Skip to main content
sharethis

30 มิ.ย. นี้ สปสช. ชวน “ผู้รับบริการและผู้ให้บริการ” ร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นทั่วไประดับประเทศ กองทุนบัตรทอง ประจำปี 2566 ผ่านออนไลน์ ชูประเด็นระดมความเห็น “สิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค” และข้อเสนอแนะการเข้าถึงบริการถ้วนหน้า เร่งสร้างสุขภาพที่ดีให้ประชาชน รวมถึงประเด็นข้อบังคับ 8 ด้าน เร่งรวบรวมความเห็นจาก 13 เขตพื้นที่ ช่องทางออนไลน์ และบูรณาการงานประจำ คัดกรองสรุป พร้อมนำส่งมอบข้อเสนอ สปสช. ดำเนินการต่อไป

24 มิ.ย. 2566 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจ้งข่าวว่า นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ประธานอนุกรรมการสื่อสารสังคมและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้และผู้รับบริการ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการรับฟังความคิดเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ตามมาตรา 18 (13) ประจำปี 2566 ว่า ในวันที่ 30 มิ.ย. 2566 นี้ สปสช. โดยการดำเนินงานของอนุกรรมการสื่อสารสังคมฯ ได้เตรียมจัดเวทีรับฟังความเห็นทั่วไปฯ ระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบ Online และ Onsite โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธรณสุข  เป็นประธาน ภายหลังได้มีการเปิดรับฟังความเห็นทั่วไปฯ ในระดับพื้นที่ สปสช.เขต และผ่านช่องทางต่างๆ ไปแล้ว เพื่อเป็นเวทีในการระดมความเห็นและรวบรวมข้อเสนอเป็นข้อสรุปประจำปี 2566 พร้อมรับมอบสรุปผลเข้าสู่กระบวนจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ต่อไป    

ทั้งนี้ การรับฟังความเห็นทั่วไปฯ ระดับประเทศปี 2566 นอกจากหัวข้อการรับฟังความเห็นที่เป็นไปตามข้อบังคับแล้ว ในปีนี้ได้ชูประเด็นการเสนอความเห็นต่อ “สิทธิประโยชน์ด้านสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค” เพื่อป้องกันการเป็นโรค สนับสนุนการมีสุขภาพที่ดีและลดการรักษา พร้อมการนำเสนอข้อเสนอแนะเพื่อให้คนไทยเข้าถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคอย่างถ้วนหน้า โดยมีกลุ่มเป้าหมายของการับฟังความเห็นฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วยฝ่ายผู้รับบริการ ได้แก่ ผู้แทนเครือข่ายประชาชน กลุ่มเปราะบาง ฯลฯ และผู้ให้บริการ ได้แก่ ผู้แทนโรงพยาบาลและหน่วยบริการ ทั้งสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้บริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) เป็นต้น 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการรับฟังความเห็นฯ ปี 2566 ที่ผ่านมานั้น นอกจากการเปิดเวทีรับฟังความเห็นในระดับเขตพื้นที่ทั้ง 13 เขตแล้ว ยังมีการรับฟังความเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มความสะดวกในการร่วมแสดงความเห็น ได้แก่ เว็ปไซต์ สปสช. โดยสามารถรับความคิดเห็นด้วยระบบเสียงได้ (https://hearing.nhso.go.th)  Google form ผ่าน Fb สปสช. / Line OA สปสช. ID @nhso และ Line @traffyfondue รวมถึงข้อเสนอจาก Contact Center 1330 โดยมีผู้ร่วมให้ข้อเสนอแนะแล้วจำนวนกว่า 20,000 ราย 

ขณะเดียวกันยังมีการรวบรวมประเด็นความเห็น ทั้งจากสื่อมวลชน ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์แหล่งข่าว เช่น คลินิกเวชกรรม สภากายภาพบำบัด เป็นต้น การรับฟังจากองค์กรวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น ราชวิทยาลัยแพทย์แห่งประเทศไทย 15 สาขา และการรับฟังเชิงรุก เช่น ออกบูธห้างสรรพสินค้า และการลงพื้นที่ติดตามงานในพื้นที่ห่างไกล เป็นต้น ขณะเดียวกันยังมีการบูรณาการความเห็นจากงานประจำด้วย ที่เป็นหนึ่งในช่องทางรับฟังความเห็น อาทิ งานการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ความเห็นจากกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ (คนพิการ ผู้สูงอายุ พระสงฆ์ ชาวเล เครือข่ายผู้ป่วยมะเร็ง และเครือข่ายเพื่อนโรคไต) งานบริหารจัดการกองทุนท้องถิ่น และประเด็นเฉพาะกรณี เป็นต้น  

“ขณะนี้ทางอนุกรรมการสื่อสารสังคมฯ ได้เก็บรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอที่ถูกส่งเข้ามาผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งหมดข้างต้นนี้ โดยขณะนี้มีผู้ร่วมส่งข้อเสนอกว่า 20,000 คนแล้ว โดยได้มีการกลั่นกรองเพื่อสรุปและเตรียมส่งมอบในเวทีรับฟังความเห็นทั่วไปฯ ระดับประเทศต่อไป” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว  

สำหรับประเด็นรับฟังความเห็นฯ ตามข้อบังคับ 8 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุข 2. ด้านมาตรฐานบริการสาธารณสุข 3. ด้านการบริหารจัดการสำนักงาน 4. ด้านบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 5.ด้านการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นและพื้นที่ 6. ด้านการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน 7.ด้านการรับรู้และคุ้มครองสิทธิ และ 8. อื่นๆ อาทิ การถูกเรียกเก็บเงิน (Extra billing) แก้อย่างไรให้ดีขึ้น การทำให้เข้าถึงบริการที่เป็นสิทธิประโยชน์อยู่แล้ว จะมีกลไกช่องทางพัฒนาให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้นได้อย่างไร (ทันตกรรม, ฟอกไต, ผ้าอ้อม, Telehealth) และการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ปัญหาแนวทางแก้ไขเพื่อการพัฒนา (รวบรวมประเด็นข้อมูล ข้อคิดเห็นเพื่อพัฒนาแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเข้าถึงบริการ 

ชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง เที่ยวงานมหกรรมสุขภาพ ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย 

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้วซึ่งเป็นช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ แม้ว่าคนทั่วไปเมื่อได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่จะมีอาการไม่มากและหายเองได้ แต่ในผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อลดความรุนแรงของอาการหากได้รับเชื้อ ลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้  

ทั้งนี้ ตามที่ สปสช. ได้ร่วมกับ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดสิทธิประโยชน์บริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ภายใต้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ให้กับประชาชนไทยที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ทุกสิทธิการรักษาพยาบาล โดยให้เข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทาง สปสช.ได้ร่วมกับหน่วยบริการ ในการออกหน่วยบริการฉีดวัคซีน (ศูนย์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่) ให้กับประชาชนในงานมหกรรมสุขภาพ 2 งาน ซึ่งเปิดให้ประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงทั่วไปเข้ารับการฉีดวัคซีนฯ ได้ ดังนี้  

งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 20 “สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจไทย” ณ ฮอลล์ 11–12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 – 16.00 น. โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ได้รับความร่วมมือจากเกียรติการแพทย์คลินิกเวชกรรมมาให้บริการ เตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 600 โดสให้บริการประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง 600 คน ที่บูธธนาคารกรุงไทยตามวันและเวลาดังกล่าว  สำหรับประชาชนที่สนใจร่วมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ได้ง่ายๆ เพียงเปิดใช้งาน กระเป๋าสุขภาพ บนแอปพลิเคชัน เป๋าตัง  

งานมหกรรมสุขภาพ มติชน Thailand Healthcare 2023 “เกษียณสโมสร” ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 – 16.00 น. โดยได้รับความมือจากโรงพยาบาลศิริราชมาให้บริการ เตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 600 โดสให้บริการประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง 600 คน 

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า เพื่อให้ประชาชนที่มาในงานมหกรรมสุขภาพทั้ง 2 งาน มั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างแน่นอน ดังนั้น สปสช. จึงได้ประสานกับ ธนาคารกรุงไทย โดยการเปิดให้ประชาชนสามารถจองคิวฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ผ่าน “กระเป๋าสุขภาพ” บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หลังจากนั้นเลือกศูนย์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องการ เช่น ศูนย์ฉีดวัคซีน มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และศูนย์ฉีดวัคซีน เฮลท์แคร์  2023 : เกษียณสโมสร  

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในงานมหกรรมสุขภาพทั้ง 2 งาน สามารถไปรับบริการฉีดวัคซีนที่หน่วยบริการได้ตามปกติ จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมดลง ซึ่งต้องย้ำว่า ขณะนี้ สปสช. ได้เปิดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นสิทธิรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม หรือสิทธิอื่น ๆ สามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนฯ ได้แล้วโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ดังนั้นใครที่รู้ว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือมีญาติ หรือคนในครอบครัวที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสามารถมารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ โดยสามารถรับบริการพร้อมกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค  

สำหรับภาพรวมการให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 20 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา มีประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงเข้ารับบริการฉีดวัคซีนแล้ว 977,659 คน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง รองลงมาเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ กลุ่มผู้ที่มีภาวะโรคอ้วน และ กลุ่มผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย โดย 5 อันดับแรกของโรงพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มากที่สุด คือ โรงพยาบาลสุรินทร์ 10,036 ราย โรงพยาบาลสมุทรปราการ 9,942 ราย โรงพยาบาลสามพราน 9,053 ราย โรงพยาบาลอุดรธานี 8,457 ราย และโรงพยาบาลธัญญบุรี 8,301 ราย    

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net