จากกรณีที่มี "กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ" ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลกดดันให้กัมพูชาปล่อยตัวคนไทย 7 คน ที่ถูกจับหลังจากที่ได้รุกล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชา
ทางสหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอิสาน (สนนอ.) ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ว่าส่งผลให้เกิดช่องว่างด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการพยายามปลุกกระแสชาตินิยมก็อาจนำไปสู่ความรุนแรง นอกจากนี้ข้อเสนอของ "กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ" ที่เสนอให้ผลักดันแรงงานกัมพูชาในไทยกลับประเทศและเสนอให้มีการปิดพรมแดนระหว่างประเทศ ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ตามแถลงการณ์ สนนอ. มีข้อคิดเห็นและข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้ หนึ่งคือ ขอประณามกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวและขอให้หยุดการใช้ความคลั่งชาติเป็นเครื่องมือทางการเมือง สอง ขอเตือนกลุ่มอำมาตย์-กองทัพว่าการพยายามจัดการโดยใช้อำนาจนอกระบบจะไม่สะดวกเหมือนเดิม เนื่องจากได้ยกระดับจิตสำนึกพร้อมคัดค้านรัฐประหารแล้ว สาม ขอให้กลุ่มที่เคลื่อนไหวยอมรับและเคารพ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน สี่ ขอให้เพื่อนนักศึกษาในอิสานรับข่าวสารให้รอบด้าน และพิจารณาอย่างมีสติเหตุผล
แถลงการณ์สหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน (สนนอ.) ฉบับที่ 1/2554
หยุดปลุกกระแสชาตินิยม พึงปฎิบัติต่อกันฉันท์พี่น้อง อย่างมีมนุษยธรรม
ตั้งแต่คนไทย 7 คนรุกล้ำดินแดนกัมพูชาและถูกจับตัวเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 มาจนถึงวันนี้ ทำให้เกิดกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ” ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องรัฐบาลให้ช่วยเร่งดำเนินการกดดันประเทศกัมพูชาทุกรูปแบบเพื่อปล่อยตัวคนไทยทั้ง 7 โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดช่องว่างในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศทั้งสองมีความสัมพันธ์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมมาเป็นเวลาช้านาน โดยเจตนาของกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาตินี้ แท้ที่จริงแล้วเป็นความพยายามปลุกกระแสชาตินิยม ต้องการนำไปสู่ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งการกระทำนี้มีแต่จะนำไปสู่ “ความล้าหลังและความตกต่ำของประเทศ”
หลังจากที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ประมาณ 4 สัปดาห์ มีการประโคมข่าวโดยการโฆษณา ประชาสัมพันธ์การเคลื่อนไหวครั้งนี้ค่อนข้างสูง ส่งผลให้มีการออกมาแสดงออกของคนบางกลุ่มเพื่อทำการสนับสนุนการเคลื่อนไหวนี้ โดยนำเสนอทั้งในเรื่องของการผลักดันแรงงานกัมพูชาในไทยให้กลับประเทศ การนำเสนอให้มีการปิดพรมแดนระหว่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิมนุษยชนและเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นำไปสู่ความแตกแยกที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามมา ทางสหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน (สนนอ.) จึงมีของเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.เราขอประณามกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ ให้หยุดใช้ความคลั่งชาติ เป็นเครื่องมือทางการเมือง ปลุกปั่นปลุกระดมอย่างบ้าคลั่งอันก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมที่โหดเหี้ยมรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง
ในประวัติศาสตร์ของการเข่นฆ่ากันของมวลมนุษยชาติ ซึ่งที่ผ่านมาเป็นความขัดแย้งและสูญเสียผลประโยชน์ของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย เพื่อสร้างเงื่อนไข ให้บรรลุเป้าประสงค์ของตน ในการนำอำนาจนอกระบบเข้ามาจัดการปัญหาทางการเมืองอีกครั้ง
2.พวกเราขอเตือนสติฝ่ายอำมาตยาธิปไตย กองทัพ หากจะนำอำนาจนอกระบบเข้ามาจัดการปัญหาทางการเมือง จงคำนึงถึงผลที่จะตามมาให้ดี ผลที่ตามมาย่อมไม่ใช่ความสะดวกโยธินเหมือนดั่งรัฐประหารครั้งที่ผ่านๆมาใน ประวัติศาสตร์เป็นแน่แท้ ประชาชนที่ถูกยกระดับจิตสำนึกของตนได้ก้าวพ้นจุดที่จะอยู่นิ่งเฉยต่อการรัฐประหารเหมือนครั้งที่ผ่านๆมาได้แล้ว และจะดำเนินการคัดค้านต่อสู้อย่างถึงที่สุด
3.ขอให้กลุ่มที่ออกมามาเคลื่อนไหว พึงเคารพและยอมรับ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR) องค์การสหประชาชาติ(UN) ให้การรับรองหลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ที่เรียกว่า "ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน" เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๑คือการประกาศเจตนารมณ์ในการร่วมมือระหว่างประเทศข้อ 1 กล่าวว่า "มนุษย์ทั้งหลายทั้งหลายเกิดมามีอิสระเสรี เท่าเทียมกันทั้งศักดิ์ศรีและสิทธิ ทุกคนได้รับการประสิทธิ์ประสาทเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันอย่างฉันพี่น้องเพื่อเป็นแนวทางให้ประเทศสมาชิกปฏิบัติต่อพลเมืองของตน และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศของตนอย่างมีมนุษยธรรม
4.ขอให้เพื่อน นิสิต นักศึกษาในภาคอีสาน พึงใช้วิจารณาอย่างใคร่ควร ไตร่ตรอง ในการรับฟัง ข้อมูล ข่าวสารจากสื่อต่างๆ ที่นำเสนอความขัดแย้งในเชิง ปลุกระดม จนทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลกระทบทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมืองในประเทศและระดับภูมิภาค พึงพิจารณาอย่างมีสติและผลจากความขัดแย้ง อันนำไปสู่ความหายนะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน(สนนอ.)หวังเป็นอย่างยิ่ง ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งใดๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่สามารถแก้ไขด้วยการใช้ความรุนแรง สงคราม เพราะใช้วิธีรุนแรงปัญหายิ่งบานปลายลุกลามขยายตัวไปไม่รู้จบ ซึ่งการแก้ปัญหาความขัดแย้งมีอยู่วิธีเดียวจะจบลงได้ก็ด้วยการเจรจาโดยสันติวิธีเท่านั้น
โลกทั้งผองพี่น้องกัน
นายพัฒนศักดิ์ อภัยสม
เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน (สนนอ.)
25 มกราคม 2554