เรืองไกร สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ค้านการเสนอชื่อ พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือกเป็นนายกฯ รอบ 2 ขู่ร้อง ป.ป.ช. ต่อหากมีการเสนอชื่ออีกครั้ง ด้าน รอง หน.รวมไทยสร้างชาติ ย้ำพรรคไม่เสนอชื่อ นายกฯ แข่ง และไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ระบุโหวตรอบ 2 ควรให้เพื่อไทยเสนอชื่อนายกฯ
17 ก.ค.2566 เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึง วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ผ่านระบบสารบรรณสำนักบริหารงานกลาง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอคัดค้านการเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งมีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ โดยให้เหตุผลในยื่นหนังสือว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 อาจสุ่มเสี่ยงการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาแล้วครั้งหนึ่ง และหากจะโหวตครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ หากพิจารณาตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 36 - ข้อ 41 ที่ระบุไว้ ตนเข้าใจได้ว่าเมื่อญัตติที่เสนอแล้วต้องตกไป จะเสนออีกไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม การจะเป็นญัตติหรือไม่ ผู้ที่ถูกเสนอชื่อจะต้องไม่มีคุณลักษณะต้องห้าม โดยประเด็นคุณลักษณะนี้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาแล้วเห็นว่า พิธา มีลักษณะต้องห้าม เพราะถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน จึงมีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไข คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 88 และ 89 บัญญัติ ดังนั้น จึงเห็นว่าไม่ควรเสนอชื่อ พิธา อีกครั้ง
เรืองไกร กล่าวว่าจากที่ตนได้ศึกษาจากแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว จะต้องไม่มีการเสนอชื่อ พิธา เพราะหากระหว่างทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี พิธา ได้เสียงเกิน 376 เสียง และศาลมีคำวินิจฉัยออกมา กระบวนการรัฐสภาจะดำเนินต่ออย่างไร ซึ่งสอดคล้องกับที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เคยแสดงความเป็นห่วงถึงขั้นตอนการกราบบังคมทูลฯ อย่างไรก็ตาม ตนจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อผู้ลงมติสนับสนุนเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เรียบร้อยแล้ว เตรียมจะส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป ส่วนกรณีวันที่ 19 ก.ค. 2566 หากมีการเสนอชื่อ พิธา อีกครั้งแม้จะมีผู้รับรองย่อมถือว่าไม่ชอบ และสำหรับสมาชิกผู้ลงมติถือว่ารู้หรือควรรู้ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วย ส่วนกรณีประธานรัฐสภา สามารถมีอำนาจชี้ขาดให้โหวตเสนอชื่อ พิธา เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้หรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าไม่สามารถทำได้ ตามที่ตนได้ยื่นร้องเรื่องนี้ และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 วรรค 4 ว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของประธานรัฐสภา
รอง หน.รวมไทยสร้างชาติ ย้ำพรรคไม่เสนอชื่อ นายกฯ แข่ง และไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ระบุโหวตรอบ 2 ควรให้เพื่อไทยเสนอชื่อนายกฯ
ขณะที่ ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เผยพรรคไม่เสนอชื่อ นายกรัฐมนตรีแข่งเข้าโหวตรอบ2 และย้ำไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยและล่าสุดก็ไม่ได้มีการคุยกันว่าจะเสนอรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่ง
ส่วนทิศทางการโหวต พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 นั้น ธนกร กล่าวว่า ยืนยันตั้งแต่ต้นแล้วว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีควรเสนอครั้งเดียว เพราะข้อเท็จจริงทุกพรรคการเมือง รวมถึง สว. ทราบวิสัยทัศน์ของพิธาอยู่แล้ว ซึ่งครั้งแรกก็ไม่ผ่าน และคะแนนยังขาดอีกเยอะมาก ดังนั้น ควรเสนอแล้วเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้อันดับ2 และอันดับ3 ในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เพราะไม่เช่นนั้นจะเสนอไปเรื่อย ๆ ทำให้เสียเวลาสภา ส่วนที่ ส.ว. มองว่าโหวต พิธา เป็นญัตติซ้ำนั้น เป็นเรื่องข้อกฎหมายต้องไปพิจารณา
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ธนกร กล่าวว่าจะต้องพูดคุยกันในพรรค ตนมองว่า วันนี้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนเงื่อนไข หลายพรรค พูดจากันได้มากขึ้น ขณะที่ พรรคร่วมรัฐบาลเก่าก็มีการพูดคุยอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะก่อนและหลังประชุม ครม. มีการพูดคุยติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอด
อย่างไรก็ตาม ธนกร ยังระบุด้วยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็สามารถที่จะเป็นนายกฯ รวมถึงพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็สามารถเป็นได้ แต่พีระพันธุ์ บอกแล้วว่าจะไม่ลงแข่งโหวตเลือกนายกฯ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)