คนงานจัดกิจกรรมวันสตรีสากล 2 ปีแล้วยังเงียบ จี้รัฐบาลทำตามนโยบายพลังประชารัฐอย่างที่เคยหาเสียงไว้ พร้อมร้องจัดรัฐสวัสดิการ แก้ รธน.ทั้งฉบับให้ ปชช.มีส่วนร่วม
8 มี.ค.2564 เนื่องในวันสตรีสากล เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา หน้าทำเนียบฯ ตัวแทนสหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอการตัดเย็บเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์หนังแห่งประเทศไทย กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์และองค์กรเครือข่าย จัดกิจกรรมเรียกร้องให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐดำเนินนโยบายตามที่เคยหาเสียงไว้ คือ ค่าจ้างขั้นต่ำ 400 -425 บาท ป.ตรีเงินเดือน 2 หมื่นบาทอาชีวะเงินเดือน 1.8 บาท เด็กจบใหม่เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี ยกเว้นภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปีลดภาษีบุคคลธรรมดาเหลือ 10 % และนโยบายมารดาประชารัฐ เงินช่วยเหลือระหว่างตั้งครรภ์ 3,000 บาท/เดือน เงินค่าคลอดบุตร จำนวน 10,000 บาท ค่าเลี้ยงดูบุตร จำนวน 2,000 บาท/เดือน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ เป็นต้น เพราะวันนี้พรรคพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลระยะเวลาผ่านมาจะครบ 2 ปียังไม่ดำเนินการตามที่หาเสียงไว้แต่อย่างใด
พร้อมทั้งเรียกร้องเพิ่มเติมคือ 1. รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณสร้างรัฐสวัสดิการเพื่อดูแลประชาชนอย่างมีคุณภาพ 2. แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง 3. รัฐบาลต้องให้การรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 87 . 98 และฉบับที่ 183
4. รัฐบาลต้องปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 – 425 บาท ป.ตรีเงินเดือน 20,000 บาท อาชีวะเงินเดือน 18,000 บาท เด็กจบใหม่เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี ยกเว้นภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปีลดภาษีบุคคลธรรมดาเหลือ 10 % และโครงการมารดาประชารัฐ เช่น ตั้งครรภ์รับเดือนละ 3,000 บาท ค่าคลอดบุตร 10,000 บาท และค่าดูแลบุตรเดือนละ 2,000 บาท ตามที่พรรคพลังประชารัฐได้หาเสียงไว้
5. รัฐบาลต้องเพิ่มวันลาคลอดบุตรจากเดิม 98 วัน เป็น 180 วัน และสามีมีสิทธิลาไปดูแลภรรยาคลอดบุตรได้ 180 วัน โดยได้รับค่าจ้าง 6. รัฐบาลต้องผลักดันกฎหมายให้สตรีมีสิทธิทำแท้งได้อย่างปลอดภัยเมื่อไม่พร้อมมีบุตร และ 7. รัฐบาลต้องผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการจ่ายเงินบำนาญแก่ผู้สูงอายุทุกคนเป็นเงิน 3,000 บาท/เดือน
รายละเอียดเนื้อหาจดหมายที่ยื่นทวงถามต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งลงชื่อโดย เซีย จำปาทอง ประธานสหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอฯ และเดือน แช่มสุข กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง ดังนี้
วันที่ 8 มีนาคม 2564
เรื่อง ทวงถามความคืบหน้าข้อเรียกร้องและเสนอข้อเรียกร้องเพิ่มเติมให้รัฐบาลดำเนินการ
เรียน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
“วันสตรีสากล” วันที่ 8 มีนาคมของทุกๆปี เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่ชนชั้นแรงงานหญิงได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับการกดขี่ขูดรีดที่มีอยู่ในสังคม โดยเฉพาะบทบาทของแรงงานหญิงในโรงงานทอผ้า ที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต่อสู้กับการกดขี่ขูดรีดทารุณในระบบทุนนิยม พวกชนชั้นนายทุนเห็นกำไรสำคัญกว่าชีวิตของมนุษย์ การทำงานมากกว่าวันละ 14 - 16 ชั่วโมงได้ค่าจ้างแรงงานเพียงน้อยนิด สภาพการทำงานในโรงงานเลวร้ายหลายคนเจ็บป่วยล้มตายไร้การเหลียวแล ทำให้แรงงานหญิงและชายทนไม่ได้กับระบบการกดขี่ขูดรีดจึงเกิดการลุกขึ้นสู้ มีการนัดหยุดงานและเดินขบวนในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1907 การต่อสู้ในครั้งนั้น ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากแรงงานทั่วโลก สร้างความสั่นสะเทือนต่อระบบทุนนิยมทั้งโลกและได้มีการเรียกร้องชั่วโมงการทำงานให้เหลือวันละ 8 ชั่วโมง พร้อมทั้งปรับปรุงสภาพการทำงานและสวัสดิการต่างๆให้ดีขึ้น วันประวัติศาสตร์การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ของแรงงานหญิงได้รับการยกย่องและมีการจัดงานเฉลิมฉลองมาถึงจนทุกวันนี้
พรรคพลังประชารัฐได้จัดตั้งขึ้นจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งได้รวบรวมกลุ่มนักการเมืองจากหลายกลุ่มมารวมกันกับบุคคลที่มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับทหารที่ทำการรัฐประหารเมื่อปี 2557 การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ได้กำหนดนโยบายหาเสียงที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้แรงงานและสัญญาว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะดำเนินการทันที เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำ 400 - 425 บาท ป.ตรีเงินเดือน 2 หมื่นบาทอาชีวะเงินเดือน 1.8 บาท เด็กจบใหม่เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี ยกเว้นภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปีลดภาษีบุคคลธรรมดาเหลือ 10 % และนโยบายมารดาประชารัฐ เงินช่วยเหลือระหว่างตั้งครรภ์ 3,000 บาท/เดือน เงินค่าคลอดบุตร จำนวน 10,000 บาท ค่าเลี้ยงดูบุตร จำนวน 2,000 บาท/เดือน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ เป็นต้น ณ วันนี้พรรคพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลระยะเวลาผ่านมาจะครบ 2 ปียังไม่ดำเนินการตามที่หาเสียงไว้แต่อย่างใด
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจและปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 จากการบริหารงานผิดพลาดทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างมากมาย ประชาชนจำนวนไม่น้อยต้องฆ่าตัวตายเพราะทนรอการดูแลเยียวยาจากรัฐไม่ไหว บริษัทหลายแห่งปิดตัวลง มีคนตกงานจำนวนมาก ลดชั่วโมงทำงาน ลดสวัสดิการ ใช้ ม. 75 หยุดกิจการบางส่วนเป็นการชั่วคราว หนักสุดถึงขั้นถูกเลิกจ้างไม่ได้รับค่าชดเชย เป็นต้น สถานการณ์รอบแรกยังไม่กลับสู่ภาวะปกติการระบาดรอบที่ 2 กลับมาอีกครั้ง ซ้ำเติมความเดือดร้อนที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ความทุกข์เพิ่มทวีคูณหลายเท่า จากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลปัจจุบันที่ปล่อยปละละเลยเป็นช่องทาง ให้แรงงานข้ามพรมแดนเข้ามาในประเทศแบบผิดกฎหมายโดยที่เจ้าหน้าที่บางกลุ่มอาจมีผลประโยชน์แอบแฝง บ่อนการพนันที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดในภาคตะวันออกและที่อื่นๆจนถึงปัจจุบันรัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ความล้มเหลวการบริหารประเทศที่ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าของรัฐบาลทำให้ผู้ใช้แรงงานและประชาชนคนไทยเดือดร้อนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ข้อเรียกร้องที่ผู้ใช้แรงงานได้ยื่นต่อรัฐบาลแต่ละครั้งถูกเพิกเฉยไร้การตอบสนอง แม้จะเป็นนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐในฐานะที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเคยหาเสียงไว้ก็ตาม เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่ม รวมทั้งเป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในสภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 การสร้างหลักประกันด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง แรงงาน และการส่งเสริมการรวมตัวกันของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอฯกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียงและองค์กรเครือข่าย จึงขอทวงถามความคืบหน้าข้อเรียกร้องที่เคยยื่นต่อรัฐบาลและเสนอข้อเรียกร้องเพิ่มเติมให้รัฐบาลดำเนินการดังต่อไปนี้
1. รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณสร้างรัฐสวัสดิการเพื่อดูแลประชาชนอย่างมีคุณภาพ
2. แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
3. รัฐบาลต้องให้การรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 87, 98 และฉบับที่ 183
4. รัฐบาลต้องปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 – 425 บาท ป.ตรีเงินเดือน 20,000 บาท อาชีวะเงินเดือน 18,000 บาท เด็กจบใหม่เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี ยกเว้นภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปีลดภาษีบุคคลธรรมดาเหลือ 10 % และโครงการมารดาประชารัฐ เช่น ตั้งครรภ์รับเดือนละ 3,000 บาท ค่าคลอดบุตร 10,000 บาท และค่าดูแลบุตรเดือนละ 2,000 บาท ตามที่พรรคพลังประชารัฐได้หาเสียงไว้
5. รัฐบาลต้องเพิ่มวันลาคลอดบุตรจากเดิม 98 วัน เป็น 180 วัน และสามีมีสิทธิลาไปดูแลภรรยาคลอดบุตรได้ 180 วัน โดยได้รับค่าจ้าง
6. รัฐบาลต้องผลักดันกฎหมายให้สตรีมีสิทธิทำแท้งได้อย่างปลอดภัยเมื่อไม่พร้อมมีบุตร
7. รัฐบาลต้องผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการจ่ายเงินบำนาญแก่ผู้สูงอายุทุกคนเป็นเงิน 3,000 บาท/เดือน
สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอการตัดเย็บเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์หนังแห่งประเทศไทย กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียงและองค์กรเครือข่าย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านฯจะพิจารณาดำเนินการตามข้อเรียกร้องเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในสภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และการสร้างหลักประกันด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง แรงงาน และการส่งเสริมการรวมตัวกันของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยต่อไปและขอขอบคุณท่านฯล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ด้วย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)