Skip to main content
sharethis
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยแพร่ดัชนีความทุกข์ยาก (Misery Index) ประจำปี 2559 ล่าสุด รายงานข่าว 15 อันดับประเทศที่มีความสุขในเชิงเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก (The 15 Happiest Economies in the World) โดยระบุว่าไทยมีอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อต่ำ คิดเป็นค่า Misery Index เท่ากับ 2.2 ซึ่งหมายถึง มีความทุกข์ยากต่ำ หรือมีความสุขมากที่สุดในโลก เป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องกัน
 
โฆษกรัฐบาล กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และพอใจการทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่สามารถรักษาระดับการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อได้ดี ข้อมูลจากธนาคารโลกเมื่อปี 2557 ชี้ว่าอัตราว่างงานในไทยอยู่ที่เพียงร้อยละ 0.9 ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 2.5 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งชื่นชมความร่วมมือจากภาคเอกชนและประชาชนที่มีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ดูได้จากดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล การบริโภคเริ่มฟื้นตัว รายได้จากการท่องเที่ยวสูงขึ้น การลงทุนของเอกชนเพิ่มขึ้น มีตัวเลขการขอเปิดโรงงานแล้วหลายพันแห่ง ส่งผลให้เกิดการจ้างงานนับแสนคน อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดอีกหลายอย่างที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ทั้งปัญหาค่าครองชีพ การส่งออก รายได้ของเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs ฯลฯ
 
"ท่านนายกฯ กล่าวว่า ความสุขอาจจะเป็นสิ่งที่วัดยาก แต่ต้องขอบคุณสำนักข่าวต่างประเทศที่มองเห็นข้อดีของไทย ซึ่งอาจจะไม่ใช่เพียงเรื่องของปัจจัยทางเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ยังอาจรวมไปถึงความมั่นคงปลอดภัยในการดำเนินชีวิต การเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน ความอบอุ่นในครอบครัว ความภูมิใจในความเป็นไทย ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน"
 
นอกจากไทยที่อยู่ในอันดับที่ 1 เป็นปีที่ 2 แล้ว อันดับ 2 คือ สวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 3 ญี่ปุ่น อันดับ 4 เกาหลีใต้ อันดับ 5 ไต้หวัน อันดับ 6 เดนมาร์ก อันดับ 7 จีน อันดับ 8 สหรัฐอเมริกา อันดับ 9 นอร์เวย์ อันดับ 10 สหราชอาณาจักร ส่วนออสเตรีย นิวซีแลนด์ ไอซ์แลนด์ มาเลเซีย และเยอรมนี เป็นอันดับที่ 11-15 ตามลำดับ
 
 
พาณิชย์เผยยอดส่งออก ม.ค.59 มีมูลค่าต่ำสุดในรอบ 4 ปี 2 เดือน
 
25 ก.พ.59 นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการส่งออกของไทย ล่าสุดเดือนมกราคม 2559 มีมูลค่า 15,711 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 8.9 ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 และมีมูลค่าต่ำสุดในรอบ 4 ปี 2 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2553 ซึ่งมียอดส่งออกเพียง 13,967 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยหลักที่กดดันส่งออกไทยยังคงมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและราคาน้ำมันที่ลดงต่ำสุดในรอบ 11 ปี โดยเดือนมกราคมราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 27 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รวมทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรที่ยังลดลงต่อเนื่องตามราคาตลาดโลกที่ยังชะลอตัวลง โดยเฉพาะยางพาราที่ลดลงถึงร้อยละ 25 และมันสำปะหลังลดลงร้อยละ 19 แต่ยังถือว่าดีกว่าหลายประเทศที่เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก เช่น รัสเซียติดลบร้อยละ 31 ออสเตรเลียติดลบร้อยละ 21 และอินเดียติดลบร้อยละ 17
 
ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเดือนมกราคม 2559 อยู่ที่ 15,474 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.37 จากการนำเข้าเชื้อเพลิงที่ลดลงถึงร้อยละ 40.7 ตามราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดต่ำลง แต่ไทยยังเกินดุลการค้าเดือนมกราคม 238 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net