ประชุม กมธ.พิจารณาศึกษานิรโทษกรรมคดีการเมือง มีมติร่วมกันนิรโทษกรรมคดีที่มี “มูลเหตุจูงใจทางการเมือง” ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน และขอขยายเวลาทำรายงานสรุปอีก 60 วัน คาดเสร็จก่อนเปิดสมัยประชุมสภาฯ เดือน ก.ค. 67 แยกมาตรา 112 ต่างหาก

2 พ.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊ก The reporters ถ่ายทอดสดออนไลน์ วันนี้ (2 พ.ค.) ระบุว่า ชูศักดิ์ ศิรินิล พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของสภาผู้แทนราษฎร มีการประชุมวันนี้ (2 พ.ค.) และมีข้อมติข้อสรุปว่า 1. มีมติร่วมกันเห็นชอบร่วมกันว่าจะมีการนิรโทษกรรมการกระทำการแสดงออกทั้งหลายที่มี "มูลเหตุจูงใจทางการเมือง" โดยนิยามมูลเหตุจูงใจทางการเมืองมีการกระทำอะไรบ้าง "มีมติร่วมกันว่าการจะนิรโทษกรรมการกระทำตั้งแต่ 2548 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน" หมายถึงที่เรามีรายงานเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ส่วนจะนิรโทษกรรมการกระทำอะไรบ้าง กมธ.มีการเห็นชอบร่วมกันว่า การกระทำที่จะนิรโทษกรรมนั้นควรจะเป็นการกระทำที่อยู่ในบทนิยามคำว่ามี "มูลเหตุจูงใจทางการเมือง" ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ จะไปสรุปประเภทคดีว่าการกระทำอะไรบ้างตั้งแต่ 2548 จนถึงปัจจุบัน ที่อยู่ในข่ายมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ก็จะนำเข้ามาเป็นรายละเอียด และแนบในรายงานว่าควรนิรโทษกรรมการกระทำอะไรบ้าง

ชูศักดฺิ์ กล่าวว่า จะไม่ระบุประเภทคดีเป็นรายคดี แต่การกระทำคดีอะไรบ้างที่ควรจะอยู่ในข่ายได้รับนิรโทษกรรม จะทำรายละเอียดไปเพื่อให้คณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นได้พิจารณาในชั้นรายละเอียด 

ชูศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนถัดไป การกระทำมันมีมากมายก่ายกอง จะแยกแยะให้เห็นว่ามันมีการกระทำหลายอย่างที่ดูแล้วมันไม่อยู่ในข่าย "มูลเหตุจูงใจทางการเมืองโดยตรง" แต่เป็นความผิดในหลายบท เช่น บางท่านโดนคดีหลัก และมีคดีรอง เช่น คดีจราจรทางบก นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คณะกรรมการจะแยกแยะให้เห็นว่าการกระทำประเภทนี้มีการกระทำอะไรบ้างที่สมควรได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ บางเรื่องจะมีมติให้ขอนิรโทษกรรมไปเลย เนื่องจากมีมากมายก่ายกอง และอยู่ในข่ายความผิดไม่ร้ายแรงอะไรนัก และเป็นความผิดพ่วงเป็นต้น อันนี้เป็นมติที่ทำไปครั้งนี้

2. ขอขยายเวลาทำรายงานสรุปอีก 60 วัน แต่คาดว่าไม่ได้ใช้เต็ม 60 วัน โดยขอทำรายงานสรุปให้เสร็จก่อนเปิดสภาฯ ในครั้งหน้า เดือน ก.ค.นี้

ชูศักดิ์ ระบุว่า ไม่มีการแบ่งแยกว่าสีเสื้อไหนอย่างไร ถ้ามีการกระทำผิดที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองเกิดขึ้น ก็จะได้รับการนิรโทษกรรมทั้งหมด ไม่มีการแลกเปลี่ยนอะไรทั้งหลายทั้งปวง

ชูศักดิ์ กล่าวกรณีมาตรา 112 จะรวมอยู่ในคดีที่ได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ จะแยกพิจารณาอีกกรณีหนึ่งต่างหาก เนื่องจากเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อน และก็มีข้อความเห็นที่อาจจะไม่ตรงกันมาก เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ควรแยกเป็นการเฉพาะ เพื่อพิจารณาว่าเราจะมีการดำเนินมาตรการอย่างใดหรือไม่ พูดง่ายๆ คือไม่รวมกันไปกับเรื่องที่พูดกันไปแล้ว