร ผงซักฟอก และเป็นสารเพิ่มความข้นในเครื่องสำอาง ปลูกในสวนปาล์มและแปรรูปในโรงงานตั้งแต่บราซิล ไปจนถึงกานาและมาเลเซีย มีการจ้างงานคนทำงานมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับการส่งออกมากกว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่จำเป็น ด้วยเหตุนี้ งานวิจัยจำนวนมากเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่ออุตสาหกรรมนี้จึงมุ่งเน้นไปที่อันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับพืชผล แต่กลับไม่ได้กล่าวถึงคนทำงาน
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของการทำงานในสภาพที่ย่ำแย่ตกอยู่กับคนทำงาน ครอบครัวและชุมชนของพวกเขา ค่าใช้จ่ายนี้ยังส่งผลต่อผลกำไรของธุรกิจได้ด้วยเช่นกัน ผลผลิตในการทำงานลดลงในอุณหภูมิสูง เพราะอาจร้อนเกินกว่าจะทำงานได้ หรือคนทำงานต้องทำงานในอัตราที่ช้าลง ในปี 2019 ILO คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ชั่วโมงการทำงานทั่วโลก 2.2% จะสูญเสียไปเนื่องจากอุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นการสูญเสียผลิตภาพเทียบเท่ากับงานเต็มเวลาจำนวน 80 ล้านตำแหน่ง
ในรายงาน 'Working on a warmer planet: The effect of heat stress on productivity and decent work' ของ ILO ปี 2019 ได้สรุปว่าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ปัญหานี้อาจลด GDP ทั่วโลกถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2030
การเจ็บป่วยจากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อน
การวิเคราะห์ของ ILO ในปี 2024 เกี่ยวกับแบบจำลองสภาพภูมิอากาศ การคาดการณ์อุณหภูมิโลก ข้อมูลกำลังแรงงาน และข้อมูลสุขภาพในการประกอบอาชีพ ได้คำนวณว่าคนทำงานประจำอย่างน้อย 2.41 พันล้านคน ต้องเผชิญกับความร้อนในสถานที่ทำงานในปี 2020 และสำหรับคนทำงานหลายคนในภาคส่วนต่าง ๆ การสัมผัสกับความร้อนเหล่านี้ อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของพวกเขา
การเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับความร้อนมีตั้งแต่ผื่นและอาการบวมที่เกิดจากความร้อนในระดับไม่รุนแรง ภาวะเครียดจากความร้อน และอ่อนเพลียจากความร้อน ไปจนถึงการเจ็บป่วยที่รุนแรงกว่าและอาจถึงแก่ชีวิตได้ เช่น ภาวะกล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis) การบาดเจ็บที่ไตเฉียบพลัน โรคลมแดด และภาวะหัวใจหยุดเต้นจากความเครียดจากความร้อน คนทำงานที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคเบาหวาน โรคปอด หรือโรคหัวใจ สามารถตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นพิเศษ
โรคที่เพิ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นสาเหตุของ "โรคไตเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ" (CKDu: chronic kidney disease of unknown aetiology) ได้ถูกพบในคนทำงานเก็บเกี่ยวกล้วย และอาชีพอื่น ๆ ที่ต้องใช้แรงงานหนักในอุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคนในแต่ละปี บทความในปี 2016 ใน Clinical Journal of the American Society of Nephrology แนะนำว่า CKDu อาจเป็นหนึ่งในโรคระบาดแรกที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การประมาณการร่วมกันของ WHO และ ILO ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Environment International ในปี 2023 ชี้ว่าในปี 2019 คนทำงานทั่วโลก 1.6 พันล้านคน ต้องทำงานกลางแดด "ซึ่งคิดเป็น 28.4% ของประชากรวัยทำงาน" รังสี UV จากดวงอาทิตย์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งจากการทำงานที่พบได้บ่อยที่สุด โดยมักพบว่าคนทำงานได้รับรังสีดังกล่าวในปริมาณที่เกินขีดจำกัดต่อวัน
การได้รับรังสี UV ยังสามารถทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตาได้ ไม่ว่าจะเป็นผ่านการบาดเจ็บจากการสัมผัสกับรังสี UV ในระดับสูงมากในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือการสัมผัสกับรังสี UV ระยะยาวเป็นเวลานานที่ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของจุดรับภาพ (macular degeneration), เนื้องอกในดวงตา และต้อกระจก เป็นต้น
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน BJOG, an International Journal of Obstetrics & Gynaecology ในเดือน เม.ย. 2024 ระบุว่าการทำงานในสภาพที่ร้อนจัดสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อทารก และการแท้งบุตรในหญิงตั้งครรภ์ได้เป็น 2 เท่า มีหญิงตั้งครรภ์ 800 คน ในรัฐทมิฬนาฑูทางตอนใต้ของอินเดียเข้าร่วมในการศึกษานี้ ซึ่งทั้งหมดทำงานที่ใช้แรงระดับปานกลางถึงหนัก
เกือบครึ่ง (47.3%) ทำงานในที่ที่มีความร้อนสูง เช่น ภาคเกษตรกรรม เตาเผาอิฐ และพื้นที่บ่อเกลือ ส่วนที่เหลือทำงานในสภาพแวดล้อมที่เย็นกว่า เช่น โรงเรียนและโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม คนทำงานบางคนก็ต้องเผชิญกับความร้อนในระดับสูงมากในงานเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
การศึกษาพบว่าอัตราการตั้งครรภ์ที่มีผลเสียในผู้หญิงที่สัมผัสกับความร้อนอยู่ที่ 5% เมื่อเทียบกับ 2% ในคนทำงานที่ไม่ได้สัมผัสกับความร้อน อัตราการคลอดก่อนกำหนดหรือทารกเสียชีวิตอยู่ที่ 6.1% สำหรับคนทำงานที่สัมผัสกับความร้อน เทียบกับ 2.6% ในกลุ่มที่ไม่ได้สัมผัส และทารกมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำนั้นอยู่ที่ 8.4% เทียบกับ 4.5%
คนงานที่ทำงานในอาคารก็มีความเสี่ยงเช่นกัน อุณหภูมิที่ร้อนจัด โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีกระบวนการผลิตที่ใช้ความร้อน เช่น ร้านเบเกอรี่ โรงหล่อ โรงซักรีด และโรงงานผลิตแก้ว สามารถส่งผลต่อสมาธิและอาจทำให้เกิดความทุกข์ทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง
สภาพอากาศสุดขั้ว
พายุ น้ำท่วม พายุหิมะ ฟ้าผ่า ไฟป่า และลมแรงล้วนเป็นส่วนหนึ่งของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เมื่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วส่งผลให้เกิดพายุทอร์นาโดถล่มพื้นที่ขนาดใหญ่ในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2021 คนทำงานเสียชีวิตเนื่องจากนายจ้างของพวกเขาปฏิเสธไม่ให้พวกเขาปฏิบัติตามคำเตือนฉุกเฉินและหยุดงานหรือไปยังสถานที่ปลอดภัย
ในรัฐเคนตักกี้ คนทำงาน 8 คน เสียชีวิตเมื่อโรงงานเทียน Mayfield Consumer Products ถูกพายุพัดพังราบเป็นหน้ากลอง พวกเขาได้รับแจ้งว่าจะถูกไล่ออกหากพวกเขาออกจากสถานที่ทำงาน หน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยของสหรัฐฯ (OSHA) ปรับเงินบริษัท 40,000 ดอลลาร์ฯ สำหรับการละเมิดความปลอดภัยร้ายแรง
ทนายความตัวแทนอดีตคนทำงานที่ได้รับบาดเจ็บ ได้ยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์แห่งชาติ (NLRB) "หลังจากที่เรายื่นฟ้องคดีในนามของลูกความของเรา Mayfield Consumer Products ตอบโต้ด้วยการตัดสิทธิประโยชน์ชดเชยของคนทำงาน ตอนนี้พวกเขาต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ ที่ปกติแล้วจะได้รับการจ่ายโดยการชดเชย แต่กลับถูกปฏิเสธเนื่องจากสิทธิประโยชน์เหล่านั้นถูกตัดออก" หนึ่งในทนายความที่ทำหน้าที่ให้กับอดีตคนทำงานกล่าว
ในวันเดียวกัน คนทำงาน 6 คน เสียชีวิตเมื่อคลังสินค้า Amazon ในเมือง Edwardsville รัฐอิลลินอยส์ พังถล่มเนื่องจากทอร์นา แถลงการณ์จาก สหภาพแรงงาน RWDSU วิจารณ์ Amazon ที่ถูกกล่าวหาว่าบังคับให้พนักงานทำงานต่อไปแม้จะเกิดทอร์นาโดลูกใหญ่
ประธานสหภาพแรงงาน RWDSU กล่าวว่า "Amazon ให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าชีวิตของพนักงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า การบังคับให้คนทำงานทำงานระหว่างเหตุการณ์พายุทอร์นาโดครั้งใหญ่เช่นนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้"
เขากล่าวเสริมว่า "นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชั่วร้ายที่บริษัทให้ความสำคัญต่อกำไรมากกว่าสุขภาพและความปลอดภัยของคนทำงานของพวกเขา และเราจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น Amazon จะไม่สามารถหลีกหนีความรับผิดชอบจากการทำให้ชีวิตของคนทำงานตกอยู่ในความเสี่ยงได้อีกต่อไป" คู่มือพนักงานของ Amazon แจ้งคนทำงานว่าพวกเขาอาจถูกไล่ออกหากออกจากงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จดหมายเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2022 จาก OSHA ซึ่งไม่ได้ยื่นฟ้องต่อ Amazon แต่ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการจัดการเหตุการณ์ของบริษัทรวมถึงการแจ้งเตือนที่ไม่มีประสิทธิภาพและซับซ้อน
เมื่อสัญญาณเตือนให้หาที่หลบภัยดังขึ้น ผู้จัดการต้องตะโกนบอกพนักงานแทนการใช้โทรโข่ง เนื่องจากโทรโข่ง "ถูกล็อกไว้ในกรงและไม่สามารถเข้าถึงได้" จดหมายระบุว่าคนทำงานบางคนไม่รู้ว่าที่หลบภัยที่กำหนดไว้ในโรงงานอยู่ที่ไหน ในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่เคยทำการฝึกซ้อมรับมือทอร์นาโดมาก่อน
ไฟป่า – ซึ่งเกิดบ่อยขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ – อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องเผชิญเหตุฉุกเฉิน ซึ่งสาเหตุไม่ใช่แค่ความร้อนและเปลวไฟเท่านั้น แต่ควันไฟนี่แหละคือตัวการสำคัญ
ในปี 2023 สหภาพแรงงานในสเปนอย่าง CC.OO, UGT และ CSIC ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานดับเพลิงในหน่วยงานสิ่งแวดล้อมและน้ำ Andalusia (AMAYA) ได้รับการยอมรับว่าควันไฟเป็นสารก่อมะเร็ง
ในออสเตรเลีย ไฟป่าที่แพร่กระจายอย่างหนักมีส่วนทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นหลายร้อยรายในแต่ละปีจากสาเหตุที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจ
หน่วยงานวิจัยความปลอดภัยของรัฐบาลสหรัฐฯ (NIOSH) ระบุว่าอันตรายที่พนักงานดับเพลิงมักพบเจอเมื่อทำงานในพื้นที่ไฟป่าอาจรวมถึง “การถูกไฟครอก/ล้อมรอบ โรคภัยที่เกิดจากความร้อน อาการบาดเจ็บต่าง ๆ การสูดควันไฟ การบาดเจ็บจากบนยานพาหนะ (รวมถึงอากาศยาน) การลื่น สะดุด หกล้ม และอื่น ๆ นอกจากนี้ เนื่องจากการใช้แรงกายอย่างหนักเป็นเวลานาน เจ้าหน้าที่อาจเกิดความเสี่ยง “หัวใจวายเฉียบพลัน และภาวะกล้ามเนื้อสลาย”
น้ำท่วม – สามารถทำให้การขนส่งเป็นอันตรายสำหรับคนทำงานทุกประเภท และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ส่วนไหนในโลก อาจหมายถึงอะไรก็ได้ตั้งแต่โรคหวัดไปจนถึงอหิวาตกโรค เกษตรกรอาจต้องเสี่ยงทำงานท่ามกลางอันตราย หรืออาจตกงานโดยสิ้นเชิง
น้ำท่วมอาจนำมาซึ่งโรคภัยจากน้ำเสียที่ปนเปื้อน โรคฉี่หนูซึ่งมาจากสัตว์ฟันแทะ และอันตรายจากการสัมผัสเชื้อรา ความเสี่ยงจากเศษซากต่าง ๆ เช่น ต้นไม้ล้ม หรือน้ำที่ซึมเข้าไปสร้างปัญหากับเครื่องไฟฟ้าหรือระบบความปลอดภัยจากอัคคีภัย ต่างก็ทำให้ที่ทำงานอันตรายหรือไม่สามารถทำงานได้เลย
คู่มือ “สุขภาพและความปลอดภัยในพื้นที่น้ำท่วม” ที่จัดทำโดยสหพันธ์สหภาพแรงงานแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (TUC) ระบุว่า “นายจ้างทุกคนควรมี 'แผนการฟื้นฟูหลังเกิดภัยพิบัติ' ที่ตกลงร่วมกับทางสหภาพแรงงาน และต้องมีการทบทวนแผนดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ”
สภาพอากาศหนาวจัด – เป็นอีกด้านหนึ่งของปัญหาอุณหภูมิสุดขั้วในที่ทำงาน ในสภาพอากาศเย็นจัดระดับต่ำกว่า -10°C จะมีความเสี่ยงต่อภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติหรืออาการบวมจากความเย็นจัด หากอยู่ภายนอกเป็นเวลานานโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม ลมแรงยิ่งทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้น อีกทั้งสภาพอากาศเย็นจัดยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เท้าเปื่อย (trench foot) และอาการผื่นแดงบวมคันเวลาโดนความเย็น (chilblains)
การลื่น หกล้ม และอุบัติเหตุบนท้องถนนอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากหิมะ น้ำแข็ง และพื้นลื่น หิมะอาจบดบังอันตรายเอาไว้ รวมถึงพื้นที่เสี่ยงต่อการตกหรือทะลุแผ่นหลังคาที่เปราะบาง
ปัญหามลพิษ
มลพิษทางอากาศและฝุ่นควันสามารถสร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งแบบเฉียบพลันและระยะยาว บทความวิจัยปี 2023 ในวารสาร Journal of Occupational and Environmental Hygiene ชี้ว่า อิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อระดับมลพิษในอากาศ และจะสร้างผลกระทบต่อคนทำงานกลางแจ้งมากที่สุด โดยพวกเขาจะได้รับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โอโซน และสารก่อภูมิแพ้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บทความยังระบุว่า “ผลกระทบของการสัมผัสสารเหล่านี้ในหมู่ผู้ทำงานกลางแจ้งกำลังทวีความรุนแรงขึ้น” โดยสรุปว่า "งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าคนทำงานกำลังเผชิญกับการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"
การประเมินภาระโรคจากการทำงานร่วมกันของ WHO และ ILO ในปี 2021 ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 770,000 คนต่อปี จากการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศในที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม ILO ระบุด้วยว่าจำนวนที่แท้จริงของผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศในที่ทำงานน่าจะสูงกว่านี้มาก
ILO ชี้ให้เห็นว่ามลพิษทางอากาศในที่ทำงาน ไม่ว่าจะในอาคารหรือนอกอาคาร ล้วนสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งรวมถึงมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยิ่งทำให้ความเสี่ยงในแต่ละวันจากการทำงานเลวร้ายลง คู่มือของ ILO ปี 2023 เกี่ยวกับความเสี่ยงจากสารเคมีอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้เตือนถึงความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ซึ่งรวมถึงการใช้ยาฆ่าแมลงในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของผลกระทบของแมลงศัตรูพืชที่มีต่อผลผลิตและปศุสัตว์ อีกทั้งกระบวนการหลายอย่าง เช่น การหลอมโลหะหรือการผลิตสารเคมี อาจถูกออกแบบมาให้ทำงานต่อเนื่อง เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วสามารถแทรกแซงขั้นตอนเหล่านี้ หรือแทรกแซงมาตรการความปลอดภัย และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อาจสร้างความเสียหายได้อย่างร้ายแรง
คนทำงานที่เกี่ยวข้องกับการกู้ภัยฉุกเฉิน การทำความสะอาด และการฟื้นฟูหลังจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วอาจมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องทำงานในสภาวะที่อันตรายที่สุด และบ่อยครั้งต้องทำงานเป็นเวลานาน บางครั้งก็ไม่ได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นหรืออุปกรณ์ป้องกันเพียงพอ
คนทำงานที่อยู่ในภาคส่วนสำคัญ เช่น ผู้ที่ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ การคมนาคม อาหาร และบริการอื่นๆ อาจเผชิญความเสี่ยงที่สูงขึ้นเนื่องจากโดยปกติพวกเขาจะต้องทำงานอยู่แล้ว แต่ทว่าอาจไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเมื่ออยู่ในสถานการณ์ทั่วไป ดังนั้นจึงอาจไม่ได้รับการฝึกอบรม อุปกรณ์หรือชุดป้องกันที่จำเป็น
ความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
การติดเชื้อถือเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นในที่ทำงานด้วย "วิกฤตสภาพภูมิอากาศ การขยายตัวของเมือง และการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน และยังนำไปสู่ความเสี่ยงด้านชีวภาพที่สร้างความเสี่ยงแบบใหม่ หรือความเสี่ยงเดิมที่เกิดในสถานที่ใหม่ ๆ " รายงานสรุปของ ITUC เมื่อเดือน ธ.ค. 2023 ว่าด้วยอันตรายทางชีวภาพได้ระบุไว้
เอกสารสรุปนโยบายของ ILO เมื่อเดือน ก.ย. 2023 เรื่อง 'ความปลอดภัยและสุขภาพในการทำงานระหว่างการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม' ได้เตือนว่า "ความเสี่ยงจากโรคที่เกิดจากพาหะนำโรค เช่น มาลาเรีย หรือ ไข้เลือดออก จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่ออุณหภูมิอุ่นขึ้น ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงขอบเขตพื้นที่ที่พาหะเหล่านี้อาศัยอยู่ อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"
"สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อคนทำงานทุกประเภท โดยเฉพาะคนทำงานกลางแจ้งที่ต้องเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้นในการติดเชื้อโรคที่เกิดจากพาหะ เช่น ยุง เห็บ และหมัด นอกจากนี้ โรคติดต่อยังอาจส่งผลกระทบต่อคนงานผ่านทางเชื้อโรคที่อยู่ในน้ำหรืออาหาร เมื่อมีการสัมผัสโดยตรงกับน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน"
แถลงการณ์ของ WHO เมื่อเดือน ธ.ค. 2023 ระบุไว้ว่า: "วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังดำเนินอยู่ส่งผลให้ความเสี่ยงของโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น อหิวาตกโรค มาลาเรีย และไข้เลือดออก เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)