Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

“พวกนักศึกษาหัวรุนแรง”

“พวกอันตรายหัวขวางโลก”

“ทำไมไม่เอาเวลาไปเรียนหนังสือ”

นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยินมาตลอดนับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน จนถึงวันที่ 27 มิถุนายน 58 ข้าพเจ้าอดที่จะ “คิดตาม” คำพูดเหล่านั้นไปก็หาเลยไม่ได้ ข้าพเจ้าเฝ้านึกสงสัยอยู่หลายครั้ง “ทำไมพวกพี่เขาต้องยอมเสี่ยงขนาดนั้น?”“พวกเขาทำไปจะได้อะไร?” ข้าพเจ้าครุ่นคิดอยู่หลายครั้งจนถึงเวลา 16.48 น. ของวันที่ 26 มิถุนายน ณ สวนเงินมีมา วัน เวลา และสถานที่ที่ “พวกเขา” “ไอ้พวกนักกิจกรรม” ถูกจับตัวไป

การปรากฏตัวขึ้นของกลุ่มดาวดิน และนักศึกษา นักกิจกรรม ทั้ง 14 คนที่ถูกหมายเรียกให้ไปรายงานตัว เวลา 13.oo น. ทำให้ทั้งสื่อมวลชน ทั้งประชาชนที่มายืนรอต้อนรับและเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบทั้งหมดล้วนร้อนใจและกรูกันไปต้อนรับพวกเขาเหล่านั้น ด้วยวินาทีนั้นเอง กลุ่ม “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” หรือ “New Democracy Movement” จึงถือกำเนิดขึ้นมาเป็นครั้งแรกต่อสาธารณชน ในวันเดียวกันนั้นเองพวกเขาเหล่านั้นได้มีจุดมุ่งหมายที่จะไป “แจ้งความกลับ” กับเจ้าหน้าที่รัฐในฐานกระทำการล่วงละเมิด กักขังหน่วงเหนี่ยว ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพ จากเหตุการณ์ในวันที่ 22 พฤษภาคม 58 เมื่อแจ้งความเสร็จแล้ว พวกเขาจึงคล้องแขนกันกลับไปประชุมกันที่สวนเงินมีมา มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ในเวลา 21.40 น. แม้เหน็ดเหนื่อยมากเท่าไรก็ตามในคืนนั้นพวกเขาได้นอนกันในเวลาประมาณ 4.oo น. ของวันที่ 25 มิถุนายน และตื่นขึ้นมาในเวลา 6.00 น. ของวันเดียวกัน

ในวันที่ 25 มิถุนายน 58 เวลา 14.20 น. เหล่านักศึกษาได้แถลงการณ์ที่จะเคลื่อนไหวต่อไป พร้อมยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง มีเพียงประชาชนเท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว พร้อมถามกลับว่า “แล้วการรัฐประหารของพวกท่าน ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง”หลังจากแถลงการณ์นั้น กลุ่มนักศึกษาทั้งหมดเคลื่อนตัวออกจากสวนเงินมีมา นั่งรถเมล์ ปอ.6 มุ่งหน้าไปสนามหลวง เพื่อที่จะไปทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลา 17.00 น. โดยระหว่างทางได้มีการทำพิธีตามอนุสรณ์สถานทางการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอนุสรณ์ 6 ตุลา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ อนุสรณ์ตุลาประชาธรรม และอนุสรณ์ 14 ตุลา โดยแถลงว่าจะต่อยอดสืบสานในสิ่งที่ขบวนการเหล่านั้นได้ทำไว้ในอดีต และจะไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจรัฐอัน อยุติธรรม โดยระหว่างทางนั้นมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามตลอดเวลา การชุมนุมในครั้งนั้นยุติเมื่อเวลา 19.06 น. และทั้งหมดได้แยกย้ายกันกลับที่ผักผ่อน

และในที่สุดก็มาถึงวันที่ 26 มิถุนายน 58 วันที่ข้าพเจ้าไม่มีวันลืมในสิ่งที่เกิดขึ้น วันที่ภาพเหล่านั้นจะตราตรึงในหัวใจข้าพเจ้าไปตลอดชีพ วันนั้นเป็นวันที่สงบอีกวันหนึ่งเช่นเดียวกับทุกวัน ข้าพเจ้านั่งเล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ที่ลานไต้ถุนของสวนเงินมีมา หลายคนนั่งทานอาหารกัน ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว พิซซ่า หรือไก่ทอด บางคนนอนกลางวันพักผ่อน บ้างก็นั่งเล่นดนตรี ร้องเพลงกัน บางคนก็นั่งอ่านหนังสือพลางจิบกาแฟ บางคนก็นอนอ่านหนังสือการ์ตูน นั่งเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งตีปิงปองกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

แต่แล้วความสงบอันน่าอภิรมย์นั้นก็หายไป

บริเวณรอบสวนเงินมีมามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบล้อมอยู่ไม่ต่ำกว่า 50 นาย พื้นที่ของปั๊มน้ำมันฝั่งตรงข้ามถูกใช้เป็นกองบัญชาการชั่วคราว เจ้าหน้าที่หลายนายยืนเฝ้าไว้ที่หน้าประตูทางเข้าออกของสวนเงินมีมาอย่างแน่นขนัด สิ่งทีพวกเขารอมาทั้งวันมีเพียงอย่างเดียว “หมายค้น” และ “หมายจับนักศึกษาทั้ง 14” คน เมื่อถึงเวลาแล้ว กองกำลังเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบทั้งหมดจึงเข้ามากระจุกตัวกันบริเวณทางเข้าสวนเงินมีมา โดยในทีแรกนั้นทีมทนายความได้ขอดูใบอนุญาตค้น หมายจับกุม และขอยืนยันสถานะความเป็นเจ้าหน้าที่ โดยอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่เพียง 20 คนเท่านั้นเข้าไปค้นภายในสวนเงินมีมา คนแรกที่ถูกจับคือ รังสิมันต์ โรม หรือ พี่โรม เจ้าหน้าที่ได้กล่าวแจ้งข้อหากับพี่โรม ขณะที่พี่โรมยังนั่งดื่มกาแฟ และอ่านหนังสือไปหรือตามปรกติด้วยทีท่าเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่แซม หรือพรชัย ยวนยี ถูกจับกุมไปขณะยืนสูบบุหรี่อยู่ พี่แมน หรือปกรณ์ อารีกุล ถูกจับกุมขณะที่กำลังนอนกลางวันอย่างสงบ หลังจากนั้นผมก็ได้เห็นภาพของเพื่อนและพี่ๆ อีกหลายๆคนถูกจับกุมไปในอิริยาบถที่แตกต่างกัน บางคนนั่งเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์อยู่ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่รอให้เขาเล่นให้จบแล้วค่อยจับ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม หรือพี่ไผ่เอง ก่อนถูกจับเขาก็ขอร้องกับเจ้าหน้าที่ขณะที่เล่นปิงปองกับเพื่อนอยู่ว่า “พี่ ขอลูกนี้ลูกเดียว แล้วค่อยจับผม”

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มีเพลง “เธอวันนี้” บรรเลงอยู่ตลอดเวลา

วันก่อนที่พี่ไผ่ หรือ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา จะถูกจับ เขาปวดเมื่อยระบมไปทั้งตัวหลังจากการกลับมาจากการดำนาที่จังหวัดเลยกับเพื่อนดาวดินอีก 6 คน เขาบอกกับผมว่า

“จบงานนี้เดี๋ยวไปดำนากับพวกพี่ไหม?”

คำพูดสุดท้ายของเขาที่พูดกับผม เนื้อหาข้างในของมันนั้นไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะสู้เคียงข้างกับพี่น้อง ชาวบ้าน ชาวนา ไปจนวินาทีสุดท้าย

มาบัดนี้พวกเขาถูกช่วงชิงอิสรภาพไปเสียแล้ว

“เธอคือมวลพลังผู้กล้าและแกร่ง เธอร้อนแรงดังแสงตะวัน 
เธอคือแสงดาวแห่งความสุขสันต์ เธอร่าเริงและเบิกบาน

หมั่นเพียรเรียนเพื่อสร้างหนทางชีวี  เธอสุขศรีไม่มีทุกข์ตรม 
อยากมีอนาคตสดใสรื่นรมย์ เธอหวังเพียงเท่านั้นฤา

มองดูรอบกาย (มองดูรอบกาย) มองดูสังคม (สังคมโสมม) 
เธอสุขอยู่ได้อย่างไรเมื่อผองชน ทุกข์ยากลำเค็ญ

จงเป็นดังดาวที่พราวสว่าง นำหนทางเพื่อมวลชน 
เธอคือประกายไฟที่โหมกระหน่ำ ลามลุกไหม้ความทุกข์ทน”

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net