Skip to main content
sharethis

กรมชลฯ เปิดแผนการจ้างแรงงานเพิ่มเติมอีกกว่า 10,000 คน ภายในระยะเวลา 8 เดือน

นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศ ให้มีรายได้เสริมในช่วงฤดูแล้ง ด้วยการจ้างแรงงานชลประทาน ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สำหรับปฏิบัติงานด้านต่างๆ อาทิ งานซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุงงานชลประทาน โครงการส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ งานก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำเพื่อชุมชน แก้มลิง การจัดการคุณภาพน้ำ รวมทั้งโครงการป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำ เป็นต้น

โดยในปีนี้มีแผนการขยายจ้างแรงงานเพิ่มประมาณ 9,472 คน ระยะเวลาการจ้างอยู่ระหว่าง 8 เดือน (ตุลาคม 2566 – พฤษภาคม 2567) วงเงินจ้างแรงงานประมาณ 5,154.70 บาท/คน/เดือน โดยเกณฑ์การจ้างแรงงานจะพิจารณากลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม ได้แก่ เกษตรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรหรือเกษตรกรในพื้นที่ สมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำของกรมชลประทานในพื้นที่ ประชาชนและผู้ใช้แรงงานทั่วไป และ หากแรงงานในพื้นที่มีไม่เพียงพอให้พิจารณาจ้างเกษตรกรหรือแรงงานในพื้นที่ใกล้เคียง จากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และลุ่มน้ำ ตามลำดับ

ปัจจุบันมีการจ้างแรงงานทั่วประเทศไปแล้ว 3,790 คน หรือประมาณ 40% ของแผนฯ โดยจังหวัดที่มีผลการจ้างแรงงานมากที่สุด 3 ลำดับ ได้แก่ จังหวัดชัยนาท 221 คน จังหวัดพะเยา 214 คน และจังหวัดสุพรรณบุรี 196 คน

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังคงเดินหน้ารับสมัครจ้างแรงงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังมีตำแหน่งว่างก่อนครบตามเป้า จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกร และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมโครงการฯ โดยสามารถติดต่อสอบถามหรือสมัครได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือทางสายด่วนกรมชลประทาน 1460

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ, 13/1/2567

พม.เล็งลงนาม กับ อว.และมหาวิทยาลัย ส่งเสริมคนพิการ เรียนรู้เพิ่มเติม เสริมตลาดแรงงานไทย

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.ให้ความสำคัญและเดินหน้าการแก้ไขปัญหาโครงสร้างประชากร ในประเทศ ที่ยังไม่สมดุล และเปรียบเป็นระเบิดเวลาที่ต้องเร่งแก้ไขในวันนี้ เพื่อให้ประเทศไทยและตลาดแรงงานไทยเดินหน้าได้ในภายหน้า โดยในงานเสวนาวิชาการหัวข้อความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรต่อความมั่นคงของมนุษย์ในประเทศไทยรัฐมนตรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งเป้าหมายอยากเห็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมฯและกระทรวง อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนากลุ่มผู้พิการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีศักยภาพในการทำงานสร้างตลาดแรงงานไทยในอนาคต ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนงานไว้ เพราะ ปัญหาโครงสร้างประชากร ก็เป็นระเบิด เวลาเช่นเดียวกันกับปัญหาอื่นๆ หากไม่ได้ตื่นตัวและวางแผนเพื่อแก้ปัญหาในวันนี้ คาดการณ์ได้เลยว่าไทยจะประสบปัญหาสายงาน กระทบด้านด้านแรงงานและทางด้านสังคมอย่างแน่นอน

“เรื่องนี้ รัฐบาล โดยกระทรวง พม.ตระหนักในการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมในสังคม กลุ่มคนพิการซึ่งมีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง จึงควรได้รับความร่วมมือ ในการสนับสนุนเพิ่มการเรียนรู้ เพื่อรองรับตลาดแรงงานที่มีความต้องการ" นางรัดเกล้ากล่าว

นางรัดเกล้า กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ข้อมูลจาก TDRI ชี้ให้เห็นว่าคนไทยกว่า 60% มีโอกาสเป็นคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะมีระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าอุดมศึกษา ฉะนั้นแนวทางแก้ปัญหาคือทำยังไงให้มีคนทำงานที่ประสิทธิภาพสูง ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯออกมาเปิดเผยว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ลงนามความร่วมมือ กับกระทรวงอุดมศึกษาฯและมหาวิทยาลัย 5 แห่งทั่วภายในปีงบประมาณ 2567 และขยายไปทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งจะทำให้ผู้พิการปีละกว่าแสนคนได้มีงานทำขึ้นมา

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 12/1/2567

'สุชาติ' ท้าดีเอสไอเปิดเส้นเงินหลังเจอข้อหารับสินบนส่งแรงงานไปฟินแลนด์ ข้องใจไม่เคยเรียกสอบ

จากกรณีดีเอสไอ มีมติกล่าวหา อดีตรัฐมนตรี และ ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน จำนวน 4 ราย ผิด 157 พบหลักฐานโยงหักค่าหัวคิว ส่งแรงงานไทยไปฟินแลนด์ เสียหายกว่า 36 ล้านบาท

ล่าสุด นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ทราบข่าวตอนที่ ดีเอสไอออกมาให้ข่าว ซึ่งกำกวม ตกลงว่า มีเส้นทางการเงิน ก็เปิดเผยเส้นทางการเงินมาเลย ไม่ใช่บอกว่าเป็น 2 อดีตรัฐมนตรี ครอบครัวของตนหรือคนรู้จักฟังอยู่จะรู้สึกอย่างไร ต้องให้ความเป็นธรรมว่า ตนเข้ามา 12 สิงหาคม 2563 เขาส่งไปแล้ว มิถุนายน – กรกฎาคม 2563 ส่งมาเป็น 10 ปี ตนได้ไปที่ฟินแลนด์ ไปพบรัฐมนตรี ขอให้เขาออกวีซ่าทำงาน เพื่อที่เราจะควบคุมกฎหมายได้ แต่เขาออกเป็นวีซ่าเก็บผลไม้ป่า ซึ่งกฎหมายเขาบอกว่า ประเทศเขาใช้แบบนี้ จะทำแบบเราไม่ได้ วันนั้นผมนั่งคุย เขาบอกว่า ใครไปประเทศเขาเก็บได้หมด มันฟรี อยู่ในป่า วิธีการส่งไม่ใช่เรื่องจีทูจี เป็นเอกชนส่ง กฎหมายควบคุมได้ว่า เก็บค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 3 เท่าของรายได้

อดีตรัฐมนตรีแรงงาน กล่าวต่อว่า เมื่อวานฟังโฆษกดีเอสไอพูด ว่า 10-20 คน ลอยแพ แต่ไป 3,000 กว่าคน ไม่ถามว่าทำไมเขาได้เงิน เรียนว่า ตนเข้ามาแก้ปัญหานี้ทุกปี ว่าที่ไปต้องจดบริษัทนิติบุคคล และมีรายได้ขั้นต่ำเท่าไหร่กลับมา และให้เจ้าหน้าที่กรมจัดหางาน นำลูกจ้างนายจ้างมาคุย กัน เขากล่าวหาว่าลอยแพ 10-20 คนแล้วเป็นการค้ามนุษย์ หากดีเอสไอ รับเรื่องมาแล้วยอมเลย จะส่งคนไปทำงานต่างประเทศได้อย่างไร ก็กลายเป็นประเทศค้ามนุษย์ คุณเป็นหน่วยงานยุติธรรม ต้องชี้แจง ถ้าเขากล่าวหาต้องแก้ข้อกล่าวหา ไม่ใช่เอาคำกล่าวหาผู้ต้องหาคนหนึ่งมากล่าวหาผม

นายสุชาติ กล่าวว่า ตนไม่รู้จักเขา ไม่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ถ้าวันหนึ่ง มีคนไปเรียกเก็บเงินออนไลน์ แล้วบอกให้รัฐมนตรี ต้องให้ความเป็นธรรม ไม่แฟร์ข้อกล่าวหา เกิดจาก หญิงรายหนึ่งเป็นโบรกเกอร์ นายหน้า กฎหมายทางฟินแลนด์ระบุว่า หากให้การซักทอดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับการปล่อยตัว ก็ได้รับการปล่อยมาแล้ว 4 เดือน เป็นการให้การโดยไม่มีหลักฐาน ให้การว่าให้กับข้าราชการคนหนึ่ง ไปให้อธิบดี และนักการเมือง ถามว่าให้การแบบนี้ได้หรือ หากพูดว่ามีเส้นทางการเงิน พูดมาเลยใคร บอกอดีตรัฐมนตรี 2 คน พูดมาเลยใคร

“คุณกับผมมาท้ากันเลย พูดแบบนี้ พ่อแม่พี่น้องครอบครัวจะมองอย่างไร ไม่ใช่หน้าที่พีอาร์กรมคุณ หน้าที่คุณรวบรวมให้ป.ป.ช. เขาก็ไปตั้งคณะกรรมการว่าจะรับไม่รับ มีมูลไหม เรียกผู้ต้องหามาสอบ”

“ผมเป็นอดีตรัฐมนตรี ถ้าวันหนึ่งคุณเป็นอดีตรัฐมนตรีบ้าง มีคนกล่าวหาคุณ เอาคำกล่าวหาของผู้ต้องหามาตั้งข้อหา คุณรับได้หรือเปล่า” และว่า ยังไม่ได้รับการเรียกไปสอบแต่อย่างใด ทั้งยังรู้ตัวหญิงรายดังกล่าวแล้ว

นายสุชาติ กล่าวว่า มันไม่มีเส้นทางการเงิน ว่าโอนเข้าบัญชีใคร หรือเอามาให้ผม หรือให้ใคร และเขาไปเก็บคนงานเอง เป็นเอกชน จะบอกคนงานแบบไหนก็ได้ เอาหลักฐานมา

ตนเข้ามาปี 2563 เขาส่งไปแล้วรอบหนึ่ง มีคนมาพูดเรื่องนี้ ก็ให้ตั้งกรรมการสอบว่าเรื่องจริงไหม มีคนมาร้อง ว่าเป็นการเก็บหัวคิว แต่มันเป็นเรื่องเอกชน เราไม่สามารถรับรู้ได้ ระหว่างเขาตกลงพาคนไป เก็บให้ใครก็ไม่รู้ สอบแล้วไม่มีข้อมูล แต่จีทูจี ไปจ่ายเงินมีใบเสร็จกระทรวงแรงงานสอบได้ สอบแล้วก็ไม่มีใครยอมรับ เป็นเอกชนพาไป และจะให้ทำอย่างไร ไม่มีใครมาบอกว่ามีหลักฐานโอนเงินให้โบรกเกอร์ เรื่องนี้ต้องเรียกเขามาสอบ ว่าเอาเงินให้ใครต่อหน้าตน ถ้าให้การเท็จก็ฟ้องกัน

เมื่อถามว่า ทางดีเอสไอบอกว่ามีเส้นทางเงิน นายสุชาติ กล่าวว่า “แน่จริงเปิดเผยมาสิ เส้นทางการเงิน ถ้ามีก็แจ้งความมาเลย ไม่ใช่มากล่าวหา คุณบอกอดีตรัฐมนตรี 2 คน ปี 2563-2566 ก็เป็นผม คาบเกี่ยวด้วย และจะโทษใคร ไม่ใช่หน้าที่คุณมาพีอาร์แบบนี้”

“ใครทำอะไรไว้ ทำเกินหน้าที่ก็รับไปแล้วกัน ผมบอกตรงๆ ผมไม่ยอม” นายสุชาติ กล่าว

อาจจะมองว่า ดีเอสไอ ร่วมกับอัยการด้วย นายสุชาติ กล่าวว่า ดีเอสไอ พูดผิดหรือเปล่า เรื่องค้ามนุษย์เป็นมาตรา 20 นอกราชอาณาจักร และคุณร่วมกับอัยการ ในสำนวนค้ามนุษย์มีชื่อผมรู้เปล่า คุณแจ้ง 149 กับ 157 คือ เรียกรับกับละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตนไม่ได้มีหน้าที่ในการเซ็นอนุญาตด้วย และเขาไปถูกต้องเขาจะมาจ่ายทำไม

“คนที่โดนจับ ที่ปลัดพูด ผมก็เป็นคนไปทำข่าว ไปพร้อมกับเอกอัครราชทูตคนไทย และไปสัมภาษณ์คนงานที่เก็บอยู่ในป่า ยิ้มแย้มแจ่มใส ภาพอยู่ใน 3 มิติ ไปดูได้เลย ถ้ารู้ว่าเขาไปทำเข้าข่ายค้ามนุษย์ พวกผมจะไปเยี่ยมเขาทำไม”

ส่วนต่อจากนี้นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ก็ให้เก็บข้อมูลทั้งหมด ก็ต้องสู้ ถ้ามากล่าวหา อันนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ผมไม่เกี่ยวเรื่องค้ามนุษย์ การกล่าวหาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อดีตรัฐมนตรี ต้องให้สอบสวน ชี้แจง เรียกเขามาสอบ ไม่ใช่พูดและมาให้ข่าว วันหนึ่ง ถ้าชี้แจงว่าตนไม่ผิด ป.ป.ช.ไม่รับ ชดเชยอะไรตนบ้าง ไปฟ้องก็เอาดอกไม้ ธูป เทียน มาขอโทษ จริงๆเขาไม่ได้เรียกไปชี้แจงเลย

ที่มา: มติชนออนไลน์, 12/1/2567

ปลัดฯ แรงงาน แจงปม ‘ดีเอสไอ’ กล่าวหาอดีต รมต.-ขรก.เอี่ยวหักหัวคิวคนทำงานที่ฟินแลนด์ ยันไม่จริง จ่อฟ้องทำให้เสียหาย

จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำโดยกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุดมอบหมายให้ร่วมสอบสวน มีมติร่วมกันให้กล่าวหา “อดีตข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับรัฐมนตรี 2 คน และผู้บริหารระดับสูง กระทรวงแรงงาน อีก 2 คน” รวมทั้งหมด 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 เนื่องจากพบหลักฐานโยงหักค่าหัวคิวขบวนการส่งแรงงานไทยไปประเทศฟินแลนด์ เสียหาย 36 ล้านบาท

ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มกราคม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว “มติชน” ว่า ในประเด็นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มีความเกี่ยวข้องกับแรงงานที่ไปทำงาน ชื่อว่า “ทุเรียน” โดยไปทำงานที่ประเทศฟินแลนด์ แล้วถูกจับกุมเนื่องจากพบว่ามีการค้ามนุษย์ ซึ่งผู้ที่ถูกจับกุมนั้น ได้ให้การกับตำรวจฟินแลนด์ว่า กรณีดังกล่าวมีการจ่ายค่าหัวคิวแรงงาน ซึ่งในส่วนนี้นั้น กระทรวงแรงงานขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ในกระทรวงฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

“เราไม่รู้เลยว่า เขาเอาเงินไปจ่ายกับใคร เป็นการอ้างลอยๆ แต่เมื่อเป็นข่าวออกมาแล้ว ทำให้กระทรวงฯ เสียหาย เป็นการตั้งข้อกล่าวหาโดยที่ยังไม่มีรายละเอียด ซึ่งตามกระบวนการแล้ว ทางดีเอสไอจะต้องส่งเรื่องให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนที่จะมีการตั้งข้อกล่าวหา” นายไพโรจน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาที่ไปของการมีกรณีเรียกเก็บค่าหัวคิวดังกล่าว นายไพโรจน์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากทางฟินแลนด์ระบุว่า มีกลุ่มนายหน้าหรือผู้จัดหางานให้คนไทยไปทำงานในฟินแลนด์ เรียกเก็บค่าใช้จ่ายแรงงาน แล้วบอกว่าเป็นค่าหัวคิว เพื่อนำส่งให้กับข้าราชการการเมืองของกระทรวง 2 คน ดังนั้น ทางฝ่ายข้าราชการประจำก็จะไม่รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว และสามารถยืนยันได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

เมื่อถามต่อไปว่า หากข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง ทางกระทรวงฯ จะดำเนินการอย่างไรต่อหรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า เราจะต้องไปฟ้องกับผู้ที่ตั้งข้อกล่าวหาเรา ซึ่งในส่วนนี้ก็จะเป็นนิติบุคคลที่นำข้อมูลดังกล่าวไปแจ้งกับทางดีเอสไอ

เมื่อถามอีกว่า ได้พบเจอกับนิติบุคคลรายดังกล่าวแล้วหรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า ตนรู้ว่าเป็นคนไหน เนื่องจากได้รับการปล่อยตัวจากตำรวจประเทศฟินแลนด์แล้ว ซึ่งเขาได้กล่าวหาว่า มีการเรียกเก็บเงินผ่านโบรกเกอร์ จึงทำให้คิดไปว่า มีการนำเงินส่วนนั้นมาให้กับอธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) หรือ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ต้องได้รับเงินนั้น แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันได้

เมื่อถามว่า หากมีการไปเก็บเงินกับแรงงานจริง แต่เงินส่วนนั้นไม่ถูกส่งมาถึงกระทรวง จะเท่ากับเป็นการเอาไปแอบอ้างเพื่อหาผลประโยชน์หรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า เราจะต้องไปหาว่าเขาจ่ายเงินนั้นกับใคร แล้วมีการนำเงินส่งไปให้ใครอีก

ที่มา: มติชนออนไลน์, 11/1/2567

DSI กล่าวหา "2 อดีต รมต.-2 ขรก.แรงงาน" หักหัวคิวส่ง "แรงงานไทย" ไปฟินแลนด์

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำโดยกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุด มอบหมายให้ร่วมสอบสวน มีมติร่วมกันให้กล่าวหากับอดีตข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับรัฐมนตรี 2 คน และผู้บริหารระดับสูง กระทรวงแรงงาน 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86

ทั้งนี้ จะเร่งสรุปสำนวนการสอบสวนส่งสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ต่อไป

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากดีเอสไอ โดยกองคดีการค้ามนุษย์ ได้สืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 81/2566 เนื่องจากดีเอสไอได้รับหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องแรงงานไทย เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในสาธารณรัฐฟินแลนด์ โดยกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ได้ให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในสาธารณรัฐฟินแลนด์ที่เดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในการเดินทางกลับประเทศไทย

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า เป็นคดีความผิดที่ส่วนหนึ่งเกิดนอกราชอาณาจักร จึงเสนอสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการสูงสุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 และอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนต่อไป และอัยการสูงสุดได้มอบหมายพนักงานอัยการมาร่วมสอบสวน ซึ่งมีการขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานจากสาธารณรัฐฟินแลนด์ในความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ต่อมาทางการสาธารณรัฐฟินแลนด์ได้ส่งพยานหลักฐานสำคัญตามที่ทางการไทยร้องขอให้ดีเอสไอ โดยจากการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด และพยานหลักฐานที่ได้จากความร่วมมือระหว่างประเทศกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐฟินแลนด์

ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีขบวนการสมคบระหว่างนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลธรรมดา ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทผู้ประสานงานฝั่งไทยที่ทำหน้าที่ประสานงานกับบริษัทที่จะนำเข้าแรงงานของสาธารณรัฐฟินแลนด์ เป็นค่า "หัวคิว" หรือค่าดำเนินการเฉลี่ยรายละ 3,000 บาท โดยไม่มีสิทธิเรียกเก็บตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทประสานงานฝั่งไทยได้นำมาเรียกเก็บจากคนงานที่ไปทำงานอีกชั้นหนึ่ง นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายตามจริง

ในปี 2563- 2566 ซึ่งเป็นช่วงดำเนินคดี มีผู้อยู่ในข่ายต้องเสียค่าใช้จ่ายดังกล่าว รวมประมาณ 12,000 คน คิดเป็นเงินรวมประมาณ 36 ล้านบาท

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการ ได้มีมติกล่าวหาบุคคลดังกล่าวรวม 4 คน และจะนำส่งสำนวนคดีพิเศษดังกล่าว ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ที่มา: Thai PBS, 11/1/2567

เตือนนายจ้าง-แรงงานต่างด้าว เช็คชื่อบริษัทประกันผ่านเว็บกกจ. ป้องกันถูกมิจฉาชีพหลอกขายประกันเถื่อน

10 ม.ค. 2567 ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณีแรงงานต่างด้าวถูกหลอกซื้อประกันสุขภาพ เพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทยว่า ตามที่กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน เปิดให้นายจ้างและสถานประกอบการที่จ้างแรงงานข้ามชาติที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นขออนุญาตทำงานในประเทศไทย ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการออกเอกสารและขั้นตอนต่างๆ รวมถึงการตรวจสุขภาพและซื้อประกันสุขภาพ ภายในวันที่ 15 ม.ค. 2567  ในส่วนนี้ กรมการจัดหางานได้มีการรับรองหน่วยงานหรือบริษัทที่จะเป็นผู้ออกบัตรประกันสุขภาพให้ พร้อมเปิดเผยรายชื่อเอาไว้บนเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน ดังนั้นก่อนซื้อประกันสุขภาพขอให้นายจ้างและแรงงานต่างด้าวตรวจสอบรายชื่อบริษัทที่ได้รับการรับรองก่อน หากไม่ปรากฏชื่อในเว็บไซต์ของกรมการจัดหางานให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบริษัทเถื่อน อย่าซื้อประกันสุขภาพเหล่านั้นเพื่อป้องกันถูกมิจฉาชีพหลอก.

ที่มา: เดลินิวส์, 10/1/2567

กสร. ยืนยันช่วยเหลือเรียกร้องสิทธิให้ลูกจ้างบริษัท ริกิ การ์เม้นส์ จำกัด ครบถ้วนตามอำนาจหน้าที่

นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยหลังกลุ่มแรงงานเพื่อสังคม นำลูกจ้าง บริษัท ริกิ การ์เม้นท์ จำกัด จังหวัดราชบุรี มาชุมนุมปักหลักบริเวณด้านข้างกระทรวงแรงงานเพื่อเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ซึ่งกรณีดังกล่าวกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดราชบุรี ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกจ้างโดยบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานกับนายจ้างอย่างครบถ้วนตามอำนาจหน้าที่แล้ว ดังนี้ พนักงานตรวจแรงงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดราชบุรีได้รับคำร้อง คร.7 จากลูกจ้าง และได้มีคำสั่งฯ ให้ บริษัท ริกิ การ์เม้นส์ จำกัด นายจ้างจ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 4,908,433.97 บาท (สี่ล้านเก้าแสนแปดพันสี่ร้อยสามสิบสามบาทเก้าสิบเจ็ดสตางค์) พร้อมดอกเบี้ย  ในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละสิบห้าต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ให้แก่ลูกจ้างจำนวน 41 คน ซึ่งครบกำหนดระยะเวลาปฏิบัติตามคำสั่ง 30 วัน ในวันที่ 29 มกราคม 2567 และในส่วนของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้ดำเนินการจ่ายเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กรณีค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างจำนวน 40 คน รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 763,600 บาท (เจ็ดแสนหกหมื่นสามพันหกร้อยบาทถ้วน) แล้วเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ลูกจ้างได้ยื่นแบบคำขอแต่งตั้งนิติกรสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดราชบุรีดำเนินการฟ้องคดีทางแพ่งให้แก่ลูกจ้าง และปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของนิติกร

“กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) รวมถึงหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ ยืนยันไม่เคยนิ่งเฉยในการทำหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานตามสิทธิและอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามขอให้กำลังใจทุกฝ่าย และเข้าใจดีถึงความเดือดร้อนกลุ่มลูกจ้างที่มาชุมนุม ซึ่งจะติดตามความคืบหน้าให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายแรงงานที่ได้ดำเนินการไปแล้วต่อไป” อธิบดีโสภา กล่าวท้ายสุด

ที่มา: เว็บไซต์รัฐบาลไทย, 10/1/2567

ทูตอิสราเอลเยี่ยมครอบครัวแรงงานสกลนครเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไม่สงบ

นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร มอบหมายให้ นายชานน วาสิกศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วย ผู้แทนนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสกลนคร ว่าที่ร้อยตรีรวยรุ่ง ใครบุตร ปลัดจังหวัดสกลนคร  นางณัฐกฤตา ดาหาร แรงงานจังหวัดสกลนคร นางสุภาลักษณ์ ใครบุตร สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสกลนครและคณะ นายสุขสันติ วิเวก นายอำเภอวานรนิวาส กิ่งกาชาดอำเภอวานรนิวาส นายก อบต.ศรีวิชัย กำนันตำบลศรีวิชัย ผู้นำชุมชน ร่วมต้อนรับ นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ในการเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร รายนายมีชัย ฤทธิผล ณ บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 15 ตำบลศรีวิชัย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ทั้งนี้ ได้ร่วมมอบถุงยังชีพ น้ำดื่มให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย

ที่มา: สยามรัฐ, 9/1/2567

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net