GM เริ่มปลดพนักงานในสำนักงานราว 4,300 คน ทั่วโลก
General Motors หรือ GM บริษัทผลิตรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เริ่มปลดพนักงานในสำนักงานราว 4,300 คน ทั่วโลกในสัปดาห์นี้ เพื่อเพิ่มผลกำไร และจะหันไปลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์แบบไร้คนขับ
ผู้นำญี่ปุ่นระบุว่ามีคณะทำงานตรวจปัญหาการสำรวจด้านแรงงานที่ผิดพลาด
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นกล่าวว่าคณะทำงานชุดใหม่ของกระทรวงกิจการภายในจะตรวจสอบปัญหาการสำรวจด้านแรงงานที่ผิดพลาดอย่างละเอียดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับความน่าเชื่อถือของสถิติของรัฐบาล
ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวว่ากระทรวงกิจการภายในได้ตั้งคณะทำงานเพื่อวิเคราะห์สถิติที่รวบรวมโดยหน่วยงานต่างๆ ของรัฐอย่างละเอียด สมาชิกในคณะทำงานจะประเมินว่าวิธีจัดทำสำรวจและตัวอย่างเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ยังกล่าวว่าเป้าหมายของคณะทำงานคือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกและเพิ่มคุณภาพข้อมูลของทางการ
ที่มา: NHK WORLD-JAPAN, 4/2/2019
พนักงานภาครัฐอินเดียผละงานประท้วง 2 ล้านคน เรียกร้องบำนาญแบบเดิม
พนักงานภาครัฐประมาณ 2 ล้านคน นำโดยกลุ่มสหภาพแรงงานกว่า 150 แห่ง ในรัฐอุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) ทางตอนเหนือของอินเดีย เริ่มผละงานประท้วงเป็นเวลา 7 วันเพื่อเรียกร้องให้รื้อฟื้นโครงการบำนาญแบบเดิม ทั้งนี้ทางการรัฐอุตตรประเทศเริ่มนำระบบบำนาญแบบใหม่มาใช้ แต่พนักงานรัฐส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับระบบใหม่ดังกล่าว และมีการเปิดเจรจากันหลายรอบแต่ล้มเหลว
โครงการอุตสาหกรรมร่วม 2 เกาหลีซึ่งถูกปิดเมื่อ 3 ปีก่อน กลับมาเป็นเป้าความสนใจอีกครั้ง
โครงการอุตสาหกรรมร่วม 2 เกาหลีซึ่งได้ถูกปิดไป กำลังกลายเป็นเป้าความสนใจอีกครั้งหนึ่งในการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ซึ่งกำลังกระชั้นเข้ามา ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) แห่งสหรัฐอเมริกกับนายคิม จ็อง อึน (Kim Jong-un) ผู้นำเกาหลีเหนือ ในปลายเดือน ก.พ. 2019 นี้
โดยเมื่อที่ 10 ก.พ. 2019 ประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐได้เขียนข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ว่า เกาหลีเหนือจะกลายเป็น "ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ" หลายฝ่ายเชื่อว่า ข้อความของนายทรัมป์ชี้ให้เห็นถึงความเต็มใจที่สหรัฐจะหยิบยกเรื่องของรางวัลทางเศรษฐกิจขึ้นมาพูดในการเจรจากับเกาหลีเหนือ อันเป็นความพยายามที่จะกระตุ้นให้เกาหลีเหนือดำเนินมาตรการจำเพาะไปสู่การปลดนิวเคลียร์ นอกจากนี้ นายคิม จ็อง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้ชี้เป็นนัยถึงความกระตือรือร้นที่จะเปิดนิคมอุตสาหกรรมแกซองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ที่มา: NHK WORLD-JAPAN, 10/2/2019
การประกาศจ้างงานในสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 2018 เพิ่มขึ้นสู่สถิติใหม่
กระทรวงแรงงานของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าการประกาศจ้างงานในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 169,000 ตำแหน่ง มาอยู่ที่ 7 ล้าน 3 แสนตำแหน่ง ตัวเลขดังกล่าวสูงสุดตั้งแต่มีการเริ่มเก็บข้อมูลเมื่อปี ค.ศ.2000
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์เริ่มกังวลว่าเศรษฐกิจอเมริกันอาจเกิดปัญหาขาดแรงงาน โดยมีความกังวลว่าขณะนี้ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ กำลังร้อนแรง แต่การขยายตัวคงไม่อาจดำเนินต่อเนื่องไปจากนี้ได้มาก ถ้าไม่มีคนเหลือที่จะทำงานตามโรงงาน ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต่างๆ
สหภาพแรงงานเบลเยียมหยุดงานประท้วงการจำกัดเพดานการขึ้นเงินเดือน
กลุ่มสหภาพแรงงานในเบลเยียมได้หยุดงานประท้วงการจำกัดเพดานการขึ้นเงินเดือน ในขณะที่เศรษฐกิจดี รวมทั้งเงื่อนไขการเกษียณก่อนกำหนด ค่าแรงขั้นต่ำ และเพิ่มการฝึกอบรมสำหรับการทำงาน ส่งผลกระทบต่อระบบขนส่งสาธารณะทั่วเบลเยียมเป็นอัมพาต ไม่มีเที่ยวบินขึ้นหรือลงจอดที่สนามบินทั่วประเทศ เนื่องจากหอควบคุมการจราจรทางอากาศไม่รับประกันความปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเพียงไม่กี่คนที่ได้หยุดงาน
ที่มา: telegraph.co.uk, 13/2/2019
สตาร์ทอัพแบ่งเช่าพื้นที่สำนักงานเอาใจนักธุรกิจหญิง
บริษัท The Riveter เป็นบริษัทให้เช่าพื้นที่ทำงานที่เอื้อให้ผู้หญิงทำงานและนักธุรกิจหญิงได้มาเจอกันและใช้พื้นที่ทำงานร่วมกัน แครี่ เมอร์ฟี่ (Kerry Murphy) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท The Riveter บอกว่าทางบริษัทมองเห็นความต้องการพื้นที่ทำงานที่เหมาะกับความต้องการของผู้หญิงทำงานและยังช่วยสร้างชุมชนของผู้หญิงทำงานขึ้นตามมาอีกด้วย แนวคิดของบริษัทสตาร์ทอับที่ตั้งอยู่ในเมืองซีแอตเติ้ลนี้คือการเสนอพื้นที่ทำงานแบบเปิด ทั้งบริษัทและบุคคลทั่วไปสามารถเช่าพื้นที่ได้ โดยจะเช่าแค่โต๊ะทำงานหนึ่งที่หรือเช่าสำนักงานก็ได้และได้ทำงานในที่เดียวกับผู้หญิงคนอื่น
สเตฟานี เซนอส (Stephanie Xenos) ผู้เช่าพื้นที่ทำงานที่ บริษัท The Riveter กล่าวว่าตนเองเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวเรียกว่า Money Muse ที่ใช้บริการสอนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเงินให้แก่ผู้หญิงทั้งแบบออกไปสอนรายตัวหรือไปสอนในงานต่างๆ ตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมา เธอเคยทำงานในออฟฟิสที่พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แต่เมื่อตั้งบริษัทของตนเอง เธอตัดสินใจเช่าพื้นที่ทำงานของบริษัท The Riveter และมาถึงตอนนี้ เธอก็อยากเปลี่ยนเปลงบ้างเเละอยากรู้ว่าการทำงานในพื้นที่ทำงานเดียวกับผู้หญิงเก่งจำนวนมากจะเป็นอย่างไร และเจ้าของธุรกิจที่มาเช่าพื้นที่ทำงานของทางบริษัทก็มีความหลากหลายมาก
รีเบคคา ริชาร์ด ไดออพ ผู้เช่าบอกว่าบริษัทของเธอให้บริการด้านกราฟฟิกส์ดีไซน์แก่องค์การสุขภาพระดับทั่วโลก ส่วนเอมบิกา ซิงห์ ผู้เช่าพื้นที่ทำงานอีกคนหนึ่งบอกว่าเช่าพื้นที่เพื่่อทำธุรกิจเสื้อผ้าเช่า
เจมี่ รุซโซ (Jamie Russo) ที่ศึกษาการวิวัฒนาการพื้นที่ทำงาน มองว่านี่เป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติ เมื่อตลาดเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ก็มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้า พื้นที่ทำงานให้เช่าสำหรับผู้หญิงจึงเป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้
ด้านเซนอสมองว่าการแบ่งเช่าพื้นที่ทำงานสำหรับผู้หญิงเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวเพื่อพลังหญิงที่นำไปสู่การรณรงค์ MeToo ที่ต่อต้านการรังแกทางเพศผู้หญิง เธอบอกว่าในที่ทำงานจำนวนมากมีปัญหาการรังแกทางเพศและบ่อยครั้งที่ผู้หญิงที่เป็นเหยื่อไม่ได้รับการช่วยเหลือ เธอมองว่านี่เเสดงให้เห็นวาผู้หญิงเข้าใจปัญหาที่ผู้หญิงด้วยกันประสบและสนับสนุนกันและกัน
แม้ว่าบริษัทให้เช่าพื้นที่ทำงาน The Riveter จะตั้งโดยผู้หญิง ผู้นำของบริษัทชี้ว่าผู้ชายก็เช่าพื้นที่ของบริษัทได้และขณะนี้ 1 ใน 4 ของผู้เช่าเป็นผู้ชาย
ญี่ปุ่นตั้งเป้ารับมือภาวะขาดแคลนแพทย์ในพื้นที่ชนบท
กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่นจะดำเนินงานเพื่อรับมือกับภาวะขาดแคลนแพทย์ในกว่าสิบจังหวัด โดยได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาวิธีการรับมือกับภาวะขาดแคลนแพทย์ในพื้นที่ชนบทและการที่มีแพทย์ในพื้นที่เมืองมากเกินไป
ทางกระทรวงตัดสินใจจะออกข้อกำหนดพิเศษไปยังจังหวัดต่างๆ ที่จำนวนแพทย์ต่อประชากรในพื้นที่มีน้อย ซึ่งคาดว่าจะมีการออกข้อกำหนดพิเศษนี้ใน 16 จังหวัดหรือ 1 ใน 3 ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึง อิวาเตะ นีงาตะ และชิซูโอกะ ซึ่งคาดการณ์ว่าจังหวัดเหล่านี้จะมีแพทย์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น 24,000 คน ในปี 2036 ขณะเดียวกัน คาดว่าใน 16 จังหวัด เช่น โตเกียวและเกียวโตจะมีแพทย์มากเกินกว่าที่ควรจะเป็นกว่า 18,000 คน ในปีเดียวกัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่นตั้งเป้าจะคลี่คลายภาวะขาดแคลนแพทย์ให้ได้ภายในปีนั้น ทั้งยังหวังจะกระตุ้นให้แพทย์ในพื้นที่เมืองย้ายไปยังพื้นที่ชนบท
ที่มา: NHK WORLD-JAPAN, 18/2/2019
นายกญี่ปุ่นปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งให้กระทรวงแรงงานเปลี่ยนวิธีการสำรวจ
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) แห่งญี่ปุ่นระบุว่าเขาไม่ได้สั่งให้กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการเปลี่ยนแปลงวิธีในการดำเนินการสำรวจรายเดือนที่สำคัญ กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการกำลังถูกวิจารณ์ว่า ใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสมในการดำเนินการสำรวจค่าแรงและชั่วโมงทำงาน นายกรัฐมนตรีอาเบะกล่าวกับคณะกรรมาธิการของรัฐสภาในวันจันทร์ที่ 18 ก.พ. 2019 ว่าจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญระดับสูงเพื่อรับประกันความน่าเชื่อถือของสถิติต่าง ๆ แต่ปัญหาของการสำรวจไม่ได้ถูกตรวจพบเป็นเวลาถึง 15 ปี เขาระบุว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้
นายอาเบะระบุว่าเลขาของเขาบอกกับเขาว่าการเติบโตของค่าแรงในเดือน มิ.ย. 2015 ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนกลุ่มตัวอย่าง แต่นายอาเบะระบุว่า เขาไม่ได้ออกคำสั่งใด ๆ ให้เปลี่ยนวิธีการสุ่มตัวอย่าง นอกจากนี้เขายังปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า รัฐบาลได้บิดเบือนสถิติเพื่อทำให้ค่าจ้างที่แท้จริงดูสูงกว่าความเป็นจริง เขาเสริมว่าเขาไม่เคยอ้างผลของการสำรวจรายเดือนของกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ว่าเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่าค่าจ้างกำลังเพิ่มขึ้น
ที่มา: NHK WORLD-JAPAN, 18/2/2019
คาด Honda จะปิดโรงงานในอังกฤษปี 2022 คนตกงาน 3,500 คน
นักการเมืองอังกฤษเปิดเผยว่า Honda บริษัทยานยนต์ของญี่ปุ่นจะปิดโรงงานที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวในอังกฤษที่เมือง Swindon ในปี 2022 และจะทำให้มีคนถูกเลิกจ้าง 3,500 คน โรงงานแห่งนี้ผลิตรถ Honda Civic รุ่น 5 ประตูกว่า 160,000 คัน ไม่ถึง 1 ใน 10 ของรถที่มีการผลิตในอังกฤษทั้งหมด 1.52 ล้านคัน
ที่มา: ibtimes.co.uk, 20/2/2019
พบผู้รับเหมาชาวไต้หวันส่ง 6 คนงานเวียดนามทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังเกิดเหตุไฟไหม้โกดังสินค้า ตาย 3 สาหัส 1
จากเหตุการณ์ไฟไหม้คลังสินค้า Kerry TJ Logistics บริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ของไต้หวันที่เขตกวนอิน นครเถาหยวน วันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้แรงงานเวียดนามเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน เสียหายหลายสิบล้านเหรียญไต้หวันนั้น กองแรงงานนครเถาหยวนแถลงว่าแรงงานเวียดนามในที่เกิดเหตุในครั้งนี้ มีทั้งหมด 6 คน เป็นแรงงานถูกกฎหมาย แต่ไม่ใช่เป็นแรงงานของบริษัทโลจิสติกส์ โดยทั้ง 6 คนทำงานอยู่ในสถานประกอบการที่แตกต่างกัน แต่อาศัยช่วงหยุดยาวตรุษจีนแอบไปรับจ้างทำงานกับผู้รับเหมาซ่อมท่อระบายน้ำระบบปรับอากาศในโกดังอย่างผิดกฎหมาย แต่โชคร้ายขณะทำงาน ก่อให้เกิดเหตุไฟไหม้
ด้านกระทรวงแรงงานไต้หวันเคยออกประกาศเตือนผู้ประกอบการว่า จะต้องประชาสัมพันธ์และอบรมแรงงานต่างชาติที่ตนว่าจ้าง ให้เคารพและปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของไต้หวัน โดยเฉพาะเรื่องใช้เวลาว่างหรือวันหยุดไปทำงานกับนายจ้างรายอื่น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือโรงงาน รวมถึงดื่มสุราแล้วขับขี่ยานพาหนะ อาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตทำงาน ถูกส่งกลับประเทศภายในเวลากำหนดและส่งผลต่อสิทธิประโยชน์ของนายจ้างและลูกจ้าง
ที่มา: Radio Taiwan International, 22/2/2019
พบร้านอาหารไทยในออสเตรเลียจ่ายค่าจ้างต่ำกว่ากฎหมาย
Fair Work Ombudsman หรือผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อการจ้างงานที่เป็นธรรมของออสเตรเลีย ระบุว่าได้รับการร้องเรียนจากนักเรียนไทย 3 คน ที่ทำงานในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในนคร Brisbane ได้รับค้าจ้างที่ไม่ถูกต้องตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ต่อมาร้านอาหารดังกล่าวได้ยอมจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวนให้แก่ลูกจ้างทั้ง 3 คนแล้ว รวมถึงสัญญาจะปรับปรุงมาตรการต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพื่อเลี่ยงการถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
ที่มา: fairwork.gov.au, 22/2/2019
ไต้หวันอนุญาตธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร 2 ราย ให้บริการแรงงานต่างชาติโอนเงินกลับประเทศผ่านร้านสะดวกซื้อ
คณะกรรมการกำกับดูแลสถาบันการเงินของไต้หวันอนุญาตให้ธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร 2 ราย ทำธุรกรรมโอนเงินของแรงงานต่างชาติได้แล้ว ได้แก่ 1. EMQ ไต้หวัน ซึ่งเป็นบริษัทรับโอนเงินของฮ่องกง ให้บริการกลุ่มลูกค้าที่เป็นแรงงานเวียดนาม อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ไม่ได้รวมแรงงานไทย แต่ละคนสามารถโอนได้ครั้งละไม่เกิน 30,000 เหรียญ แต่ละวันไม่เกิน 70,000 เหรียญ แต่ละเดือนไม่เกิน 100,000 เหรียญ แต่ละปีไม่เกิน 500,000 เหรียญ สามารถโอนผ่านแอพพลิเคชั่น ตู้ ATM ธนาคารออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต และร้านสะดวกซื้อทุกแห่ง
และ 2. Welldone บริษัทผู้แทนจำหน่ายบัตรโทรศัพท์โอเคการ์ด ซึ่งปัจจุบันให้บริการช่วยโอนเงินผ่านร้านสะดวกซื้ออยู่แล้วด้วยค่าบริการ 99 เหรียญ ขณะนี้ได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ทำธุรกรรมโอนเงินของแรงงานต่างชาติเป็นการเฉพาะ เตรียมให้บริการโอนเงินกลับประเทศแก่แรงงานไทย เวียดนาม อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ การโอนเงินแต่ละครั้งจำกัดที่ 30,000 เหรียญไต้หวัน แต่ละเดือนจำกัดจำนวนไม่เกิน 70,000 เหรียญ หรือปีละไม่เกิน 360,000 เหรียญ สำหรับสถานชำระเงินโอน คือที่ร้านสะดวกซื้อทุกแห่ง และร้านบริการโอนเงินโดยเฉพาะของบริษัทอีก 4 แห่ง ทั้งนี้ทั้งสองบริษัทจะต้องเปิดให้บริการโอนเงินแก่แรงงานต่างชาติภายในเดือนพ.ค. 2019 เป็นอย่างช้า
ที่มา: Radio Taiwan International, 22/2/2019
ภาคบริการในจีนกำลังดูดแรงงานรุ่นใหม่จากภาคการผลิต
สื่อต่างประเทศอ้างข้อมูลของสำนักงานแรงงานในตงกวน มณฑลกวางตง ที่คาดการณ์ว่าโรงงาน 800 แห่ง กำลังขาดคนงานราว 100,000 คน ในช่วงหลังตรุษจีน ทั้งนี้มีการระบุว่าภาคธุรกิจจัดส่งกำลังเฟื่องฟูจากสถิติทั่วประเทศจีน ปริมาณการจัดส่งของเพิ่มขึ้นราว 24% ในปี 2018 จากปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นจำนวนครั้งมากกว่า 50,000 ล้านครั้ง
ธุรกิจจัดส่งของมีระบบที่ยืดหยุ่นกว่างานอื่นๆ และดึงดูดแรงงานรุ่นใหม่ บริษัท Meituan Dianping หนึ่งในยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการจัดส่งของ มีคนงานจัดส่งของมากกว่า 2.7 ล้านคน ในปี 2018 ทั้งกลุ่มทำงานเต็มเวลาและพาร์ทไทม คิดเป็นอัตราเพิ่ม 22% จากปี 2017 การสำรวจยังพบอีกว่า 77% ของคนจัดส่งอาหารเป็นแรงงานต่างถิ่น ทั้งหมดเกิดหลังปีทศวรรษที่ 1980 นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Contemporary Observation ในนครเซินเจิ้น ระบุว่าภาคบริการบูมมาตั้งแต่ช่วงปี 2000 และดูดคนงานจากโรงงานที่ปลดคนออกจำนวนมาก
ที่มา: inkstonenews.com, 26/2/2019
หนุ่มสาวไต้หวันอายุระหว่าง 20-24 ปีตกงานมากที่สุด
จากสถิติล่าสุดของสำนักสถิติและบัญชีกลาง ไต้หวันสาธารณรัฐจีนระบุว่า อัตราการว่างงานปี 2018 อยู่ที่ 3.7 % ต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี หากเทียบกับปี 2017 ลดลง 0.05% อย่างไรก็ดีจากสถิติพบว่า ประชากรอายุระหว่าง 20-24 ปี ว่างงาน 12 % หรือ 10 คนมี 1 คนที่ว่างงาน เทียบกับปี 2017 ลดลง 0.4% แต่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี หรือนับจากที่เกิดสึนามิการเงินเมื่อปี 2008 เป็นต้นมา
ศาสตราจารย์ซินปิ่งหลง จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันแสดงความเห็นว่า ดูจากอัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 20-24 ปี ที่สูงถึง 12 % แล้วน่าตกใจ แต่หากวิเคราะห์อย่างละเอียดจะพบว่า อายุระหว่าง20-24 ปี เป็นช่วงที่เพิ่งจบการศึกษา หากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีมักจะอายุประมาณ 22-23 ปี เนื่องจากเพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงานและขาดประสบการณ์ มักหางานยากเป็นธรรมดา โดยมากต้องล้มลุกคลุกคลานประมาณ 1-2 ปี จึงจะได้งานที่มั่นคง ซึ่งเห็นได้จากสถิติการว่างงานของช่วงอายุระหว่าง 25- 29 ปี จะน้อยกว่าช่วงอายุ 20-24 ปี
ที่มา: Radio Taiwan International, 26/2/2019
รัฐบาลจีนออกคำสั่งให้ 9 หน่วยงานภาครัฐ ห้ามกำหนดเพศในประกาศรับสมัครงาน
รัฐบาลจีนออกคำสั่งให้หน่วยงานภาครัฐ 9 แห่ง ห้ามกำหนดเพศในประกาศรับสมัครงาน ตั้งเป้าเพื่อผลักดันกระบวนการสรรหาบุคลากรขององค์กรโดยไม่กีดกันทางเพศโดยประกาศฉบับนี้กำหนดให้หน่วยงานทั้ง 9 แห่งนั้นห้ามกำหนดเพศของผู้สมัคร หรือกำหนดให้เพศใดเพศหนึ่งได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีการห้ามใช้เหตุผลเรื่องเพศในการกีดกันหรือปฏิเสธหรือกำหนดข้อจำกัดด้านการให้กำเนิดบุตรในการรับสมัครพนักงาน และห้ามมิให้สอบถามผู้สมัครเกี่ยวกับสถานภาพการสมรสและการมีบุตร ตลอดจนห้ามมีผลตรวจครรภ์ในผลการตรวจร่างกายของผู้สมัครงานด้วย ซึ่งหน่วยงานที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามข้อกำหนด โทษปรับสูงสุด 50,000 หยวน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)