Skip to main content
sharethis

เรืองไกร ลิกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาส่งศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเลือกตั้ง 24 มี.ค. เป็นโมฆะหรือไม่ ชี้ กกต. ทำผิดเพราะหยุดนับคะแนนกลางคัน 

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ (แฟ้มภาพ TV24)

9 เม.ย.2562 ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้เสนอความเห็นไปยังศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะหรือไม่ และการกระทำของ กกต. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ เนื่องจากรายงานตัวเลขนับคะแนนเลือกตั้ง จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ยังมีตัวเลขที่ต่างกัน จึงทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าผลการเลือกตั้งจาก 92,230 หน่วย อาจไม่ตรงกัน ซึ่งกรณีดังกล่าวถูกสาธารณชน และพรรคการเมืองขอให้ กกต.เปิดเผยผลคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้ง โดยลงประกาศในเว็บไซต์เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ ไม่ใช่ให้ผู้สมัครในแต่ละเขตเป็นผู้ไปยื่นคำร้อง และชำระค่าคัดสำเนาเอกสาร เนื่องจากปัจจุบันเป็นยุค 4.0 ควรจะเลิกการใช้สำเนา ทั้งนี้แม้ว่า กกต.จะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่จำนวน 6 หน่วยเลือกตั้งใน 5 จังหวัด ก็ยังไม่ทำให้สิ้นสงสัยกรณีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ และจำนวนบัตรแตกต่างกันอยู่ 9 คน

เรืองไกร กล่าวต่อว่า กรณีผู้ใช้สิทธิ์และผลการนับคะแนนที่คลาดเคลื่อน หรือบัตรเขย่ง ตามที่สำนักงาน กกต. ชี้แจงว่าเกิดจากการยังนับคะแนนไม่แล้วเสร็จ เป็นการนับคะแนนเพียงแค่ 90 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าการนับคะแนนอาจไม่เป็นไปตามระเบียบ กกต.และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 117 มาตรา 120 มาตรา 123 เพราะการนับคะแนนจะต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ห้ามหยุดพัก นอกจากนี้ กกต.ยังระบุว่าความคลาดเคลื่อนส่วนหนึ่งเกิดจากยังไม่ได้นำคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า รวมถึงเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรอีกกว่า 2 ล้านใบมานับรวม จึงมีเหตุสมควรให้ผู้ตรวจส่งเรื่องให้ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยเร็ว ก่อนที่ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในวันที่ 9 พ.ค.

นอกจากนี้ในการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีข้อมูลแตกต่างกันจากหลายฝ่าย และเมื่อตรวจสอบจากรายงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตั้งแต่รายงานในชั้นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็ไม่พบตัวอย่างการคำนวณ ส.ส.ตามที่กล่าวอ้างกัน ดังนั้นการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจึงต้องเป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128,129 เท่านั้น กรณีนำพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเป็นเศษไม่ครบจำนวนเต็ม และไม่ถึงจำนวน ส.ส.พึงมีมาปันส่วน เพื่อให้ได้รับ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อด้วย จึงอาจไม่มีหลักการของกฎหมายใดมารองรับ

"ผมเลือกที่จะมาร้องกับผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะผู้ตรวจมีบทบาทต่อการวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะถึง 2 ครั้ง ในครั้งนี้อยากให้ผู้ตรวจแยกส่งให้ศาลปกครองวินิจฉัยกรณีที่ กกต. กระทำขัดต่อระเบียบ และส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ" เรืองไกร กล่าว

วทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการฯ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า หลังรับเรื่องทางสำนักงานจะเร่งตรวจสอบคำร้องทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงเพื่อส่งเสนอให้ผู้ตรวจฯ พิจารณาโดยเร็ว ว่า คำร้องของนายเรืองไกรอยู่ในอำนาจพิจารณาของผู้ตรวจฯ หรือไม่ และหากเข้าข้อกฎหมายจะต้องส่งเรื่องไปที่ศาลใดวินิจฉัย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net