ประวิตร โรจนพฤกษ์ สัมภาษณ์ นิค นอสติทซ์ ช่างภาพอิสระชาวเยอรมันผู้บันทึกภาพการชุมนุมทางการเมืองไทยในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา โดยเขายังยืนยันว่า “ผมเชื่อว่าประเทศไทยพร้อมที่จะมีประชาธิปไตยแบบที่ถูกต้องเหมาะสม”
นิค นอสติทซ์ ช่างภาพอิสระชาวเยอรมัน ไม่ใช่บุคคลแปลกหน้าสำหรับการชุมนุมของทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง อันที่จริงแล้ว นิคมีชื่อเสียงโดดเด่นในฐานะที่เป็นเจ้าของบันทึกภาพถ่ายซึ่งบอกเล่าเรื่องราวความยุ่งเหยิงทางการเมืองในประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ได้ละเอียดมากที่สุด และหนังสือรวมภาพถ่ายของเขา "Red VS Yellow, Volume 1: Thailand's Crisis of Identity" (แดงปะทะเหลือง เล่ม 1 วิกฤติตัวตนในสังคมไทย) ความหนา 160 หน้า ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ White Lotus เมื่อต้นปีนี้นั้น เป็นประจักษ์พยานในเรื่องดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
หนังสือรวมภาพถ่ายของนิคเล่มดังกล่าวบรรจุไปด้วยภาพที่สะเทือนอารมณ์ความรู้สึก เช่น ภาพงานศพของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เชียงใหม่ที่ถูกฆ่าตาย โดยมีลูกสาวของผู้ตายร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างๆ พ่อ และภาพคนเสื้อแดงที่หลงใหลชื่นชมบรรดาแกนนำอย่างจักรภพ เพ็ญแข แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ปัจจุบันยังหลบหนีการจับกุมอยู่
นิคไม่ได้เป็นช่างภาพข่าวที่ไม่มีปากมีเสียง เมื่อมีการพูดคุยกันถึงการเมืองไทย เขาก็กลายเป็นคนช่างวิเคราะห์วิจารณ์อย่างน่าสนใจ
“พันธมิตรฯ เป็นองค์กรจัดตั้งที่ใช้ความรุนแรง” เขากล่าว “ผมมีภาพหลายๆ ภาพที่แสดงถึงการใช้ความรุนแรงของพวกเขา แน่นอนว่าทั้งพันธมิตรฯ และ นปช.มีศักยภาพอย่างยิ่งที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงได้ เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยเลย”
แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว นิคชี้ขาดว่า จากการสังเกตของเขา กลุ่มนปช.เป็น “มือสมัครเล่นจริงๆ” แตกต่างจากพันธมิตรฯที่เคลื่อนไหวอย่าง “มืออาชีพ”
ผู้สื่อข่าวชาวเยอรมันคนนี้ไม่ลังเลที่จะทำนายการเมืองไทยในอนาคต เขาคาดว่า ในระยะสั้น สถานการณ์ความยุ่งยากทางการเมืองจะเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่เขาก็เสริมว่า “ผมเชื่อว่าประเทศไทยพร้อมที่จะมีประชาธิปไตยแบบที่ถูกต้องเหมาะสม”
อย่างไรก็ดี นิคเองก็คิดว่าหนทางไปสู่ประชาธิปไตยที่เหมาะสมนั้นเต็มไปด้วยขวากหนาม เขายอมรับว่ามีหลายๆ ปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายที่พรรคการเมืองของพันธมิตรฯ จะมุ่งไปสู่ ปฏิกริยาของกลุ่มก๊กต่างๆในกองทัพที่จะมีต่อความยุ่งเหยิงทางการเมืองในอนาคต ในขณะที่ทหารชั้นผู้น้อยก็ดูเหมือนจะถูกดึงเข้าไปอยู่กับทั้งสองฝ่าย และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย
ทุกวันนี้ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศส่วนใหญ่ถูกแปะป้ายว่าเป็นพวกสนับสนุนเสื้อแดง นิคเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาออกตัวโดยกล่าวว่า การแปะป้ายเช่นนั้นเป็นเรื่องที่ “ไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง” และกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่เขาแสดงอาการเข้าข้างคนเสื้อแดงไม่ได้เกี่ยวข้องกับอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่เป็นผลมาจากการเฝ้าสังเกตการต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาตลอด “ประชาชนทั่วไปต้องเข้าใจความรู้สึกของชาวบ้าน(ในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นผู้ที่สนับสนุนอดีตนายกฯ ทักษิณ) ชาวบ้านรู้ดีว่าทักษิณเป็นบุคคลที่มีความผิด แต่ความเป็นจริงในชีวิตก็คือ ทักษิณได้ทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นกว่าที่พรรคการเมืองใดๆ ในอดีตหรือปัจจุบันทำมา” ผู้สื่อข่าวต่างประเทศผู้ซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทยที่มีพื้นเพเป็นคนในชนบท และพูดไทยได้คล่อง ให้เหตุผล
นิค นอซติทซ์ ตากล้องผู้ทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2536 กล่าวเสริมอีกว่า เขายังได้รวบรวม “ภาพที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของกลุ่มคนเสื้อแดง” เอาไว้ด้วย “เพราะมันคือความจริง”
ถึงแม้ว่านิคจะปฏิเสธอย่างแข็งขัน แต่ชายชาวสวีเดนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ คนสำคัญคนหนึ่งก็ยังกล่าวหาว่านิคใช้วิธีการสกปรก และพยายามให้การ์ดพันธมิตรฯ เข้าทำร้ายเขา โดยทำให้การ์ดเข้าใจผิดเชื่อว่าเขาเป็นช่างภาพที่สนับสนุนคนเสื้อแดง แทนที่จะเชื่อว่าเป็นผู้สื่อข่าวเยอรมัน ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่นิคปฏิเสธ
เขากล่าวว่า คนยุโรปที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยบางคนโหยหาถึงระบบกษัตริย์ที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไป ในประเทศบ้านเกิดของคนเหล่านั้น ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกหลงใหลได้ปลื้มไปกับการเทิดทูนกษัตริย์อย่างเลยเถิดของพันธมิตรฯ
นิคผู้ยอมรับว่ามีความรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ในที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ กลับมีความคิดที่แตกต่างไป และเห็นว่าบรรดาบรรณาธิการของสื่อกระแสหลักในไทย “สนิทสนมคุ้นเคยกับพันธมิตรฯ มากเกินไป”
เขายืนยันว่า ความคิดที่ว่าผู้สื่อข่าวตะวันตกเป็นพวกต่อต้านพันธมิตรฯ นั้นเป็นเรื่อง “เหลวไหล” และเขาก็ให้เครดิตพันธมิตรฯ เมื่อถูกบังคับให้ต้องพูดเรื่อง “ดีๆ” เกี่ยวกับคนเสื้อเหลือง
นิคกล่าวว่า พันธมิตรฯ บางคนมีความต้องการอย่างแท้จริงที่จะเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และการวิเคราะห์ปัญหาบางอย่างของพวกเขานั้น “ถูกต้อง”
สำหรับคนเสื้อแดง นิคกล่าวเตือนว่า ความวุ่นวายในเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้นถือเป็นบทเรียน และมันเป็น “สถานการณ์ที่อันตราย” เมื่อ “ประชาชนทั่วไปจำนวนมากรู้สึกโกรธอย่างมาก”
ถึงแม้นิคจะกล่าวว่า เขาได้รับเคารพนับถือจากผู้ที่สนับสนุนพันธมิตรฯ อยู่บ้าง อย่างน้อยก็มีคนหนึ่งที่บอกกับเขาว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะได้รับเงินเดือนอย่างลับๆ จากทักษิณ แต่มันก็อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า คำพูดดังกล่าวจะรับประกันถึงความปลอดภัยในอนาคตของเขาได้ ในเมื่อเขายังคงถ่ายภาพการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ อยู่ต่อไป
นิคไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้เขาจะหยุดการถ่ายภาพการชุมนุม เนื่องจากเขายังคงตระเวนไปเยี่ยมเยียนการชุมนุมทั้งของเสื้อเหลืองและเสื้อแดงอยู่อย่างต่อเนื่อง
ที่มา:
http://nationmultimedia.com/2010/01/03/politics/politics_30119606.php
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)