Skip to main content
sharethis

รัฐสภาอิสราเอลผ่านร่าง กม.คุมสื่อต่างชาติ ให้อำนาจนายกฯ และ รมต.การสื่อสาร สั่งปิดสื่อได้โดยอ้าง 'ข้อสงสัยเป็นภัยความมั่นคง' มุ่งเล่นงานสื่อ 'อัลจาซีรา' ซึ่งอิสราเอลเคยกล่าวหาว่ามี 'อคติ' ในการรายงานข่าวเรื่องการโจมตีกาซ่า ด้าน คกก.คุ้มครองสื่อ กังวลว่า กม.ของอิสราเอล จะ "เป็นภัยต่อสื่อต่างประเทศ" 

 

ช่วงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ให้สัญญาว่าจะมีการใช้กฎหมายใหม่ที่เพิ่งผ่านร่างในสภา มาสั่งปิดสำนักงานสื่อ 'อัลจาซีร่า' ในประเทศอิสราเอล

เบนจามิน ได้ให้สัญญาว่าจะ "กระทำการโดยทันทีเพื่อหยุดยั้ง" ปฏิบัติการของสื่ออัลจาซีราในอิสราเอล หลังจากที่รัฐสภาอนุมัติกฎหมายที่จะให้อำนาจรัฐมนตรี ในการสั่งปิดสื่อต่างชาติที่ถูกมองว่าเสี่ยงจะเป็นภัยต่อความมั่นคง

นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุทางโซเชียลมีเดีย ‘X’ (ทวิตเตอร์) ว่า "อัลจาซีราเป็นภัยต่อความมั่นคงของอิสราเอล ทำการเข้าร่วมอย่างแข็งขันในการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และปลุกระดมต่อต้านทหารอิสราเอล" อีกทั้งยังระบุอีกว่า "ข้าพเจ้ามีเจตนาที่จะกระทำการโดยทันทีเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ เพื่อหยุดยั้งกิจกรรมของสื่อแห่งนี้"

สื่ออัลจาซีรา เป็นสื่อเอกชนที่นำเสนอผ่านช่องทางโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าว มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศกาตาร์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลาง มีการนำเสนอในหลายภาษา เช่น ภาษาอาหรับ และภาษาอังกฤษ มีสำนักงานย่อยตามที่ต่างๆ ทั่วโลก ทางอัลจาซีรา แถลงต่อเรื่องข้อกล่าวหาจากรัฐบาลอิสราเอลว่า เป็น "การกล่าวหาเชิงใส่ร้ายป้ายสี" และระบุประณามเนทันยาฮูว่า "ยุยงปลุกปั่น"

แถลงการณ์ของอัลจาซีร่าระบุว่า "ทางอัลจาซีรา ถือว่านายกรัฐมนตรีอิสราเอลต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของทีมงานและสถานทำการของอัลจาซีราทั่วโลก หลังจากที่มีการยุยงปลุกปั่นและกล่าวหาอย่างผิดๆ ด้วยวิธีการที่น่าอดสู"

แถลงการณ์ระบุอีกว่า "ทางอัลจาซีราขอย้ำว่า การกล่าวหาในเชิงใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้ จะไม่สามารถยับยั้งพวกเราจากการที่จะยังคงทำข่าวอย่างกล้าหาญ และเป็นมืออาชีพต่อไป และจะยังคงรักษาสิทธิที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมายในทุกกระบวนความ"

อัลจาซีรา ระบุในรายงานข่าวว่า เนทันยาฮูมีความพยายามจะปิดสื่ออัลจาซีรามานานแล้ว โดยกล่าวหาว่าสื่อของพวกเขามีอคติต่อต้านอิสราเอล

กฎหมายควบคุมสื่อล่าสุดของอิสราเอลได้รับการผ่านร่างด้วยคะแนนโหวต 71 ต่อ 10 ในรัฐสภาอิสราเอล ทำให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสารของอิสราเอลมีอำนาจในการสั่งปิดสื่อต่างชาติที่ปฏิบัติการในอิสราเอล และสามารถยึดอุปกรณ์ของพวกเขาได้ถ้าหากเชื่อว่าพวกเขา "เป็นภัยต่อความมั่นคง"

โฆษกทำเนียบขาว คารีน ฌอง-ปิแอร์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวเพื่อปิดสื่ออัลจาซีราโดยอิสราเอลนั้นเป็นเรื่อง "น่าเป็นห่วง"

ฌอง-ปิแอร์กล่าวว่า "ทางสหรัฐอเมริกาสนับสนุนงานของนักข่าวทั่วโลกที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และนั่นก็รวมถึงนักข่าวที่รายงานข่าวความขัดแย้งในฉนวนกาซ่าด้วย ... ดังนั้นแล้ว พวกเราเชื่อว่างานข่าวเป็นเรื่องสำคัญ เสรีภาพสื่อเป็นเรื่องสำคัญ และถ้าหากรายงานเหล่านั้นเป็นความจริง มันกก็เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงสำหรับพวกเรา"

คณะกรรมการคุ้มครองผู้สื่อข่าว (CPJ) ซึ่งเป็นองค์กรจับตามองเรื่องเสรีภาพสื่อระบุว่ากฎหมายของอิสราเอลนั้นเป็น "การกระทำที่เป็นภัยต่อสื่อนานาชาติอย่างมีนัยสำคัญ"

คาร์ลอส มาร์ติเนซ เดอ ลา เซอร์นา ผู้อำนวยการโครงการของ CPJ ในนิวยอร์กกล่าวว่าทาง CPJ มีความกังวลอย่างมากต่อกฎหมายใหม่ของอิสราเอล "กฎหมายนี้ให้อำนาจรัฐบาลในการสั่งปิดสื่อต่างชาติรายใดก็ได้ที่ปฏิบัติงานในอิสราเอล"

เซอร์นา กล่าวอีกว่า "เรื่องนี้เป็นการส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศการเซนเซอร์ตัวเองและความเป็นปฏิปักษ์ต่อสื่อ ซึ่งกระแสแบบนี้เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เริ่มมีสงครามอิสราเอล-กาซ่า"

เนทันยาฮู เคยกล่าวหาว่า อัลจาซีรา เป็น "ช่องผู้ก่อการร้าย" และกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กลุ่มติดอาวุธฮามาส ทำการโจมตีและสังหารหมู่ผู้คนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ซึ่งอัลจาซีรา ได้ปฏิเสธข้อหานี้ไปแล้ว และบอกว่าการกล่าวหาเช่นนี้เป็น "ความพยายามในการให้ความชอบธรรมในการสังหารและเล่นงานเป้าหมายที่เป็นนักข่าว"

รัฐบาลเนทันยาฮู เล่นงานสื่อมานานแล้ว

นับตั้งแต่ที่มีสงครามกาซ่าตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566 เป็นต้นมา รัฐบาลอิสราเอลได้ผ่านร่างกฎหมายที่อนุญาตให้สั่งปิดสื่อต่างชาติที่ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติได้ชั่วคราวโดยไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากศาล

การผ่านร่างกฎหมายควบคุมสื่อฉบับล่าสุดนี้เกิดขึ้นเกือบ 5 เดือนหลังจากที่อิสราเอล ขู่ว่าจะปิดกั้นสื่อสัญชาติเลบานอน อัลมายาดีน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน พ.ย. 2566

หลังจากการลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ชโลโม คาร์ฮี รัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสารของอิสราเอล กล่าวว่า เขาอยากจะทำให้เรื่องนี้จบลง และกล่าวหาว่าสื่ออัลจาซีรา ทำตัวเป็น "ฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อของฮามาส" โดยการ "ส่งเสริมให้มีการใช้กำลังอาวุธต่อสู้กับอิสราเอล"

คาร์ฮี กล่าวอ้างว่า "มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้มีสื่อที่ได้รับบัตรสื่อมวลชนจากกรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานส่วนราชการอื่นๆ ของอิสราเอล แล้วสื่อแห่งนั้นก็กระทำการจากภายในประเทศเพื่อต่อต้านพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีสงคราม"

กระทรวงการสื่อสารของอิสราเอล มีความต้องการปิดกั้นการเผยแพร่สื่อของอัลจาซีรา ในอิสราเอล และห้ามไม่ให้มีการปฏิบัติงานภายในอิสราเอล แต่คำสั่งนี้ไม่ครอบคลุมถึงพื้นที่ยึดครองในเขตเวสต์แบงก์ หรือที่ฉนวนกาซา

อิสราเอลมักจะด่าว่าหรือใช้ความรุนแรงต่อสื่ออัลจาซีราที่มีสำนักงานอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ และกาซา

มีอยู่ครั้งหนึ่งในเดือน พ.ค. 2565 กองทัพอิสราเอล ยิงนักข่าวอาวุโสของอัลจาซีรา ชีรีน อาบู อัคเลห์ เสียชีวิต ในตอนที่เธอกำลังทำข่าวเรื่องการที่กองทัพอิสราเอลใช้กำลังปราบปรามเมืองเจนิน ในเขตเวสต์แบงก์ ซึ่งสหประชาชาติ ระบุถึงเหตุการณ์นี้ว่า กองทัพอิสราเอล "ใช้กำลังรุนแรงถึงชีวิตโดยไม่มีความชอบธรรม" ซึ่งถือเป็นการละเมิด "สิทธิในการมีชีวิต" ของอัคเลห์

ในช่วงที่อิสราเอลทำสงครามต่อกาซา นักข่าวของอัลจาซีรา และครอบครัวหลายครอบครัวถูกสังหาร เพราะการทิ้งระเบิดของอิสราเอล เช่น กรณีของ วาเอล ดาห์โดห์ หัวหน้าสำนักงานอัลจาซีรา ในกาซา การทิ้งระเบิดทางอากาศเป็นเหตุให้เขาและครอบครัวคือภรรยา ลูกชาย ลูกสาว หลานชาย กับญาติคนอื่นๆ อย่างน้อย 8 ราย เสียชีวิตทั้งหมด

การออกกฎหมายควบคุมสื่อฉบับใหม่นี้เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่เนทันยาฮู เผชิญกับกระแสการประท้วงครั้งใหญ่ ในเรื่องปฏิบัติการในสงครามกาซ่า และเรื่องความล้มเหลวด้านความมั่นคงที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถตรวจจับเหตุการณ์โจมตีจากฮามาส เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ได้ล่วงหน้า

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2567 มีประชาชนหลายหมื่นคนรวมตัวประท้วงที่หน้ารัฐสภาอิสราเอลซึ่งเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการเริ่มต้นสงครามกาซ่าครั้งล่าสุด เหล่าผู้ประท้วงเรียกร้องให้มีสนธิสัญญาหยุดยิงและให้ฝ่ายฮามาสปล่อยตัวประกัน รวมถึงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น

ข้อมูลของทางการอิสราเอล ระบุว่า เหตุการณ์โจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,139 ราย และมีราว 250 รายถูกจับเป็นตัวประกัน ส่วนข้อมูลของทางการปาเลสไตน์ระบุว่าสงครามอิสราเอลต่อกาซ่าเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32,782 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก

 

แปลและเรียบเรียง

Israeli parliament passes law paving the way for Al Jazeera closure, Aljazeera, 01-04-2024

CPJ urges Netanyahu government not to shut down Al-Jazeera in Israel, Aljazeera, 01-04-2024

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Al_Jazeera_Media_Network
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net