Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis
 
 
 
            เหมือนกงล้อประวัติศาสตร์ได้หมุนกลับ
            หากศึกษานับรัฐประหาร ๒๔๙๐
           ถึงรัฐประหาร ๔๙ เศร้าอาดูร
            เราสิ้นสูญศรัทธาน้ำตาริน
            เราเสียสิ้นเจตนา “ประชาธิปไตย”
 
           หลังอภิวัฒน์ ๒๔๗๕ เหมือนฟ้าใส
            เห็นหนทางเป็นไปไททั้งผอง
            เกิดรัฐธรรมนูญกติกาตามครรลอง
            เปลี่ยนจากเจ้าผู้ปกครองสู่ประชา
 
            เจตนารมณ์ ๒๔๗๕ (พลเรือน) นั่นยิ่งใหญ่
            อุดมการณ์ขีดเขียนไว้จำได้แม่น
            ตามแนวทางหกหลักมีแบบแผน
            จำได้แม่น “บรรทัดฐานความเท่าเทียม”
 
            เจตนารมณ์ ๒๔๗๕ (พลเรือน) บันทึกไว้
            ให้ทหาร หาษ จงรับใช้ประชาชน
พิทักษ์ซึ่งรัฐธรรมนูญคุณค่าล้น
เป็นทหารของประชาชนไม่ใช่ใคร!
 
เจตนารมณ์ ๒๔๗๕ (พลเรือน) ลึกซึ้งนัก
ได้ร้อยรักถักถอผู้คนไว้
ชื่อ “สยาม”นั้นงดงามกว่าชื่อ “ไทย”
ดำรงไว้ชาติพันธุ์อันเสรี
 
            แล้วรัฐประหาร ๒๔๙๐ ไหม้เผาผลาญ
            เผยเห็นถึงสันดานซากเดนเก่า
            มันเติมเชื้อคลั่งชาติเร่งมัวเมา
            แล้วอ้างอิงคำน้ำเน่า “ทำเพื่อชาติ”
 
            แล้วรัฐประหาร ๒๔๙๐ ก็ปลุกผี
            เชื้อชั่วแห่งศักดินามีเป่าโชนขึ้น
            ถอยหลังลงคลองอย่างยั่งยืน
            สุดกล้ำกลืน “ประชาธิปไตย” ฉบับศักดินา
           
            แล้วรัฐประหาร ๒๔๙๐ ก็บิดเบือน
            สร้างกลไกวาทะเถื่อนทำลายสิ้น
            เสียงตะโกนในโรงหนังยังได้ยิน
            ปรีดีอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้นสมควรตาย!
 
            แล้วรัฐประหาร ๒๔๙๐ ก็บิดเบือน
            สร้างกลไกวาทะเถื่อนทำลายสิ้น
            นายปรีดีฝักใฝ่คอมมูนยังได้ยิน
            เขียน “เค้าโครงเศรษฐกิจ” หมิ่น เพื่ออะไร
 
            แล้วศักดินา เผด็จการ ก็ผูกขาด
            ซึ่งอำนาจการปกครองการกดขี่
            มันไล่ฆ่าประชาชน “รักเสรี”
            มันกดขี่ข่มเหงคุณค่าคน
            ใครไม่เห็นด้วยก็ถีบหล่นจากเวที (ประวัติศาสตร์)
           
            เมื่อเป็นคนก็รู้สึก หนาว ร้อน และเจ็บปวด
            มันร้าวรวด สุดทน เกินนิ่งเฉย
            ทหารหนุ่มหัวก้าวหน้าก็ลุกเงย
            แล้วเปิดเผยในนาม “กบฏเสนาธิการ”
            ขบวนการประชาธิปไตย ๒๖ กุมภา ๒๔๙๒ ก็ลุกเงย
            แล้วเปิดเผยในนาม “กบฏวังหลวง”
            ทหารเรือหัวก้าวหน้าก็ลุกเงย
            แล้วเปิดเผยในนาม “กบฏแมนฮัตตัน”
            สิ้นเสียงปืนหลังจากนั้น “ฝ่ายประชาธิปไตยก็ล้มลง”
            อีกนาน   อีกนาน อีกนาน
            กว่าดอกไม้จะบานขึ้นอีกครา
 
            เหมือนกงล้อประวัติศาสตร์ได้หมุนกลับ
            หากลองนับ ๕๙ ปี เห็นจะได้
            แนวทางรัฐประหาร ๒๔๙๐ เป็นอย่างไร
            รัฐประหาร ปี ๔๙ คงดำเนินไปคล้ายคลึงกัน
 
            ยุคทองของเผด็จการเริ่มขึ้นแล้ว
            ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะ “สู้” หรือ “ยอมจำนน”
            มีสองทางเท่านั้นประชาชนจงเลือกเอา !
 
                                                                                   
สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net