ประชาชนได้ร้องผ่านสายด่วนบัตรทองอุบลราชธานี ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชน ถึงข่าวลือที่ว่าทุกคนต้องรีบไปทำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดจึงจะได้ใช้สิทธิ์บัตรทอง หากใครไม่ไปทำจะเสียสิทธิ์การเข้ารับการรักษา หรือหากไปทำช้าจะเสียค่าธรรมเนียมจำนวน 500 บาท

นายแพทย์ธีรพล เจนวิทยา ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาเขตพื้นที่อุบลราชธานี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าการใช้บัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดแทนบัตรทองเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการลดภาระของประชาชน เนื่องจากทุกคนมีบัตรประจำตัวต่างๆ เยอะมาก ถ้าใช้บัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดที่มีหน่วยความทรงจำสามารถบันทึกข้อมูลด้านสุขภาพทั้งเรื่องหมู่เลือด การแพ้ยาลงในบัตรเดียว จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้น รวมทั้งเป็นการลดปัญหาการลืมเอาบัตรทองไปแสดงเพื่อเข้ารับบริการด้วย

ขณะนี้ การใช้บัตรประจำตัวแบบสมาร์ทการ์ดแทนบัตรทองได้ขยายครอบคลุมในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศแล้ว ยกเว้นบางสถานีอนามัยที่อยู่ห่างไกล โดยทางโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยจะใช้เพียงเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักในการตรวจสอบสิทธิข้อมูลออนไลน์ ซึ่งหมายความว่าไม่เพียงแค่บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดเท่านั้น แต่บัตรประจำตัวประชาชนแบบธรรมดา ที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ก็สามารถยื่นแทนบัตรทองได้เช่นกัน หรือจะยื่นบัตรทองแสดงควบคู่กันกับบัตรประจำตัวประชาชนด้วยก็ได้

ดังนั้น ข่าวลือที่ว่าถ้าประชาชนไม่ไปทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดจะไม่ได้ใช้สิทธิ์บัตรทองก็ไม่มีมูลความจริง ประชาชนไม่จำเป็นต้องรีบไปทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งนอกจากจะเป็นภาระของท้องถิ่นที่อาจจะจัดหาบัตรประจำตัวแบบสมาร์ทการ์ดไม่ทันแล้ว ยังเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

ท่านใดที่มีปัญหาข้อสงสัย ต้องการร้องเรียน ขอความช่วยเหลือ หรือร่วมให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถโทรศัพท์มาได้ที่ สายด่วนบัตรทองอุบลราชธานี 087-3786955 ตลอด 24 ชั่วโมง