Skip to main content
sharethis

เปิดมุมมอง ความเห็นของหัวคะแนนธรรมชาติ ในพื้นที่เชียงใหม่ วิเคราะห์ ปรากฏการณ์ ส.ส.ก้าวไกล พลิกผงาดเจาะพื้นที่ ‘เชียงใหม่’ตอนที่ 3 นี้ พบกับด้อมส้ม หรือหัวคะแนนธรรมชาติ และนักโหราศาสตร์ นาม “การะเกต์พยากรณ์”

เป็นที่รับรู้กันทั่วไป ว่าเชียงใหม่ที่ผ่านมานั้น คือพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยกุมไว้อย่างต่อเนื่องยาวนาน จนถึงกับมีการกล่าวขวัญกันว่า เชียงใหม่ คือเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย กระทั่งเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ได้เกิดปรากฏการณ์พลิกผันพลิกโผ เมื่อพรรคก้าวไกล กวาด ส.ส.เชียงใหม่ ได้มากถึง 7 เขต จากทั้งหมด 10 เขต โดยพรรคเพื่อไทยสามารถรักษาพื้นที่เอาไว้ได้ 2 เขตเท่านั้น จนทำให้หักปากเซียนผลโพลหลายสำนัก หลายนักวิชาการ รวมถึงพรรคเพื่อไทย และต้องมาสรุปทบทวน ค้นหาที่มาของปรากฏการณ์ก้าวไกลเชียงใหม่ในครั้งนี้

สุมิตตา บุญแก้ววุฒิ เจ้าของร้านเบเกอรี่ “บ้านสมาธิ” อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่

สุมิตตา บุญแก้ววุฒิ เจ้าของร้านเบเกอรี่ “บ้านสมาธิ” อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เป็นพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์ ดนตรี ศิลปะและมิตรภาพ ซึ่งเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้จัดกิจกรรม กาดแก่นน้อย (Kaen noi) EP.III ตอน ประชาธิปไตยบังเกิด ภายในงาน มีวงเสวนาการเมืองสร้างสรรค์ เรื่อง ปัญหาหมอกควัน สุราก้าวหน้า ดนตรีศิลปะกับปากท้อง โดยมี ส.ส.ณัฐพล โตวิจักษ์ชัยกุล และศิลปินนักดนตรีกวีในเชียงใหม่ร่วมกันแลกเปลี่ยนด้วย

สุมิตตา บอกว่า ที่ตัดสินใจสนับสนุนพรรคก้าวไกล เนื่องจากเป็นพรรคที่พูดถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง และเป็นพรรคเดียวกล้าที่พูดถึงประเด็นอ่อนไหว และการแก้ปัญหาให้ยั่งยืนและเกิดผลดีกับทุกคน ที่ผ่านมา ก็เชื่อในพลังของหัวคะแนนธรรมชาตินะ แต่ก็เชื่อส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะส่วนตัวไม่ได้เลือกพรรคเพราะมีใครแนะนำ

“และที่ผ่านมา ตนเองมีส่วนช่วยสนับสนุนการหาเสียงให้กับผู้ลงสมัคร ส.ส.ก้าวไกล ก็ช่วยกระจายข่าวทุกช่องทาง และมีการช่วยอธิบายข้อเท็จจริง ให้กับคนที่เข้าใจนโยบายคลาดเคลื่อน หรือเข้าใจผิดทุกครั้ง ที่มีโอกาส”

ในตอนท้าย สุมิตตา ได้ฝากประเด็นปัญหาไปยัง ส.ส.ก้าวไกล ว่าอยากให้ช่วยผลักดันและแก้ไขปัญหา ในเรื่อง ความมั่นคงของอาชีพอิสระ เช่น ศิลปินด้วย รวมไปถึงเรื่องการเมืองท้องถิ่นและการกระจายอำนาจ รวมไปถึงปัญหาในพื้นที่เชียงใหม่ เช่น ยาเสพติด อำนาจมืด เรื่องส่วย เรื่องน้ำประปาท้องถิ่น และ ไฟป่าฝุ่นควัน เป็นต้น

ปภาดา กิ๊บสัน

ปภาดา กิ๊บสัน เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นหัวคะแนนธรรมชาติให้กับพรรคก้าวไกล จากเดิมเธอเคยเป็นครูดอยอยู่ที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ต่อมาได้แต่งงานกับสามีชาวต่างชาติ และย้ายไปสร้างครอบครัว ทำธุรกิจนวดแผนไทยที่ประเทศออสเตรเลีย เธอเป็นอีกหนึ่งคนไทยต่างแดน ที่ใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งที่ต่างประเทศและแนะนำให้ญาติพี่น้องที่เชียงใหม่เลือกพรรคก้าวไกลอีกด้วย

“เดิมทีเราเคยเลือกเพื่อไทยมาก่อนนะ แต่เห็นผลงานของก้าวไกลในสภาและการลงพื้นที่ คิดว่าก้าวไกลทำงานยึดประชาชนเป็นหลัก รอบนี้เลยเลือกพรรคก้าวไกล แน่นอน เราเชื่อในพลังของหัวคะแนนธรรมชาติ ซึ่งในช่วงก่อนการเลือกตั้ง เราได้ช่วยกันกระจายข่าวสารของก้าวไกลไปในสื่อโซเชียล ซึ่งเราคิดว่ามันมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมา เราได้แชร์โพสต์ในติ๊กต่อก เฟซบุ๊ค และพูดคุยกับคนในครอบครัวมาโดยตลอด”

ปภาดา ยังได้ฝากประเด็นให้ทางพรรคก้าวไกลแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยว่า อยากให้ลดความเหลื่อมล้ำ ขจัดทุนใหญ่เพื่อปกป้องธุรกิจขนาดเล็ก รวมไปถึงการจัดการปัญหาเรื่องการศึกษาของไทยเราด้วย อยากให้จัดการศึกษาที่กินได้ คือตอบโจทย์ตลาดแรงงานและอนาคตของเยาวชน ลดเวลาเรียนลง แล้วมามุ่งเน้นเรียนเฉพาะกรอบอาชีพ เพื่อให้ตรงเป้าหมายชีวิตของแต่ละคนจะดีกว่า

“จะยกตัวอย่างของลูกชายมาเรียนออสเตรเลีย ย้ายมาช่วงมัธยมปลาย ช่วงที่เรียน ม.ปลาย ทาง  รร.ให้เลือกเรียนสายอาชีพที่สนใจควบคู่ไป โดย รร.กับวิทยาลัยต่างๆ ทำงานร่วมกัน พอจบ ม.ปลาย เด็กที่ไม่ต้องการเรียนต่อมหาวิทยาลัย ก็สามารถหางานที่ตรงกับสายอาชีพที่ได้เรียนไว้ บริษัทจะรับเด็กกลุ่มนี้เข้าทำงานในองค์กร ในตำแหน่งที่ทำงานและเรียนต่อไปด้วยโดยเรียนในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่เปิดคอร์สเรียนที่ตรงกับสายงาน โดยที่ค่าใช้จ่ายในการเรียนของเด็ก บริษัทออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด หมายความว่าเด็กจะมีทักษะเพิ่มจากวิทยาลัยและจากการทำงานจริง เมื่อเด็กเรียนจบ ก็จะได้ใบประกาศเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พัฒนาต่อยอดตัวเองในสาขาอาชีพที่ทำอยู่ เรียนจบก็ไม่ตกงาน พ่อแม่ก็ไม่เป็นหนี้จากการส่งลูกเรียน ส่วนนายจ้างได้บุคลากรที่มีทักษะดีขึ้นเรื่อยๆ และสามารถเอาค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย คือถ้าระบบการศึกษาที่เรียนกว้างเกินและนานเกินไป มันเสียเวลา หรือไม่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานหรือเศรษฐกิจ สุดท้ายกลายเป็นเรียนจบมา ก็ได้เพียงแค่เอาปริญญามาแขวนข้างฝาเท่านั้นเอง”

ปภาดา ยังบอกเล่าให้ฟังอีกว่า ระบบเศรษฐกิจที่ประเทศออสเตรเลียนั้นมีความแตกต่างกับไทย ก็คือ อีกสิ่งหนึ่งที่สังเกตุเศรษฐกิจของออสเตรเลียไม่เคยตก เงินหมุนเวียนดีมาก คือ เขาจ่ายเงินเป็นรายสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ มันเลยทำให้เม็ดเงินออกมาหมุนเวียนใช้จ่ายในระบบ น่าจะต่างจากการจ่ายเงินแบบรายเดือน ซึ่งมันนานเกินไป ทำให้สภาพคล่องการใช้จ่ายไม่ดีเท่ารายสัปดาห์  

“ทำให้เราเห็นความแตกต่างของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่เริ่มเป็นประเทศมา 200 ปี ในขณะประเทศไทยที่บอกว่าประวัติยาวนานกว่า 700 แต่การพัฒนาแตกต่างกันลิบลับ มันอะไรกันนักหนา ก็เพราะว่า ความเท่าเทียมก็ไม่มี นายทุนผูกขาด ไม่ยึดประชาชนเป็นหลัก มัวแต่เอื้อชนชั้นสูง”

การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ ผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อชุมชน ในชื่อ “สิริเมืองพร้าว” อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เธอเป็นนักเขียน เคยเขียนคอลัมน์ “อาณาจักรใจ” ในมติชนสุดสัปดาห์มานานหลายปี และยังเป็นทั้งนักโหราศาสตร์ หมอดูและสายมูชื่อดัง ในนาม “การะเกต์พยากรณ์” อีกด้วย นอกจากนั้น เธอเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ประกาศผ่านสื่อออนไลน์ว่าจะเลือกและสนับสนุนพรรคก้าวไกลมาอย่างชัดเจน

“ที่เราตัดสินใจสนับสนุนพรรคก้าวไกล คิดว่า ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง คิดว่าประเด็นที่ก้าวไกลนำเสนอออกมา หรือตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ จนถึงคณะก้าวหน้า เป็นสิ่งที่เห็นด้วยในทางอุดมการณ์ รู้สึกว่าเรามีอุดมคติในทางเดียวกัน ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญของสังคมไทย ที่จะเป็นการเมืองใหม่ อนาคตใหม่ พาประเทศเราก้าวพ้นความเหลื่อมล้ำด้านต่างๆ ไปสู่ความเท่าเทียม ความมีอารยะ เป็นประชาธิปไตย ผ่าตัดระบบเก่าที่อุ้ยอ้ายและเต็มไปด้วยวัฒนธรรมลูบหน้าปะจมูก ระบบอุปถัมภ์ ผลประโยชน์ทับซ้อน ให้กลับมาสู่ความโปร่งใส มีหลักการ มีเสรีภาพ มีส่วนร่วมของทุกฝ่ายส่วนตัวแล้วคิดว่า ก้าวไกลมีความชัดเจนในการนำเสนอแนวนโยบายต่างๆ ดูจากผลงานที่ผ่านมา หรือการอภิปรายแต่ละครั้ง กับเท่าที่ได้ติดตามการหาเสียงที่ผ่านมาด้วย

ประเด็นต่อมา เมื่อเธอสนใจพรรคก้าวไกล ในฐานะนักโหราศาสตร์ อยู่กับการพยากรณ์ และเคยทำนายดวงการเมืองเอาไว้อย่างน่าสนใจมาก

การะเกต์ บอกเล่าให้ฟังว่า ขอพูดเป็นการส่วนตัวว่า เราได้ดูดวงเมืองไว้ว่า ประเทศไทยเราจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยิ่งใหญ่ ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม โดยเส้นเวลาจะเริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 และอาจจะพีคขั้นที่ 1 ในปี 2568 จนถึงราวๆ ปี 2570 -2572 จะพีคครั้งใหญ่ แล้วเราจะมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อธนาธร ซึ่งจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญในบ้านเมืองเรา

“ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ในดวงเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด อะไรที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น อะไรที่ไม่เคยเกิดก็จะเกิด มันจะมีการเร่งอัตราความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยอมรับว่า เดิมประเมินว่า จะมีการปรับ ครม. ในปี 2565 แต่ก็เลทมาเป็น 2566 และที่คิดว่ากระแสประชาชนจะตื่นตัวเต็มที่ สักปี 2567 ก็ปรากฏว่า เร่งขึ้นมาในปี 2566 แต่จริงๆ ก็ไม่แปลกใจ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในระหว่างนี้ อ้อ สำหรับในทางโหราศาสตร์ ดูดวงเมืองไว้ก่อนเลือกตั้ง จริงๆ มันขึ้นว่า ก้าวไกลจะไม่สามารถได้คะแนนมากพอเป็นรัฐบาลได้ง่ายๆ และในปี 2566 ดวงของพรรคเพื่อไทยยังดีอยู่มาก แปลว่า เอาเข้าจริงๆ เพื่อไทยโอกาสสูงกว่าก้าวไกลนะ แต่มีจุดน่าสนใจคือ มีการพลิกกลับตาลปัตร ก้าวไกลได้คะแนนมากกว่า ดังนั้น ถ้าสองพรรคนี้จับมือกัน ประเทศไทยก็จะเข้าสู่โหมดการเปลี่ยนแปลงประตูบานแรกทันที แต่ถ้าสองพรรคนี้จับมือกันไม่ได้ ที่จะได้เป็นรัฐบาลคือเพื่อไทย และก้าวไกลจะได้เป็นฝ่ายค้านแทน หรือถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล อาจอยู่ไม่ครบเทอม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก้าวไกลจะได้เป็นรัฐบาลเต็มตัวแน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง”

การะเกต์ บอกอีกว่า ดังนั้น ในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็คิดว่า ด้วยความต้องการประเทศที่เป็นประชาธิปไตย  จะมีการบริหารงานแบบใหม่จริงๆ และถ้าต้องรอก็จะรอ  ถ้าก้าวไกลไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ เราก็จะได้ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพมาก และอีกวาระเดียว ยังไงก็จะได้เป็นรัฐบาล จึงตั้งใจจะให้คะแนนเสียงเป็นฐาน ให้เป็นกำลังใจ ร่วมส่งก้าวไกลข้ามช็อตไปที่ปี 2568-2570  

และแน่นอน เธอยังเชื่อในพลังของหัวคะแนนธรรมชาติของพรรคก้าวไกล ว่ามีส่วนอย่างมาก จนทำให้เกิดปรากฎการณ์ ส.ส.ก้าวไกล พลิกผงาดเจาะพื้นที่ ‘เชียงใหม่’ในครั้งนี้

“เชื่อค่ะ และเอาเข้าจริงๆ เราว่าที่ผ่านมา เราก็มีหัวคะแนนธรรมชาติกันมาตลอดนะ อย่างเพื่อไทย หรือย้อนไปเป็นไทยรักไทย ก็มีหัวคะแนนธรรมชาติจำนวนมากมาก่อน เพียงแต่ว่า คำว่าหัวคะแนนธรรมชาติ ในขณะนี้ มันเหมือนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคำว่า  หัวคะแนนแบบเก่า ที่อิงอยู่กับเรื่องผลประโยชน์ ค่าตอบแทน เงินเบี้ยเลี้ยงต่างๆ ในสังคมไทยที่ผ่านมา เวลาใครทำอะไรที่ไหน ใครให้ประโยชน์อะไรกับใคร ก็มักจะมีการบอกต่อ ช่วยเชียร์ ช่วยผลักดัน การใช้สายสัมพันธ์คอนเน็คชั่นต่างๆ ก็มีด้วยกันทั้งนั้น และบางทีก็อยู่ที่ว่า การนิยามคำว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับเป็นอะไร จำกัดอยู่แค่ผลประโยชน์ส่วนตัว หรือเป็นผลประโยชน์หน้าหมู่ร่วมกัน”

การะเกต์ บอกอีกว่า เพียงแต่ปีนี้ โลกเราไม่เหมือนเดิม เพราะมันมีแพลตฟอร์มใหม่ๆ ในการสื่อสาร มีโลกโซเชียลที่คู่ขนานไปกับโลกจริง คนจำนวนมากจึงส่งต่อข้อมูลข่าวสาร ช่วยกันเชียร์คนที่รักพรรคที่ชอบ โดยไม่ได้รับเงินกันแบบตัวต่อตัวอย่างสมัยก่อน ซึ่งถ้ามองกันอย่างเป็นธรรม ก็ไม่ได้มีแค่พรรคก้าวไกลที่มีหัวคะแนนธรรมชาตินะ เรามองว่าอย่างเพื่อไทยก็มี ในชุมชนหมู่บ้านเรานี้ ก็มีคนที่รักเพื่อไทยกันมาก เพราะเขายังจดจำฝังใจว่าคุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ เคยให้สิ่งดีๆ แก่ชีวิตพวกเขาอย่างไร และเพื่อไทยก็คือทักษิณ ทักษิณก็คือเพื่อไทย คุณอุ๊งอิ๊งก็คือตัวแทนของทักษิณ ชาวบ้านก็คิดกันแบบนี้ และบอกต่อกันมากมายในไลน์กลุ่ม

“หรืออย่างก่อนเลือกตั้ง ญาติผู้ใหญ่บางคนก็โทรมานะ บอกว่าให้ไปเลือกเพื่อไทย เพราะเคยได้ประโยชน์มากจาก 30 บาทรักษาทุกโรค และเคยขายข้าวขายถั่วได้ราคา เขาก็บอกว่า เศรษฐกิจจะกลับมาดีต้องมีเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลเท่านั้น ส่วนก้าวไกลนั้นเขาไม่รู้จักว่าเป็นใครมาจากไหน แต่ก็นั่นแหละ ขณะเดียวกัน กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่เข้าถึงแพลตฟอร์มใหม่ๆ ใช้ติ๊กต่อก ใช้ทวิตเตอร์ ก็ได้เห็นข้อเปรียบเทียบหลายอย่าง ก็เกิดความรักชอบอยากจะเลือกก้าวไกล ก็ส่งคลิปส่งไลน์ให้พ่อแม่ปู่ย่าตายาย หลายบ้านก็เปลี่ยนใจกันจริงๆ เพราะเห็นว่านโยบายก้าวไกลดีจริงๆ”

การะเกต์ บอกด้วยว่า เธอคือหัวคะแนนธรรมชาติที่ธรรมชาติจริงๆ

“ก็แทบไม่ค่อยได้ทำอะไรเลยค่ะ เป็นหัวคะแนนธรรมชาติที่ธรรมชาติมากๆ คือเวลาคุยกับน้องๆ พนักงานในบริษัท หรือคนรอบตัว ก็อาจจะถามเขานะว่าจะเลือกพรรคไหน ถ้าเขาบอกว่าจะเลือกก้าวไกล ก็เออ เราเลือกพรรคเดียวกัน แต่ถ้าเขาตอบว่าเลือกเพื่อไทย ก็เออ ฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกันก็ยังดีนะ เพียงแต่ถ้าตอบว่าจะเลือก 2 ป. จะถามไปหน่อยว่า ทำไมยังอยากได้อยู่ แต่ก็มีเขียนถึงบ้าง ในเฟซบุ๊คส่วนตัว ว่าตั้งใจจะเลือกก้าวไกล

“และช่วงวันที่ 14 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ก็มีโอกาสต้อนรับคุณทิม พิธา และคุณนินนี่ อรพรรณ ที่เป็นผู้สมัครเขต 6 อำเภอพร้าว มาเยี่ยมเยือนห้องสมุดจินดาและสิริเมืองพร้าว ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมพูดคุย ได้พบปะแลกเปลี่ยนกัน ได้มีโอกาสบอกเขาว่าเราจะเลือกก้าวไกลนะ  นอกจากคะแนนเสียงที่ตั้งใจจะให้เต็มที่ทั้งสองใบ ก็มอบยันต์ให้คุณพิธาและคุณนินนี่ไปค่ะ มียันต์สู้ สำหรับการต่อสู้ให้ผ่านทุกด่าน และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ ให้ช่วยคุ้มครองปกปักรักษา พร้อมเป่าคาถาเสน่ห์เมตตาไปให้ด้วย เผื่อจะได้ปังๆ ก็ทำเท่าที่ทำได้ในสายงาน อาจจะมูๆ หน่อย ก็ตามความเชื่อของเราแหละ”

ในตอนท้าย การะเกต์ ได้ฝากประเด็นปัญหาต่างๆ ให้ ส.ส.ก้าวไกล ได้ช่วยผลักดันและแก้ไขต่อไปด้วยว่า เท่าที่ดูนโยบายตอนนี้ คิดว่าก็ครอบคลุมอยู่มากในหลายประเด็น รอให้จัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยดี ส.ส. ได้เข้าไปทำงานกันเต็มที่ คงจะมีเรื่องเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง

“ถ้าอย่างหลักๆ สำหรับระดับนโยบายใหญ่ๆ ก็อยากให้มีการกระจายอำนาจได้จริง อยากได้การเลือกตั้งผู้ว่า อยากให้ประเทศเรามีสมรสเท่าเทียม อยากได้ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า และที่สำคัญอีกอย่าง อยากให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ที่ไม่เป็นธรรมและอันตรายเกินไปเมื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกัน อย่างสมัยเพื่อไทยก็เห็นอยู่ว่าคนเสื้อแดงก็โดนกล่าวหาเรื่องจะล้มเจ้าอยู่ร่ำไป อ้อ และที่สนใจพิเศษอีกอย่าง คือระบบสาธารณสุข และระบบการศึกษา อย่างเราอยู่บ้านนอก จะเห็นเลยว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ต่อคุณภาพชีวิตผู้คน ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต และถ้าเป็นไปได้ ประเด็นการทำแท้งปลอดภัยก็อยากให้ผ่าน เรื่องทำแท้งนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ นะคะ มันทำให้คนจำนวนมากต้องตกในกรงขังความทุกข์ทรมาน ความไม่ปลอดภัย ก็หวังใจว่า ในสมัยของรัฐบาลก้าวไกลกับเพื่อไทย จะได้หยิบยกเรื่องนี้มาปลดล็อคกัน”

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net