Skip to main content
sharethis

ปลัด มท. เผยเตรียมส่งตำราเรียน 'ประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904' ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ในฐานะที่เป็นประธาน คกก.ศึกษาจังหวัด ต้องให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย ปลุกความรักชาติ พร้อมลุยสร้างครูต้นแบบ หนุนแยกเป็น 3 วิชา

เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ ถ.ราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เยี่ยมชมห้องดำรงราชานุภาพและพิพิธภัณฑ์การศึกษาไทย ชั้น 1 อาคารราชวัลลภ และเป็นประธานมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและเป็นประธานการประชุม "การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นคนที่มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ" โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไชยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการฝ่ายการเมือง 4 กระทรวง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษารักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาราชการแทนเลขาธิการสภาการศึกษา นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่กระทรวงทั้ง 4 กระทรวงในกำกับได้มาประชุมพร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งตนอยากจะให้เรามีเป้าหมาย มีเจตนารมณ์และภารกิจร่วมกันในการพัฒนาคนและพัฒนาชาติ ซึ่งหน่วยงานของเรานั้นทำงานกับทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดกับประเทศเรา คือ ทรัพยากรมนุษย์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งด้านความมั่นคง ด้านสังคม และด้านการศึกษา ซึ่งเราจะทำให้เกิดความมั่นคงต่ออนาคตของประเทศไทย อนาคตเยาวชน ลูกหลาน ประชาชนทุกคนได้ ต้องมีการทำงานให้สอดประสานและส่งเสริมซึ่งกันและกัน เริ่มจาก "กระทรวงศึกษาธิการ" ที่ต้องดูแลประชากรตั้งแต่วัยแรกเริ่ม โดยการเสริมสร้างวิชาการที่ดี พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกรักในสถาบันหลักของชาติ ในส่วนของ "กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม" ซึ่งเป็นมันสมองในการพัฒนาความรู้ การวิจัยการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ระดับอุดมศึกษา ให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ซึ่งก็คือการส่งเสริมศักยภาพคนสร้างโอกาสในการทำงาน ด้วยการศึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้วยองคาพยพที่มีอยู่ พร้อมเสริมสร้างสังคมของเราให้เป็นความวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น ในส่วนของ "กระทรวงแรงงาน" ก็จะมีการเสริมสร้างศักยภาพคน สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพดูแลสวัสดิการให้พี่น้องประชาชนโดยมี "สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ" ซึ่งเป็นองค์การมหาชน ออกประกาศนียบัตรรับรองความสามารถฝีมือให้กับแรงงาน เพื่อพี่น้องประชาชนบางท่านอาจไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา จนถึงขั้นได้ใบรับปริญญา แต่ถ้าหากบางท่านมีความเชี่ยวชาญในทักษะส่วนตัว มีพรสวรรค์ ที่จะก่อให้เกิดคุณค่าในเชิงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ มีการค้นพบหรือมีฝีมือในงานเฉพาะด้าน ก็จะอยากให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและกระทรวงแรงงาน รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการตลอดจนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รับรองความสามารถเฉพาะทางที่สามารถนำไปแทนใบปริญญาบัตรได้ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้การรับรองนี้นำไปสมัครงานพร้อมประกอบอาชีพที่มีความถนัดได้ ซึ่ง "กระทรวงมหาดไทย" มีความจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยแนวทาง “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจพัฒนา คนพัฒนาชาติร่วมกัน

“ในวันนี้เรามาตอกย้ำกันว่า ความมีคุณภาพของคน ไม่ใช่เพียงมีความรู้ความสามารถ มีงานทำ มีรายได้เท่านั้น แต่ต้องมีคุณภาพครบวงจร คือมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีสุขภาพจิตที่ดี มีจริยธรรม มีจิตสำนึกรักชาติ มีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ซึ่งเรามีเป้าหมายในการสร้างคนที่มีคุณภาพและเป็นคนดีของสังคม นี่คือเป้าหมายที่ผมต้องการให้สอนวิชาประวัติศาสตร์ จริยธรรม และหน้าที่พลเมือง ไม่ใช่การปัดฝุ่นของเก่า แต่เราต้องปลื้มใจภูมิใจที่ประเทศเรามีประวัติศาสตร์ เรารู้รากเหง้า วัฒนธรรมค่านิยมที่ดีของคนไทยที่มันหายไป ทุกวันนี้มีแต่การกระทำที่รุนแรง การกระทำที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทย ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไป เราจะช่วยกันปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนที่อาจจะขาดการได้รับข้อมูลที่ทำให้เขามีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย เพื่อทำให้อนาคตของชาติ มีความศิวิไลซ์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่มีประเทศไทยมา” นายอนุทิน กล่าวเน้นย้ำ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ได้มอบนโยบายให้กระทรวงที่ตนกำกับดูแลในเรื่องของการศึกษา ได้มีการลดภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษา อาทิ การเปิดโอกาสให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้นพร้อมกับการสอบเทียบระดับได้เร็วขึ้น ก็จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งในระดับครัวเรือนและภาครัฐส่วน ในระดับอุดมศึกษาอาจมีการเพิ่มภาระงานให้นิสิต นักศึกษา ได้เรียนมากขึ้นและจบการศึกษาได้ไวขึ้นก็จะทำให้ตัวนักศึกษาได้ประกอบอาชีพได้เร็วสามารถจุนเจือครอบครัวได้ และในส่วนของการคัดเลือกบุคคลเข้ารับข้าราชการ การสอบคัดเลือกควรเพิ่มเติมข้อสอบ ที่เกี่ยวกับการมีจิตสำนึกรักชาติ มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็จะอาจทำให้เรามีข้าราชการที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการรับใช้พี่น้องประชาชน พร้อมที่จะสืบทอดการมีจิตสำนึกในความรักชาติให้ปรากฏต่อพี่น้องประชาชน

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ มีความภูมิใจที่ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูง 4 กระทรวง ทั้งนี้ รัฐบาลและพวกเราให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง โดยมุ่งเน้นการศึกษาเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศและสร้างคนดีมีคุณภาพให้กับประเทศชาติ กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศเพราะเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ มุ่งพัฒนาการศึกษาทุกระดับตั้งแต่ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา จนถึงการศึกษาตลอดชีวิต เพื่อผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีจริยธรรม ความรู้ ทักษะชีวิต และทักษะทางอาชีพ สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยได้ขับเคลื่อนการศึกษาสอดคล้องตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้แถลง

"การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการทำงานร่วมกันเพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ไทย เข้าใจความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ ที่จะสามารถดำรงตนเป็นพลเมืองดีที่มีคุณธรรมจริยธรรม สร้างภูมิคุ้มกันชีวิตและความรับผิดชอบต่อสังคม” พลตำรวจเอก เพิ่มพูนฯ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการเรียนรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ชาติไทย หลักสูตรที่ทางกระทรวงมหาดไทยมั่นใจและเชื่อถือ คือ เนื้อหาประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับที่ใช้เรียนใช้สอนในโรงเรียนจิตอาสา 904 ศอญ. และในขณะนี้การดำเนินการที่สำคัญก็คือการสร้างคน ที่จะมาเล่าเรื่องหรืออธิบายความในเรื่องของประวัติศาสตร์ไทย สำหรับลูกหลานหรือพี่น้องประชาชนได้รับทราบ ซึ่งปรากฎเห็นได้ชัดแจ้งครบ 100 เปอร์เซ็นต์ที่จังหวัดตาก ที่มีบุคลากรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยครูของกรมส่งเสริมการเรียนรู้เต็มรูปแบบ จำนวน 70 กว่าคนในจังหวัดได้มีส่วนช่วยในการสอน ขณะที่ทุกจังหวัด ภายใต้การนำของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการส่งเสริมและจัดหาหนังสือประวัติชาติไทยอยู่ในทุกจังหวัด แต่อาจจะยังไม่ครบทุกโรงเรียน ซึ่งจะได้ดำเนินการให้มีการขับเคลื่อนให้ครบถ้วนในทุกโรงเรียน และสุดท้าย เพื่อให้ความตั้งใจของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจริงอย่างแท้จริง ขอเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีวิชา "ประวัติศาสตร์ชาติไทย" วิชา "หน้าที่พลเมือง" และวิชา "ศีลธรรม" แยกออกมาเป็นเอกเทศ เป็นวิชาชื่อหลักโดยตรง ส่วนเนื้อหาที่แทรกอยู่ในวิชาสังคมศึกษาก็ให้ยังคงอยู่ เพื่อให้เกิดกระบวนการในการเรียนรู้ในการเรียนการสอนสิ่งเหล่านี้ที่ชัดเจนขึ้นนอกเหนือจากการแทรกอยู่ในสาระการเรียนรู้ในหลักสูตรที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

“สำหรับการสอบคัดเลือกข้าราชการที่ให้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับความรักชาติ ศาสนา และสถาบันหลักของประเทศชาติ ในขณะนี้กรมการปกครอง ได้มีการเปิดสอบบรรจุตำแหน่งปลัดอำเภอ ก็จะมีการทดสอบในเรื่องของประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วย และสุดท้ายนี้กระทรวงมหาดไทย นำโดยท่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ยินดีที่จะสนับสนุนและนำสรรพกำลังในพื้นที่ที่จะช่วยสนับสนุนคุณครูในโรงเรียนให้มีความสะดวกสบาย สามารถดำเนินการพัฒนาองค์ความรู้ให้เยาวชนหรือพี่น้องประชาชน ได้อย่างเต็มความสามารถ ตามนโยบายของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ที่มีความปรารถนาดีต่อสถาบันหลักของชาติให้ประสบความสำเร็จ” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว

จากนั้น ในเวลา 11.50 น. ที่โถงชั้น 1 อาคารราชวัลลภ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง "แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยและการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงาน และเจ้าหน้าที่รัฐ" โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไชยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งการลงนามบันทึกการตกลงในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของรัฐบาลในการบูรณาการการทำงานภาครัฐเพื่อร่วมกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพ มีความพร้อม และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะภาคราชการที่ผู้รับราชการนอกจากต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านแล้ว ต้องมีสุขภาพจิตที่ดี และมีความเป็นพลเมืองดีที่ดี ภูมิใจ และเข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันหลักของชาติที่มีต่อคนไทยทุกคน

ปลัด มท. เผยเตรียมส่งตำราเรียน 'ประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904' ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด

ต่อมาในวันที่ 18 พ.ย. 2566 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการการศึกษาจังหวัด ต้องให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย นอกจากนั้น ยังได้ส่งตำราเรียนฉบับสมบูรณ์ ให้กับท่านผู้ว่าฯ โดยเป็นหลักสูตรที่ทางกระทรวงมหาดไทยมั่นใจและเชื่อถือ คือเนื้อหาประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับที่ใช้เรียนใช้สอนในโรงเรียนจิตอาสา 904 ศอญ.

“ขณะเดียวกัน เราจะเร่งสร้างครูต้นแบบที่มีความเข้าใจในประวัติศาสตร์ชาติ และประวัติท้องถิ่น เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราวการประวัติศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามเป้าหมายในการสร้างจิตสำนึกรักชาติ” นายสุทธิพงษ์เผย

นายสุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เราเดินหน้าตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งวันนี้ เสร็จเมื่อวาน ที่จังหวัดตาก เรามีครูต้นแบบแล้วหลายท่าน

“ผมได้ไปหารือกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้กระทรวงศึกษาฯ ได้กำหนดหลักสูตร เพื่อให้ผู้เรียน ได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม ในจำนวนเวลาที่เพิ่มขึ้น อาจจะแยกออกมาเป็นเอกเทศทั้ง 3 วิชา แน่นอนว่า กระทรวงมหาดไทย เรารับสนองนโยบายของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล อย่างสุดความสามารถ และยืนยันว่าในเรื่องของการปลุกจิตสำนึกการรักชาติ เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่” นายสุทธิพงษ์กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net