Skip to main content
sharethis

 

อยากจะทบทวนเรื่องประวัติศาสตร์ระยะใกล้ก่อนที่จะถูกลืมไป นั่นคือ คดีปาระเบิดศาลอาญา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลกภายใต้อำนาจเผด็จการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เท่าที่พอรวบรวมข้อมูลได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีรายงานข่าวว่ามีคนร้ายโยนระเบิดอาร์จีดี 5 เข้ามาที่ลานจอดรถของศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ถูกแท่งปูนกั้นที่จอดรถได้รับความเสียหายเล็กน้อย ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำการในที่เกิดเหตุได้ทันที 2 คน ชื่อ มหาหิน ขุนทอง กับ ยุทธนา เย็นภิญโญ โดยยุทธนาเป็นผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ ส่วนมหาหินเป็นผู้ซ้อนท้าย ข้อขัดแย้งสำคัญตั้งแต่เริ่มคือ เจ้าหน้าที่ระบุว่าทั้งคู่มีปืน และยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ แต่จำเลยทั้งคู่ยืนยันว่า พวกเขาไม่มีอาวุธปืน และในการจับกุมก็ไม่มีการยิงต่อสู้ มีแต่วิ่งหนี เพราะในที่เกิดเหตุนั้นพบว่าเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบได้ดักซุ่มอยู่แล้ว ราวกับเตรียมพร้อมเพื่อการจับกุมครั้งนี้ ต่อมา พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ยอมรับว่าเป็น ‘การข่าว’ ของหน่วยงานความมั่นคง ทำให้ทหารไปปักหลักอยู่ที่นั่นเพื่อรอจับกุมได้ทันท่วงที และเกิดการปะทะกันเล็กน้อย

ต่อมา ก็ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม คือ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง ภรรยาของ นายมหาหิน และ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง ภรรยาของ นายยุทธนา และในวันที่ 8 มีนาคม ทางการตำรวจ ได้นำหลักฐานที่ได้มาแสดง และพบว่ามีนามบัตรปรากฏชื่อของ 2 บุคคล คือ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. อยู่ด้วย และได้นำตัวนายมหาหิน ขุนทอง มาแถลงข่าวว่า ผู้ว่าจ้างปาระเบิดชื่อ “เดียร์” และ ผู้จัดหาระเบิดชื่อ “ใหญ่” ซึ่งรู้จักกันทางสื่อออนไลน์ โดยมีการประชุมวางแผนที่ขอนแก่นเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตย และ “จัดตั้งเป็นองค์กรภาคีภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสาธารณรัฐ” และยังมีแผนที่จะผลิตน้ำดื่มคอลลาเจนและสบู่ออกจำหน่ายเพื่อหาทุนในการเคลื่อนไหวด้วย  จากนั้น ก็จะประชุมกันอีกในวันที่ 10 มีนาคม และจะมีการก่อเหตุในหลายพื้นที่ เป็นร้อยจุดในวันที่ 15 มีนาคม เพื่อสร้างเงื่อนไขให้ยูเอ็น(สหประชาชาติ)เข้ามาในประเทศไทย นอกจากนี้ นายมหาหิน ยังระบุว่า น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง ซึ่งเป็นแฟน เคยทำงานเป็น บอดี้การ์ดให้กับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด รวมทั้งรู้จักกับ พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.

จากการแถลงเช่นนี้ นำมาสู่การสร้างกระแสในสื่อฝ่ายขวาว่า มีขบวนการการเมืองอันใหญ่โต โดยมีโยงใยจากนอกประเทศ และมีอดีตเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่หนุนหลัง โดยขบวนการนี้มีเป้าหมายจะก่อกวนให้สหประชาชาติบุกเข้ามาล้มล้างรัฐบาลทหารไทย แล้วเปลี่ยนประเทศไปเป็นสาธารณรัฐ จึงมีกระแสเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดการขบวนการนี้ให้เด็ดขาด


ไม่ว่าโครงเรื่องเช่นนี้จะสมเหตุผลหรือไม่ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ยังคงกวาดล้างจับกุมต่อไปโดยจับจับกุมนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ ในข้อหาผู้บงการให้ก่อเหตุสร้างเรื่องเพื่อดึงองค์การสหประชาชาติเข้ามาแก้ไขปัญหาความวุ่นวายในประเทศ โดยอธิบายว่า เดียร์เป็นคนรับเงินโอน 50,000 บาท มาจากนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟาน ซึ่งอยู่ในสหรัฐอเมริกา เพื่อมาว่าจ้างให้เกิดการปาระเบิดศาลครั้งนี้ จากนั้นก็ขยายไปจับกุมผู้ต้องหาอีก 5 คน ในข้อหาเกี่ยวข้องกับการโอนเงิน คือ 1. ณัฐฎธิดา มีวังปลา หรือ แหวน  2. วาสนา บุษดี 3. สุรพล เอี่ยมสุวรรณ 4. วสุ เอี่ยมลออ 5. สมชัย อภินันท์ถาวร

ปัญหาจากเรื่องนี้ก็คือ ถ้าหากมีกลุ่มก่อการร้ายต้องการก่อเหตุใหญ่โต เหตุใดจึงต้องมีการโอนเงินกันสลับซับซ้อนเช่นนี้ และเป็นการโอนเงินให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักกัน เพราะเมื่ออเนกอยู่ในสหรัฐฯ และเป็นผู้จัดรายการเผยแพร่ความรู้ด้านประชาธิปไตยผ่านสื่อออนไลน์ จึงแทบจะไม่เคยรู้จักตัวกับผู้ต้องหาเหล่านี้เลย แต่หนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญที่ถูกจับครั้งนี้ คือ ณัฐฏธิดา มีวังปลา หรือ แหวน ซึ่งเป็นพยาบาลอาสา และเป็นผู้รอดชีวิต จากกรณีสังหาร 6 ศพที่วัดปทุมวนารามเมื่อ พ.ศ.2553 เธอเป็นพยานปากสำคัญเพราะเป็นผู้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด เธอให้การอย่างหนักแน่นว่า ทหารเป็นผู้ก่อการสังหารดังกล่าว ดังนั้น ฝ่ายทหารได้จับกุมแหวนตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม ดดยไม่มีการแถลงข่าว และนำตัวไปสอบสวนลับ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยว่าเธอตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้

ต่อมา ในคดีนี้ ทางการตำรวจได้ขยายผลไปจับกุมผู้ต้องหาอีก 6 คน คือ 1. เจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ 2. ณเรศ อินทรโสภา  3. นรภัทร เหลือผล หรือ บาส 4. วิชัย อยู่สุข หรือ ตั้ม  5. ชาญวิทย์ จริยานุกูล และ 6. สรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน โดยอ้างว่า ทั้ง 6 คนประชุมกันที่ขอนแก่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งที่การประชุมนั้น เป็นการอบรมจากกลุ่มไลน์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการขายตรง สร้างอาชีพให้ผู้ที่สนใจและสามารถนำเงินไปเคลื่อนไหวทางการเมือง ติดอาวุธทางความคิดได้ โดยเจษฎาพงษ์ที่เป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับการขายตรงสบู่สมุนไพร และยาสมุนไพร ในครึ่งวันแรก ก็ยังมีชาญวิทย์และสรรเสริญ เป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการเมือง ประวัติศาสตร์การเมือง ส่วนที่เหลือก็เป็นผู้เข้าร่วมอบรม ที่ถูกจับกุมเพราะอยู่ในไลน์กลุ่มเดียวกับผู้ก่อเหตุทั้งสองคือมหาหินและยุทธนา

ปัญหาประการหนึ่งจากการจับกุมครั้งนี้คือ ชาญวิทย์และสรรเสริญ ซึ่งมีอายุถึง 60 ปีแล้ว ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟน ไม่ได้อยู่ในกลุ่มไลน์ ถูกเชิญไปเป็นวิทยากร แต่ก็ถูกจับกุมมาด้วยโดยตำรวจกล่าวหาว่าเขาทั้งสองเป็น ‘ตัวการวางแผน’ ในการปฏิบัติการ แต่นายสรรเสริญได้เล่าต่อมาว่า ในการสอบสวนไม่ได้มีการถามเรื่องการระเบิดศาลเลย แต่กลับพยายามถามเรื่องเครือข่ายและกองกำลังที่จะต่อต้านคณะรัฐประหารเป็นหลัก

แต่ประเด็นใหญ่ที่สุดคือ เจ้าหน้าที่เอาหลักฐานจากการติดต่อทางไลน์ของกลุ่มทั้งหลายที่สื่อสารกัน และเลือกจับตามที่เจ้าหน้าที่ตีความว่ามีความเกี่ยวข้อง ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอื่นใดเลยที่จะยืนยันได้ว่า ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ที่ถูกจับจะไปเกี่ยวข้องกับการปาระเบิดที่จอดรถของศาลอาญา

แต่โดยสรุปแล้วคดีนี้ มีผู้ต้องหาถูกจับกุมอีก 16 ราย เป็นชาย 11 คน และหญิง 5 คน ทั้งหมดยังอยู่ในเรือนจำเพราะไม่ได้รับการประกันตัว ยกเว้นธัชพรรณ ปกครอง วัย 19 ปี ภรรยาของยุทธนา ผู้ต้องหาคนสำคัญ ซึ่งตั้งครรภ์ 7 เดือนในขณะนั้น และได้รับการประกันตัวหลังจากอยู่ในเรือนจำ 54 วัน อีกรายคือ สมชัย อภินันท์ถาวร วัย 53 ปีพ่อค้าเสื้อผ้าที่รับจ้างโอนเงินที่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวหลังอยู่ในเรือนจำกว่า 70 วัน และในที่สุด ผู้ต้องหาทั้งหมดนี้จะถูกฟ้องในข้อหาก่อการร้าย อั้งยี่ซ่องโจร ใช้และครอบครองอาวุธสงครามโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ในที่นี้ จึงต้องการเพียงแต่จะเล่า และบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับคดีนี้ไว้ในเบื้องต้น เพื่อจะได้เป็นฐานในการติดตามว่า
ผู้ต้องหาในคดีเหล่านี้ จะได้รับความเป็นธรรมเพียงใด ภายใต้ระบอบเผด็จการอันวิปริตเช่นนี้

 

 

เผยแพร่ครั้งแรกใน โลกวันนี้วันสุข ฉบับ 519 วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2558

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net