Skip to main content
sharethis

เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าวหลังเรียกคนแชร์แคมเปญรณรงค์ถอดถอน กกต. จากเว็บ change.org มาสอบปากคำ เผย กกต. แจ้งความเองฐานบิดเบือนข้อมูล หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทำให้ กกต. เสียชื่อเสียง แต่ไม่บอกบิดเบือนอย่างไร ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกนำตัวมาสอบปากคำนั่งร่วมโต๊ะแถลงข่าวด้วย แต่เมื่อประสานทนายความได้ตำรวจจึงอนุญาตให้กลับ

5 เม.ย. 2562 เวลา 18.05 น. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 3 (ผบก.ตม.3) ฐานะเลขานุการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ได้นำแถลงข่าวกรณีการควบคุมตัวผู้ถูกกล่าว กรณีแชร์แคมแปญรณรงค์ล่าชื่อถอดถอน กกต. จากเว็บไซต์ change.org ซึ่งปัจจุบันมีผู้ร่วมลงชื่อแล้วกว่า 8.5 เเสนรายชื่อ หัวข้อ “ขออำนาจประชาชนร่วมกันลงชื่อสนับสนุนแคมเปญล่ารายชื่อถอดถอน กกต. ที่ส่อแววทุจริตและมีข้อครหามากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย”

พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ชี้แจงว่า วานนี้เวลา 19.00 น. ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มอบหมายให้ ส.ต.อ.นวัต บุญศรี ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย สำนักกฎหมายสำนักงานกกต. เข้าแจ้งความเอาผิดกรณีที่มีการใช้สื่อโซเชียลมีเดียเผยแผร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อ กกต. จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีการทำแคมเปญรณรงค์ถอดถอน กกต. ในเว็บไซต์ change.org ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 ซึ่งระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกผู้คนที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงในวันนี้ทั้งหมด 3 ราย และได้สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการสืบสวน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีกลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า WE LOVE THAILAND ได้ใช้เว็บไซต์ change.org ซึ่งเป็นเว็บที่เกี่ยวกับการรณรงค์ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการรณรงค์ในเชิงบวก แต่กรณีนี้มีการทำแคมเปญเพื่อให้คนลงชื่อถอดถอน กกต. โดยระบุว่า กกต. มีมลทินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และส่อแววทุจริต ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เจาะจงให้ กกต. ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนพบว่ามีผู้แชร์แคมเปญนี้เบื้องต้นมี 7 รายและได้ติดต่อสอบถามไปโดยขอให้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยวันนี้ได้มาให้ปากคำทั้งหมด 3 ราย ส่วนที่เหลือจะเดินทางมาในวันที่ 11 เม.ย.

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การแชร์แคมเปญรณรงค์ล่าชื่อถอดถอน กกต. จากเว็บไซต์ change.org  เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่ามีข้อความใดที่เป็นเท็จ หรือบิดเบือนบ้าง พ.ต.อ.ปริญญา ระบุว่า ไม่สามารถนำข้อความมาชี้แจงได้ เนื่องจากเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ที่ต้องเข้าสู่การพิจารณา

ต่อคำถามว่า การเดินทางมาสอบปากคำนี้วันนี้เป็นการเดินทางมาเอง หรือเป็นการคุมตัวมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตอบว่า ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบถามที่ที่พักอาศัย เพื่อพูดคุยและเชิญตัวมา ถือเป็นการช่วยอำนวยความสะดวก เมื่อสอบปากคำเสร็จแล้วก็ได้พาตัวกลับไปยังที่พัก

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวด้วยว่าช่วงเวลานี้การเลือกตั้งได้เสร็จสิ้นแล้ว จากนี้จะมีการประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีผู้ไม่หวังดีด้วยเหตุผลต่างๆ ทำการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารจากหลายทิศทาง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยจำเป็นต้องทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และไม่ต้องการให้เรื่องทางการเมืองมีความวุ่นวาย จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่แชร์โพสต์บิดเบือนข้อมูลที่ทำให้ กกต. เสียหาย โดยการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดจะทำด้วยความโปร่งใส ทั้งนี้มุ่งหวังให้เกิดความสงบ และขอให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง และควรตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะแชร์หรือโพสต์

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ กกต. เป็นองค์กรอิสระ และกินเงินภาษีประชาชน แต่กลับฟ้องหมิ่นประมาทประชาชนนั้น ถือเป็นการสกัดกั้นไม่ให้มีการแสดงความคิดเห็นหรือไม่ พล.ต.ต.อาชยน ระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็ต้องยึดหลักกฎหมาย

“ใครจะกินเงินเดือนใครไม่รู้แต่ถ้ามีผู้กระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะกระทำต่อบุคคลต่อบุคคล หรือกระทำต่อบุคคลต่อองค์กร ก็จะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย องค์กรก็สามารถทำได้ วันนี้เป็นเรื่องของการดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ก็มีความผิด” พล.ต.ต.อาชยน

พล.ต.ต.อาชยน ตอบคำถามต่อไปว่า เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งพิจารณาผู้กระทำความผิดในลักษณะของการแชร์ ยังไม่พิจารณาในส่วนของผู้ที่ลงชื่อ

ผู้สื่อข่าวประชาไทรายงานเพิ่มเติ่มว่า รายชื่อผู้ถูกกล่าวหาในกรณีนี้มีทั้งหมด 7 คน ได้แก่ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการ และพิธีกรรายการ Wake Up Thailand ช่อง Voice , ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมทางการเมือง, สัญญา เรืองสุจ อาชีพรับจ้าง (สอบปากคำแล้ว) , สมใจ พันธุ์ยัง อาชีพเย็บผ้า (สอบปากคำแล้ว) , และนักศึกษาหญิงอีก 1 คน (สอบปากคำแล้ว) ส่วนอีก 2 รายที่เหลือยังไม่ทราบชื่อ

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้าที่จะมีการแถลงข่าวได้รับแจ้งจากผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 รายว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ทั้ง 3 คน ร่วมนั่งแถลงข่าวด้วย โดยขอให้นั่งเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แต่หลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนสามารถติดต่อทนายความได้แล้ว ทนายความได้ยืนยันสิทธิ์ในการไม่ร่วมแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยอมให้ทั้ง 3 รายกลับบ้านได้ โดยนักศึกษาหญิงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพากลับไปส่งที่หอพักเนื่องจากสามารถติดต่อทนายความได้ตั้งแต่ช่วงบ่าย ส่วน สัญญา และสมใจ ออกจากสถานีตำรวจไปพร้อมกับทนายความในช่วงเย็นก่อนหน้าที่จะมีการแถลงข่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net