Skip to main content
sharethis

เมื่อ 13ส.ค.2564เป็นวันครบรอบ 500 ปี ที่สเปนรุกรานล่าอาณานิคมชนพื้นเมืองดั้งเดิมของพื้นที่เม็กซิโก ขบวนการซาปาติสตาซึ่งประกอบด้วยกลุ่มชนพื้นเมืองเม็กซิโกจัดให้มีการ "รุกราน" กลับในเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการเดินทางข้ามมหาสมุทรด้วยเรือเข้าไปที่สเปน แต่การ "รุกราน" ของพวกเขาไม่ได้เป็นการใช้อำนาจครอบงำแต่อย่างใด พวกเขาเข้าไปเพื่อ "รับฟัง" ความทุกข์ร้อนที่มีร่วมกันของชาวสเปน

ในช่วงฤดูร้อนของปีค.ศ. 1521(พ.ศ.2064) ทหารผู้รุกรานของสเปนที่เรียกว่าคอนควิสทาดอร์นำโดย แอร์นัน คอร์เตส ได้ปล้นสะดมและทำลายเมืองหลวงของอาณาจักรแอชเท็กในยุคสมัยนั้นคือเทโนคทิทลัน ในวันที่ 13 ส.ค. 500 ปีหลังจากนั้น กลุ่มขบวนการชนพื้นเมืองเม็กซิโก “ซาปาติสตา” ได้ปฏิบัติการ "รุกราน" ในเชิงสัญลักษณ์ของตัวเองต่อเมืองหลวงของสเปน เพื่อเป็นการรำลึกครบรอบเหตุการณ์ล่าอาณานิคมที่เกิดขึ้น

ตัวแทนซาปาติสตา 7 คน ใช้เรือออกเดินทางจากอิสลามูเฮเรส์ ประเทศเม็กซิโกตั้งแต่พฤษภาคมไปที่ประเทศสเปนเพื่อปฏิบัติการรุนรานสเปนโดยย้อนเส้นทางที่กลุ่มผู้รุกรานสเปนเคยใช้ พวกเขาเดินทางอยู่ถึง 50 วันในการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกแล้วเทียบท่าที่เมืองวีโกทางตอนเหนือของสเปนเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.

หลังจากที่พวกเขาย่ำลงบนพื้นดินของยุโรป ซาปาติสตาก็เปลี่ยนชื่อทวีปยุโรปให้เป็น "Slumil K’ajxemk’op" ที่แปลว่า "ดินแดนกบฏ" ในภาษาของชาวมายา ซึ่งเป็นหนึ่งในชนพื้นเมืองของทวีปอเมริกาก่อนถูกชาวยุโรปเข้าไปล่าอาณานิคม

ปฏิบัติการของซาปาติสตาเข้าสู่ยุโรปในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อพิชิตหรือครอบงำ ในแถลงการณ์ของพวกเขาระบุว่าภารกิจของพวกเขาคือ "การรับฟังและเรียนรู้" จากคนในพื้นที่ยุโรปที่กำลังต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมทางสังคม

ซาปาติสตาระบุว่าการเดินทางไปเยือนยุโรปของพวกเขาก็เพื่อ "พูดคุยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่พวกเรามีร่วมกัน, ความเจ็บปวดร่วมกัน, ความโกรธเคืองไม่พอใจร่วมกัน, ความสำเร็จร่วมกัน และความล้มเหลวร่วมกัน"

ในประวัติศาสตร์กลุ่มคอนควิสทาดอร์ของสเปนร่วมมือกับกลุ่มชนพื้นเมืองล้อมเมืองหลวงเทโนคทิทลัน จนกระทั่งยอมแพ้ในวันที่ในวันที่ 13 ส.ค.1521 นั้น หลังจากนั้นเมืองหลวงของแอซเทคก็พังย่อยยับจากความรุนแรงและจากโรคภัยไข้เจ็บที่ติดมาจากชาวยุโรป หลังจากนั้นเมืองเม็กซิโกซิตีก็ถูกสร้างอยู่บนซากผุพังนี้

คาโรไลน์ เพนน็อค ผู้เชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาสตร์แอซเทคกล่าวว่ามีการประเมินไว้ในขั้นต่ำสุดว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดในครั้งนั้นอย่างน้อย 8 ใน 10 คน เพนน็อคกล่าวอีกว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นยังมีเรื่องของความรุนแรงที่โหดร้ายและการบังคับใช้ทาสเกิดขึ้น สร้างความเสียหายต่อชีวิตของชนพื้นเมืองของที่นั่นอย่างมาก

ในปี 2562 ประธานาธิบดีเม็กซิกัน อังเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ เรียกร้องให้สเปนขอโทษเรื่องที่เคยใช้ความรุนแรงยึดครองเม็กซิโกมาก่อน แต่กลุ่มซาปาติสตาก็แสดงออกชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการคำขอโทษ พวกเขาเปลี่ยนแนวทางวาทกรรมของวันครบรอบการล่าอาณานิคมนี้ให้กลายเป็นเรื่องการรำลึกถึง "500 ปีของการต่อสู้ขัดขืนของกลุ่มชนพื้นเมือง"

ซาปาติสตาแถลงว่า "พวกเราต้องการจะบอกกับชาวสเปนในเรื่องง่ายๆ 2 เรื่อง หนึ่งคือ พวกเขาไม่ได้พิชิตเราได้สำเร็จ พวกเรายังคงอยู่ที่นี่ต่อสู้ ขบถ ขัดขืน และอย่างที่สองคือ พวกเขาไม่จำเป็นต้องขอให้พวกเราให้อภัยพวกเขาหรืออะไรทำนองนั้น"

ซาปาติสตาแสดงออกถึงเรื่องนี้ในการชุมนุมที่กรุงมาดริดเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมาด้วยคำขวัญว่า "พวกเราไม่ได้ถูกยึดครอง พวกเราจะไม่ยอมแพ้" นอกจากนี้กลุ่มซาปาติสตากับผู้สนับสนุนพวกเขายังจะเดินขบวนไปที่จัตุรัสโคลัมบัสที่มีอนุสาวรีย์แสดงให้เห็นถึงจักรวรรดิสเปน

หลังกิจกรรมในมาดริดเสร็จสิ้นแล้วกลุ่มซาปาติสตาจะเดินทางไปเยี่ยมตามที่ต่างๆ ของประเทศยุโรปซึ่งพวกเขาวางแผนจะพบปะกับกลุ่มต่างๆ ที่มีแนวทางร่วมกันในการต่อต้านทุนนิยมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงเรื่องแนวคิดสตรีนิยม กลุ่มช่วยเหลือผู้อพยพ และขบวนการที่พูดถึงปัญหาโลกร้อน

ซิลเวีย มาร์กอส นักวิจัยเม็กซิกันที่เน้นเรื่องขบวนการชนพื้นเมืองกล่าวว่าเป้าหมายหลักของซาปาติสตาในครั้งนี้คือการส่งเสริมความร่วมมือและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับกลุ่มประเด็นต่างๆ โดยการสร้างสายสัมพันธ์กับขบวนการที่ต่อสู้เรื่องสิทธิที่ดินทำกิน ต่อสู้เพื่อปกป้องธรรมชาติ ต่อสู้กับโครงการขุดเจาะทรัพยากรใหญ่ๆ ต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของดาวเคราะห์โลก มาร์กอสบอกว่าถึงแม้กลุ่มรากหญ้ามักจะถูกทำให้เป็นชายขอบแต่พลังของเขามาจากความสามารถสร้างสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน

ในเดือนกรกฎาคมตัวแทนของซาปาติสตาอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมกับการประชุมของเฟมินิสต์ที่จัดขึ้นที่ ZAD ซึ่งเป็นชุมชนที่สร้างขึ้นเพื่อต่อต้านการสร้างสนามบินในเมืองน็องต์ รวมถึงมีการเข้าร่วมประท้วงที่จัดขึ้นโดยกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ไม่มีเอกสารรับรองในย่านชานเมืองของปารีส

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มซาปาติสตาอีกบางส่วนที่พยายามเดินทางด้วยเครื่องบินไปทำการรำลึกเหตุการณ์ล่าอาณานิคมแต่ต้องเผชิญกับการจำกัดการเดินทางเพราะโควิด-19 และมีปัญหาเรื่องการได้รับหนังสือเดินทาง ซึ่งรองผู้บัญชาการกาลิอาโนซึ่งแต่เดิมรู้จักกันในชื่อรองผู้บัญชาการมาร์กอสผู้เปรียบเสมือนเป็นโฉมหน้าของ
ซาปาติสตาวิจารณ์ว่าเป็นเรื่อง "การเหยียดเชื้อชาติสีผิว"

กลุ่มซาปาติสตา หรือกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติ (EZLN) เป็นกลุ่มกบฏที่มีฐานที่มั่นในรัฐเชียปัสของเม็กซิโก มีการตั้งชื่อมาจากเอมิเลียโน ซาปาตา ผู้นำกบฏชาวนาในการปฏิวัติเม็กซิโกปี 2453 ซาปาติสตาปรากฏตัวบนหน้าพาดหัวสื่อเป็นครั้งแรกเมื่อวันปีใหม่ของปี 2537 จากการที่พวกเขาสามารถยึดเมืองหลายเมืองในรัฐเชียปัสไว้ได้

เชียปัสเป็นรัฐทางตอนใต้สุดของเม็กซิโกที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แต่ชุมชนคนพื้นเมืองในท้องที่ก็กลับถูกกีดกันจากทรัพยากรพื้นฐานในการดำรงชีพอย่างน้ำประปา, บริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน และการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพราะเจ้าของที่ดินจำนวนมากและทรัพยากรจำนวนมากถูกครอบครองโดยกลุ่มชนชั้นนำกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น

นอกจากนี้ในช่วงที่มีการก่อกบฏต่อต้านในรัฐเชียปัสนั้นยังตรงกับช่วงที่มีการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ซึ่งซาปาติสตาบอกว่าข้อตกลงนี้เปรียบเสมือนเป็น "คำสั่งประหาร" ต่อเกษตรกรที่ยากจนในพื้นที่ เพราะมันลิดรอนสิทธิตามรัฐธรรมนูญของพวกเขาในการเข้าถึงที่ดินชุมชนและทำให้ตลาดในประเทศเต็มไปด้วยของนำเข้าราคาถูกจากสหรัฐฯ

นับตั้งแต่ที่มีการลุกฮือต่อต้านความไม่เท่าเทียมและการทำให้ชุมชนคนพื้นเมืองเป็นชายขอบ กลุ่มกบฏก็เริ่มสร้างเขตปกครองตนเองอิสระขึ้นมาได้โดยมีการจัดการศึกษาและระบบบริการสุขภาพของตัวเอง พวกเขาปฏิเสธความช่วยเหลือจากรัฐบาลและอาศัยวิธีการแบบที่ดินส่วนรวม กับสหกรณ์กาแฟและช่างฝีมือ

นอกเหนือไปจากเรื่องการต่อสู้ภายในพื้นที่ของพวกเขาเองแล้ว ซาปาติสตายังมีข้อเสนอต้องการให้มีสังคมที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและมีความเสมอภาคมากขึ้น ขบวนการของพวกเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับขบวนการเคลื่อนไหวทั่วโลก

อีกทั้งส่วนหนึ่งของแฟนๆ ซาปาติสตาก็อยู่ในยุโรป เช่น โลลา เซปุลเวดา ชาวสเปนจากมาดริดคอยติดตามการเคลื่อนไหวของซาปาติสตามาตั้งแต่ราว 20-30 ปีที่แล้ว และไปเยี่ยมขบวนการนี้ที่เชียปัสมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งในปีนี้เธอได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งกิจกรรมของซาปาติสตาในมาดริด เซปุลเวดา บอกว่าเธอได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากจากซาปาติสตา "พวกเขาได้แสดงให้เราเห็นว่ามีวิธีการอื่นๆ ในการทำสิ่งต่างๆ ได้ ...วิธีการในแบบที่เน้นเอาชีวิตคนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้คนเป็นศูนย์กลาง"


 

เรียบเรียงจาก

Zapatistas ‘invade’ Madrid to mark Spanish conquest anniversary, Aljazeera, 13-08-2021

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net