Skip to main content
sharethis

'หยก' เยาวชนอายุ 15 ปี และผู้ถูกกล่าวหามาตรา 112 โพสต์อัพเดทผ่านมา 2 เดือนหลัง พม.ประชุม 'เตรียมพัฒน์' ยังไม่มีการพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหา เผยผิดหวังท่าที ร.ร.ไม่โปร่งใส แอบคืนค่าเทอม พยายามผลักไส ไม่ออกผลการเรียน ไม่ให้ร่วมกิจกรรมค่าย

 

สืบเนื่องจากเมื่อช่วง มิ.ย.ที่ผ่านมา เกิดกรณีถกเถียงกันในสังคม และสิทธิของเด็กและเยาวชน ในการศึกษา หลัง ‘หยก’ ธนลภย์ ผลัญชัย เยาวชนอายุ 15 ปี และผู้ถูกกล่าวหาด้วยมาตรา 112 ไม่สามารถเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ (เตรียมพัฒน์) ได้ เนื่องจากทางโรงเรียนอ้างว่า หยกทำตามระเบียบมอบตัวไม่สมบูรณ์

29 ส.ค. 2566 'หยก' โพสต์ข้อความบนเพจเฟซบุ๊กวันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อ 18.26 น. อัพเดทความคืบหน้า หลังจากเมื่อ 20 มิ.ย. 2566 หรือเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เคยประชุมร่วมกับโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ (โรงเรียนเตรียมพัฒน์) โดยที่เธอไม่ได้ถูกเชิญให้เข้าร่วมด้วยในการประชุมครั้งนั้น นอกจากนี้ ผู้อำนวยการของโรงเรียนเตรียมพัฒน์ ไปยื่นหนังสือถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ขอให้คุ้มครองนักเรียนคนอื่นจากเรา มีการให้ข่าวกับสังคมด้วยว่า ตัวเธอทำให้นักเรียนคนอื่นๆ หวาดวิตก หวาดกลัว และเรียนไม่ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตอนที่ประชุมกับ พม. หยก ระบุว่า เธอจำได้ดีว่า จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. ในขณะนั้น แถลงข่าวหลังประชุมว่า "คุณครูห่วงใยเด็กมาก รักเหมือนลูกของตัวเอง และเราเชื่อว่าหากมีความรักความเข้าใจ สถานการณ์ก็จะคลี่คลาย เราจึงได้อาสาเป็นสื่อกลางเพื่อรับฟังทุกฝ่าย ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะไม่พิพากษา และจะหาทางออกให้ดีที่สุด"

อย่างไรก็ตาม มาจนถึงวันนี้ หยก เปิดเผยว่า หลังจากเธอเข้าคุกเด็ก หรือสถานพินิจ ด้วยมาตรา 112 โรงเรียนเตรียมพัฒน์ไม่เคยช่วยหลือ และโรงเรียนไม่อยากให้เป็นนักเรียนโรงเรียนนี้ แต่โรงเรียนไม่ยอมรับที่จะพูดออกมาตรงๆ มีแต่อ้างว่า เราผิด เราทำไม่ถูก และผลักไสเราด้วยการกระทำและงดการกระทำหลายอย่าง

หยก แจ้งว่า 1. เธอจ่ายค่าเทอมแล้ว และมีสิทธิเรียน แต่โรงเรียนไม่เคยมีหนังสือแจ้ง และไม่เคยเรียกไปคุยเพื่อหาทางออก โรงเรียนมีแต่ไปคุยกับคนนอกและให้ข่าวกับคนนอก โรงเรียนก็ปล่อยให้เข้าเรียนเข้าสอบเหมือนทำลืมๆ ซุกฝุ่นขยะอยู่ใต้พรม มีบ้างที่ครูมาพูดหรือมีบุคลากรกระแนะกระแหน แต่ท้ายที่สุดคือให้เราเรียนและสอบ แต่ไม่เคยแจ้งอะไรต่อเรา

2.  นอกจากป่าวประกาศกับสังคมแล้วว่า เราไม่ใช่นักเรียน โรงเรียนไม่เคยแจ้งอะไรเรา เราไม่เคยได้กระดาษซักแผ่น เรายังไปเรียน ไปสอบ หลังสอบเราปิดเทอม 10 ตุลาคม เปิดเทอมอีกที 30 ตุลาคม และในวันที่ 31 วันสุดท้ายของเดือนนี้ เราจะต้องไปค่ายจีนของสาขาศิลป์จีน ปรากฏว่า ครูไม่ให้เราไปค่าย เพราะบอกว่ามีการจ่ายเงินค่าเทอมคืนเรามาแล้ว และไม่มีเงินมาจ่ายค่าค่ายค่าอุปกรณ์ค่ายต่างๆ ให้เรา เราจะไม่ได้ไป นอกจากนั้น เมื่อเราขอผลสอบเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว วันนี้ครูได้แจ้งเราว่า เราจะไม่มีผลสอบ ฝ่ายวิชาการจะไม่ออกให้ และที่ผ่านมาเป็นการทำเพื่อรอส่งเราไป "ที่อื่น" เท่านั้น

เรารู้สึกตกใจ ผิดหวัง และประหลาดใจ ไม่น่าเชื่อว่าในประเทศไทย พ.ศ. 2566 มันมีโรงเรียนแบบนี้อยู่ และเป็นโรงเรียนรัฐ และเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ทำกันได้เหมือนเป็นเรื่องปกติ ผู้ใหญ่ที่เรารู้จักบอกเราว่า เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ ที่จริงถ้าเป็นโลกอื่นประชาชนจะตกใจและประณามมาก แต่บางทีพอต่อสู้เพื่อสิทธิเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่สิทธิที่ดูไร้ค่าเช่นสิทธิทางการศึกษาไปจนถึงสิทธิในการไม่ถูกคุกคามทุกวัน เราก็เลยเริ่มชินนิดหน่อย

หยก ระบุว่า เธอคุยกับ 'บุ้ง' เนติพร เสน่ห์สังคม ในฐานะผู้ปกครองของเธอ และได้ไปเช็กเรื่องที่โรงเรียนอ้างว่าจ่ายค่าเทอมคืน พบว่ามีการโอนค่าเทอมคืนมาอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้ ในบัญชีของเธอเองที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งโรงเรียนไม่เคยแจ้ง และไม่เคยบอกอะไรเรา ทำเงียบๆ ซุกซ่อน เรากับบุ้งคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะทำได้ สิ่งที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการทำมันประหลาดมากๆ ดูไม่เปิดเผย ไม่ซื่อสัตย์ ไม่จริงใจ ไม่มีวุฒิภาวะแบบที่โรงเรียนซึ่งเป็นที่ให้การศึกษามนุษย์พึงมี เราบอกบุ้งว่าจะยังไปค่าย เราคิดว่าเราไปจะไปตามสิทธิของเรา เรื่องของเราเราควรมีส่วนร่วมโรงเรียนจะทำเงียบๆ ลืมๆ เหมือนเราเป็นขยะไม่ได้ เราเป็นคน
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net