ปล่อยตัว 2 แกนนำ นปช. 'วิภูแถลง-พายัพ' เมื่อ 3 ต.ค. ที่ผ่านมาหลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ ระบุการเมืองทุกวันนี้เดินทางมาไกลกว่าคำว่า 'เสื้อเหลือง-เสื้อแดง' แล้ว แต่จะต้องเป็นไปตามเสียงส่วนใหญ่ เผยเข้ารับการอบรบเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวโครงการ 'โคกหนองนา' ก่อน 15 วัน

ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2563 เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และนายพายัพ ปั้นเกตุ 2 อดีตแกนนำ นปช. ผู้ต้องต้องขังคดีการเมือง ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ เช่นเดียวกับผู้ต้องราชทัณฑ์อื่น ๆ ที่เข้าเกณฑ์ได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 3 ต.ค. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ จำนวน 401 คน โดยมีอดีตแกนนำนปช.หลายคนมารอรับและให้กำลังใจ อาทินพ.เหวง โตจิราการ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก

นายวิภูแถลง กล่าวว่า ตนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงร.10 ซึ่งที่ออกมาช้าเพราะต้องอบรบโครงการโคกหนองนาเพราะเป็นเรื่องที่ดี ส่วนเรื่องทัศนคติทางการเมืองยังคงชัดเจนเช่นเดิม อำนาจประชาธิปไตยยต้องเป็นของคนไทย และรัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนเพื่อเดินหน้าทางการเมือง

การเมืองทุกวันนี้เดินทางมาไกลกว่าคำว่าเสื้อเหลือง-เสื้อแดงแล้ว แต่จะต้องเป็นไปตามเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งตนเองและนายพายัพ เข้ารับการอบรบเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวในโครงการโคกหนองนาเป็นเวลา 15 วันแล้ว

ด้านนายพายัพ กล่าวว่า ส่วนตัวเข้าคุกมาหลายรอบแล้ว แต่ในเรื่องของอุดมการณ์ยังมั่นคงและชัดเจนเช่นเดิม ยอมรับปัจจุบันการเมืองเป็นหน้าที่ของรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่จะต้องกำหนดอนาคตของประเทศ ขอคนรุ่นใหม่เดินหน้าประชาธิปไตยในทางที่ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายวิภูแถลง ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2563 ในคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งขณะนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ยังอาศัยอยู่ เมื่อปี 2550 ตามความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ และฐานเป็นผู้สนับสนุนมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวาย

ส่วนนายพายัพ ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี (31 ต.ค. 2562) ในคดีล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน โรงแรมรอยัลคลิฟบีช เมืองพัทยา เมื่อวันที่ 2552 ตามฐานความผิดขัดคำสั่งเจ้าพนักงานฯ เดินแถวกีดขวางการจราจร, กระทำการด้วยวาจาที่ไม่ใช่การมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่อง, เป็นผู้สนับสนุนมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวาย และร่วมกันบุกรุกทำให้เสียทรัพย์

นอกจากนี้เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยังปล่อยตัวนายเชาวริน ลัทธิศักดิ์ศิริ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ต้องขังในความผิดคดีฉ้อโกงเงินซื้อปูนของบริษัทเอกชนสัญชาติกัมพูชา เงิน 11 ล้าน ก่อนมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2562 ก่อนพ้นโทษ

นายเชาวริน ถูกถอดยศร้อยตำรวจโท โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศอดีตข้าราชการตำรวจ ออกจากยศตำรวจ จำนวนทั้งสิ้น 10 ราย ซึ่งนายเชาวริน เป็นหนึ่งในนั้นโดยนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด เนื่องจากกระทำความผิดอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์