Skip to main content
sharethis

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ออกแถลงการณ์คัดค้านการจำกัดเสรีภาพทางวิชาการและการสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยในระหว่างการก้าวสู่การเลือกตั้ง หลัง ตม.กักนักวิชาการต่างชาติ คาดเอี่ยวค้านคดี 'เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร' ทั้งที่ยกฟ้องแล้ว

15 ก.พ. 2562 สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ออกแถลงการณ์ คัดค้านการจำกัดเสรีภาพทางวิชาการและการสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยในระหว่างการก้าวสู่การเลือกตั้ง โดยระบุถึง กรณี ดร.แอนดรูว์ จอห์นสัน อาจารย์ด้านมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เขียนข้อความลงในทวีตเตอร์ว่า เขาถูกกักตัวโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทย(เจ้าหน้าที่ ตม.) เอาไว้ชั่วคราวระหว่างกำลังจะเดินทางออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่บอกกับเขาว่า มีรายชื่อของนักวิชาการจำนวนราว 30 คนที่ทางการไทยต้องการทราบว่าพวกเขาไปพูดคุยกับใครและไปที่ไหนมาบ้าง และจากการตรวจสอบจากเพื่อน ดร.แอนดรูว์เชื่อว่ารายชื่อดังกล่าวมาจากการร่วมลงชื่อคัดค้านการดำเนินคดีกับนักวิชาการในเวทีนำเสนองานทางวิชาการในงานประชุมวิชาการนานาชาติไทยศึกษา (The International Conference on Thai Studies) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2560 หรือที่รู้จักกันในเหตุการณ์ “เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร” แม้คดีจะถูกยกฟ้องไปเมื่อเดือนธันวาคม 2561 แล้วแต่รายชื่อที่ทางการไทยขึ้นบัญชีดำไว้ก็ยังคงอยู่

แถลงการณ์ของ สสส. ระบุถึงสำหรับคดีเวทีวิชาการไทยศึกษา ศาลเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการ นักกิจกรรม และนักเคลื่อนไหวทางสังคม ที่เชียงใหม่ ในความผิดฐานชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 แต่ระหว่างการพิจารณาคดีนี้มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 22/2561 ออกมาให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 ข้อ 12. ที่โจทก์นำมาฟ้องแล้ว การกระทำจึงไม่เป็นความผิด จึงมีเหตุยกฟ้อง แต่ศาลยังรับรองไว้ด้วยว่า สำหรับการดำเนินคดี การดำเนินการ หรือการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งที่ได้กระทำไป โดยชอบด้วยกฎหมายก่อนหน้านั้น ย่อมไม่ถูกกระทบกระเทือนให้เป็นอันเสียไป หรือกลายเป็นอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 22/2561 ข้อ 2  ทั้งนี้ ในข้อ 2 ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 22/2561 ระบุไว้ว่า “การยกเลิกประกาศและคำสั่งตามข้อ 1 ไม่กระทบกระเทือนถึงการดำเนินคดี การดำเนินการ หรือการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งที่ได้กระทำไปก่อนการยกเลิกโดยคำสั่งนี้”

สสส. ระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบขององค์กรตน การกักตัวชาวต่างประเทศเพื่อ “สอบถาม” มิใช่เกิดขึ้นกับ ดร.แอนดรูว์เท่านั้น ก่อนหน้านั้นมีชาวต่างประเทศหลายคนได้ถูกกักตัวและซักถามทุกครั้งที่เดินทางเข้าและออกประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตม.ที่เกี่ยวข้องแจ้งให้ทราบว่าจำเป็นต้องทำแม้จะมีความลำบากใจและได้พยายามทำอย่างสุภาพที่สุด แต่ที่ต้องทำเพราะเป็นคำสั่งจากฝ่ายความมั่นคงของไทย  ให้จับตานักวิชาการและนักกิจกรรมที่อยู่ใน “บัญชีจับตามมอง” หรือ “Watch List”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ดร. แอนดรูว์ จอนห์สัน นักวิชาการ และนักกิจกรรมชาวต่างประเทศอื่นๆ สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ระบุว่า เป็นตัวบ่งชี้ว่า รัฐไทยในยุคที่ คสช. มีอำนาจเต็มในการปกครองบ้านเมืองยังคงมีนโยบายจำกัดเสรีภาพทางวิชาการ  ไม่เว้นกระทั่งนักวิชาการต่างชาติที่เข้ามาทำการศึกษาวิจัยในประเทศไทย ซึ่งนโยบายและปฏิบัติการของทางการไทยดังกล่าว มีลักษณะเป็นการคุกคามผู้ที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาล คสช. ซึ่งจะมีผลให้เกิดภาพลักษณ์ที่เป็นลบต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก 

อนึ่ง ในช่วง 4 ปี 8 เดือน หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 นั้น สสส. ระบุว่า คสช. ได้แสดงบทบาทอันเป็นการจำกัดเสรีภาพทางวิชาการอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน  ชุดความรู้ ความเชื่อ ความจริงที่นักวิชาการฝ่ายประชาธิปไตยแสดงออกทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยที่แตกต่างจากรัฐ กลายเป็น "สิ่งต้องห้าม" สำหรับสังคมไทย นักวิชาการและนักวิจารณ์ถูกเรียกไปรายงานตัว กักตัว ปรับทัศนคติ ทำให้มีคดีติดตัว การล้มกิจกรรมที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์รัฏฐาธิปัตย์  แม้ในระยะหลังการใช้ "อำนาจดิบ" จะลดลง แต่ปฏิบัติการสอดส่องยังดำรงอยู่ บรรยากาศแห่งความกลัวยังปกคลุมรอบตัว เสรีภาพทางวิชาการถดถอยลง กิจกรรมทางวิชาการหลายกิจกรรมที่นักวิชาการตั้งใจจะจัด แต่ไม่สามารถจัดได้เพราะไม่ได้รับอนุญาต

สสส. จึงขอแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการคงไว้ซึ่งนโยบาย มาตรการ และปฏิบัติการต่าง ๆ ของ คสช. ทุกรูปแบบ ที่ดำเนินการผ่านกลไกของรัฐ ในการจำกัดสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ เพราะทำให้เกิดภาพลักษณ์เชิงลบที่ไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทยในระหว่างที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.2562  สสส. จึงมีข้อเสนอต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

  1. มีคำสั่งไปยังทุกหน่วยงานให้ยกเลิกการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งนักวิชาการ ในการแสดงความคิดเห็น การแสดงออก หรือการยื่นข้อเสนอให้รัฐดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกกรณี ทั้งนี้เป็นการสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยในระหว่างการรณรงค์ หาเสียงเลือกตั้ง รวมทั้งยกเลิกนโยบายและการปฏิบัติที่มีการกักตัวและ “สอบถาม” ชาวต่างชาติในลักษณะดังกล่าวข้างต้น  ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประเทศไทยโดยภาพรวม
  2. สั่งการไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูล และประสานงานกับศาลในการปฏิบัติโดยเคารพสิทธิเสรีภาพของชาวต่างประเทศที่ไม่มีคดีติดตัว แต่ถูกนำมาขึ้นบัญชีดำ หรือบัญชีจับตามอง เพราะเหตุทีเป็นผู้เคยทำกิจกรรมทางวิชาการในรูปแบบต่าง ๆ  เช่น การประชุมสัมมนา การศึกษาวิจัย การทำบันทึกข้อตกลงทางวิชาการ ฯลฯ โดยขอลบล้างบัญชีดำ หรือบัญชีจับตามองเสีย และให้ปฏิบัติต่อบุคคลกลุ่มนี้ที่เดินทางเข้า – ออก ประเทศไทยด้วยการให้เกียรติ และมีความความสุภาพ
  3. ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ต้องส่งเสริมให้ประชาชน นักวิชาการ พรรคการเมือง ได้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ และเสนอทางออกในการแก้ปัญหาของประเทศไทยได้อย่างเสรี  ไม่จำกัดเสรีภาพในการแสดงออก และไม่ใช้อำนาจในการเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองที่ประกาศอย่างชัดเจนที่จะสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ทั้งนี้ เพื่อทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ผลการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net