"สัณห์สิทธิ์" ส.ก.เขตวัฒนาของพรรคก้าวไกล ฟ้อง "นาดา" เหตุโพสต์เปิดเผยเรื่องหญิงข้ามเพศถูกคุกคามทางเพศและถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมจาก ส.ก.คนดังกล่าว ท้วงติงมาตรการลงโทษของพรรคไม่เพียงพอ เจ้าตัวไม่สำนึกรับผิดชอบ

นาดา ไชยจิตต์

12 ก.ย.2565 นาดา ไชยจิตต์ คณะทำงานด้านความหลากหลายทางเพศ พรรคไทยสร้างไทย โพสต์ภาพหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องจากศาลอาญาในคดีที่ สัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ส.ก.เขตวัฒนา พรรคก้าวไกลดำเนินคดีกับนาดาจากกรณีเปิดเผยเรื่องของผู้เสียหายหญิงข้ามเพศ อดีตลูกจ้างของสัณห์สิทธิ์ที่ทำงานในช่วงทำแคมเปญหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. มาร้องเรียนว่าสัณห์สิทธิ์มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศจากการส่งข้อความหาและสัมผัสเป้ากางเกงตนเองต่อหน้าลูกจ้างคนดังกล่าว และยังมีการเลิกจ้างโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายแรงงาน

นาดาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าทางสัณห์สิทธิ์ดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามมาตรา 328 จากโพสต์บนเฟซบุ๊กของเธอที่ออกมาเปิดเผยเรื่องร่าวดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2565

นาดากล่าวอีกว่าเหตุการณ์นี้ชัดเจนว่า ส.ก.เขตวัฒนาของก้าวไกลมีพฤติกรรมละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วยเหตุแห่งเพศ และยังมีการเลิกจ้างผู้เสียหายโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าหนึ่งเดือนแม้จะเป็นการเลิกจ้างเพราะไม่ผ่านการทดลองงานก็ตามแต่ก็เป็นการขัดกับกฎหมายแรงงานที่มีการบังคับใช้อยู่ ซึ่งทางผู้เสียหายเองเคยไปร้องเรียนกับพรรคก้าวไกลจนทางพรรคเองก็มีการลงโทษทางวินัยกับสัณห์สิทธิ์โดยตัดสิทธิเข้ารับตำแหน่งต่างๆ ของพรรคเป็นเวลา 1 ปีไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม นาดาระบุว่าที่ผ่านมาทางผู้ก่อเหตุไม่เคยมีคำขอโทษใดๆ อีกทั้งการจ่ายค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างก็เกิดขึ้นหลังจากพรรคก้าวไกลมีผลการสอบสวนออกมาแล้วว่ามีหลักฐานว่าสัณห์สิทธิ์ทำผิดจริงและทางผู้เสียหายต้องติดต่อผ่านไปทางพรรคจึงมีการติดต่อจากทางสัณห์สิทธิ์เรื่องการจ่ายชดเชย

ทั้งนี้ทั้งนาดาและผู้เสียหายเห็นว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมมากพอเพราะมาตรการของพรรคก้าวไกลเองก็ไม่เพียงพอบทลงโทษที่มีก็เหมือนไม่ได้ลงโทษ ผู้ก่อเหตุก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติแม้ว่าเธอจะทราบมาว่าทางพรรคเองก็กำลังปรับเพราะหลังเกิดกรณีของสัณห์สิทธิ์ก็ยังเกิดกรณี ส.ก.เขตทุ่งมหาเมฆของพรรคก็ก่อเหตุลักษณะเดียวกันขึ้นอีก นอกจากนั้นมาตรการทางกฎหมายที่ใช้กับพรรคการเมืองก็ไม่ครอบคลุมถึงนักการเมืองระดับท้องถิ่นแล้วเพราะทางพรรคก้าวไกลเองก็ยอมรับว่ามีหลักฐานจริงเรื่องนี้ก็เลยเข้ากรอบที่จะร้องเรียนต่อไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือ กสม. ซึ่งทาง กสม.เองก็เห็นว่าเรื่องนี้เป็นการละเมิดด้วยเหตุแห่งเพศ

นาดากล่าวต่อว่า จนทางสัณห์สิทธิ์ก็มีการติดต่อกับผู้เสียหายเพื่อตกลงจ่ายค่าเสียหายตามจริงกรณีเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแล้วก็มีการให้เซนหนังสือหนึ่งฉบับซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับกรณีการละเมิดนี้ แต่ทางผู้ก่อเหตุคงคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้จบไปแล้วจึงมีการดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับตนตามมา โดยที่ผ่านมาเขาก็ยังไม่เคยขอโทษผู้เสียหายแม้แต่ครั้งเดียวเหมือนไม่ได้สำนึกว่าตัวเองได้ทำผิด ไม่รับผิดชอบทั้งที่เขาเองก็มีอำนาจเหนือกว่าจากการเป็นทั้งนักธุรกิจและนักการเมือง

ทั้งนี้ตามหมายนัดศาลระบุวันไต่สวนไว้เป็นวันที่ 31 ต.ค.2565 เวลา 9.00 น. เพื่อไต่สวนว่าข้อเท็จจริงพอที่จะรับเป็นคดีไว้หรือไม่

กรณีของสัณห์สิทธิ์นี้ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2565 ทางพรรคเคยจัดแถลงข่าวโดยมีรังสิมันต์ โรม โฆษก และสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุทธยา รองโฆษกของพรรคออกมาชี้แจงว่าสำหรับการกระทำที่สัณห์สิทธิ์มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยสัมผัสเป้ากางเกงของตนเองต่อหน้าผู้เสียหายนั้นทางฝ่ายผู้เสียหายไม่มีหลักฐานมาแสดงแต่ทางสัณห์สิทธิ์มีพยานหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้ทำพรรคจึงวินิจฉัยประเด็นนี้ไม่ได

อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานชัดเจนในส่วนที่สัณห์สิทธิ์มีการส่งข้อความไปหาผู้เสียหายว่าสวย หุ่นดี ขอดูรูปถ่าย ซึ่งเป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศด้วยวาจา กระทบต่อความรู้สึกและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้เสียหาย เข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงเนื่องจากพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับคุณค่าและอุดมการณ์ของพรรค จึงมีความผิดทางวินัยโดยลงโทษตัดสิทธิการได้รับแต่งตั้งให้ดำรองตำแหน่งในพรรคและตำแหน่งสำคัญในสภา กทม.เป็นเวลา 1 ปี และจะลงโทษให้พ้นสมาชิกภาพทันทีหากมีการกระทำผิดแบบเดิมอีก

ส่วนการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมสัณห์สิทธิ์มีพันธะผูกพันตามกฎหมายต้องจ่ายค่าไม่บอกกล่าวการเลิกจ้างล่วงหน้า ซึ่งทางสัณห์สิทธิ์ยินดีจ่ายและจะดำเนินการให้เร็วที่สุด