Skip to main content
sharethis

ประธาน กกต. เผย คกก.ไต่สวนอาจเรียกสอบปมคลิปประชุม ‘ไอทีวี’ ด้าน อดีต กกต.สมชัย แนะส่งคลิปประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีให้ กกต. เชื่อเป็นผลดีกับ 'พิธา' 'ทนายภัทรพงศ์' จี้ สอบ 'เรืองไกร' ร้องเท็จ

12 มิ.ย.2566 จากกรณีรายการ “ข่าว 3 มิติ” เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย. 66) ซึ่งเผยแพร่คลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา กับรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทที่ไม่ตรงกัน จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากรายงานการประชุมดังกล่าวถูกนำไปเป็นหลักฐานร้องเรียนประเด็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯ ว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่

ประธาน กกต. เผย คกก.ไต่สวนอาจเรียกสอบปมคลิป

อิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึง คลิปภาพการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีดังกล่าวว่า เรื่องนี้มีคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนของ กกต. รับผิดชอบอยู่แล้ว เนื่องจากได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนขึ้นมาพิจารณาคดีคุณสมบัติในส่วนของคดีอาญา ตามมาตรา 151 ของกฎหมายเลือกตั้ง ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติแต่ฝ่าฝืนลงสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนคงจะเรียกข้อมูลดังกล่าว จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาในส่วนนี้ด้วย

อดีต กกต. สมชัย แนะส่งคลิปประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีให้ กกต. เชื่อเป็นผลดีกับ 'พิธา'  

สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีนี้ด้วยว่า มีสติ ดูให้รอบคอบและละเอียดในทุกๆ เรื่อง ในขณะที่สังคมยินดีกับพิธาว่า พ้นบ่วงไอทีวี จากการเผยแพร่คลิปบันทึกการประชุม ที่มีเนื้อหาว่าไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ ซึ่งไม่ตรงกับรายงานการประชุม ที่เป็นหลักฐานสำคัญในการร้อง กกต. สังคมทั้งสังคมกำลังประณามและตามตัวคนลงนามรับรองหนังสือและคนตรวจรายงานการประชุม ตนดูคลิปซ้ำไปซ้ำมากว่า 10 รอบแล้ว มีข้อสังเกตที่ต้องให้ความเป็นธรรมดังนี้

พบว่าคลิปมีการสะดุดระหว่างการเอ่ยคำถาม และคำตอบที่สำคัญ คล้ายเป็นการบันทึกที่ไม่ต่อเนื่อง หรือตัดบางประโยคออก แต่เมื่อโทรหาแยม ฐปนีย์ เอียดศรีชัย ใกล้เที่ยงคืน เพื่อตั้งข้อสังเกต ว่าเทปอาจจะได้มาไม่สมบูรณ์  โดย ฐปนีย์ บอกว่าได้มาครบ และส่วนนั้นนำเสนอโดยไม่มีการตัดต่อ ที่สะดุดอาจเป็นเพราะสัญญานเน็ตขณะประชุม

สมชัย ยังระบุว่า ได้โทรขอความเห็นผู้สื่อข่าวอีกรายหนึ่ง เขาดูซ้ำหลายรอบบอกว่ามีโอกาสชนคัต คือ Trim บางส่วนแล้วมาต่อกันได้ เพราะภาพสะดุด และ มุมกล้องขยับ เรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องรอบคอบที่สุด ในการหาผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ และขอหลักฐานคลิปเต็ม หรือ บันทึกเสียง หรือ พยานบุคคล ที่มากกว่าชื่อในรายงาน และหากมีเทปที่ระบุเวลาพูดเป็นวินาที จะยืนยันได้ดีที่สุด เชียร์นายพิธา ยินดีกับนายพิธา แต่ต้องเบิ่งตาให้กว้างที่สุด 

สมชัย ยังระบุด้วยว่า ดูคลิปเต็มจาก The Reporter (ความยาว 3 นาที) มีการ Trim ออกเพียงเสี้ยววินาที ในช่วงต่อของคำถามคำตอบสำคัญ ทำให้ภาพกระตุก ช่วงเวลาดังกล่าว เรียกว่า dead air คือ ไม่มีการพูด เลยเฉือนทิ้งออกไป ทำให้ภาพกระตุก ดังนั้น คลิปนี้ จึงเป็นหลักฐานสำคัญ ที่ต้องส่งให้ กกต. พร้อมการรับรองจากบุคคลที่ส่ง และทำให้การวินิจฉัยของ กกต. ในเรื่องนี้น่าจะมีทิศทางไปในทางที่ดีขึ้นมาก

“ย้ำนะครับ เจ้าของคลิปต้องนำส่ง กกต. โดย กกต.จะปิดชื่อท่านเป็นความลับ ไม่มีผลเสียใด ๆ แต่ท่านต้องพร้อมเปิดตัวกับ กกต. แต่หากไม่สะดวกให้นายพิธา ส่งพร้อมรับรองก็น่าจะได้ ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี ส่วนกรณีหากมีการจดรายงานการประชุมเป็นเท็จหากเป็นจริง ผู้ถือหุ้นและนายพิธา พรรคก้าวไกล สามารถเป็นผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีได้” สมชัย กล่าว

จี้ กกต. สอบ 'เรืองไกร' ร้องเท็จ

ภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายความ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. ขอให้สอบข้อเท็จจริง กรณีคำร้องของเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนหุ้นสื่อไอทีวีของ พิธา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) โดยเห็นว่าเรืองไกร ได้เสนอหลักฐานอ้างว่าพิธา เป็นผู้ถือหุ้นสื่อไอทีวีเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ถือในฐานะผู้จัดการมรดก ขณะที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ระบุชัดเจนว่าอำนาจของผู้จัดการมรดก มีหน้าที่ระบุหนี้สินและทรัพย์สินและแจกจ่ายให้กับทายาทตามกฎหมาย นั่นหมายความว่า การเป็นผู้จัดการมรดกนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทโดยตรง ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าบทบาทหน้าที่และความหมายของการถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก ในฐานะส่วนตัวมองว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ขณะที่ล่าสุดยังมีการเปิดเผยคลิปวีดีโอการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่ระบุชัดเจนว่า บริษัทไอทีวีไม่ได้ดำเนินกิจการสื่อมวลชน ซึ่งอาจจะขัดต่อเอกสารที่เรืองไกร นำมาร้องต่อ กกต.

ภัทรพงศ์ กล่าวว่า กรณีที่เรืองไกร พยายามที่จะยื่นหลักฐานต่อ กกต. เรียกร้องให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติขั้นต้น ตนพบข้อมูลว่าพิธา ถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดกเท่านั้นไม่ได้ถือในนามส่วนตัว จึงมองว่าการกระทำของเรืองไกร อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 143 ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำการอันเป็นเท็จให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย บุคคลดังกล่าวอาจมีความผิด ต้องโทษจำคุกในที่สุด

“อยากให้ กกต. ตรวจสอบคำร้องของเรืองไกร ว่าเข้าข่ายกระทำการผิดกฎหมายหรือไม่ และส่วนตัวยินดีที่จะเดินทางมาให้ข้อมูลกับ กกต. ในเรื่องดังกล่าว  และเรียกร้องขอให้ กกต. ปฏิบัติกับคำร้องของตน เช่นเดียวกับคำร้องของนักร้องท่านอื่น” ภัทรพงศ์ กล่าว

ที่มา : สำนักข่าวไทยและเฟซบุ๊ก สมชัย ศรีสุทธิยากร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net