Skip to main content
sharethis

กลับบ้านได้ ศาลยกคำร้องขอฝากขัง 5 แกนนำคนอยากเลือกตั้ง รอบหน้ากองทัพบก ขณะที่อดีตเลขา สมช. เข้าเป็นพยาน ขอประยุทธ์ ทำตามสัจจะ ทุกอย่างก็จะเคลื่อนตัวไปและจบลง ย้ำการเคลื่อนไหวเป็นไปตามกรอบของสิทธิและเสรีภาพ ไม่ได้มีการปรุงแต่งเนื้อหายุยงปลุกปั่น 

9 เม.ย.2561 ความคืบหน้ากรณี 5 แกนนำคนอยากเลือกตั้ง หลังเข้าพบพนักงานสอบสวน รับทราบข้อกล่าวหา ที่ สน.นางเลิ้ง เช้าวันนี้ ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 จากการชุมนุมและเดินขบวนจากบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จนถึงบริเวณหน้ากองทัพบก เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา 

ผู้ต้องหาทั้ง 5 ประกอบด้วย กาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ ณัฏฐา มหัทธนา ธนวัฒน์ พรหมจักร โชคชัย ไพบูลย์รัชตะ และ ศรีไพร นนทรีย์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุญาตศาลฝากขัง ซึ่ง 3 ใน 5 ผู้ต้องหา คือ ณัฏฐา โชคชัย และ ศรีไพร ยืนยันจะไม่ใช้สิทธิประกันตัว หากศาลอนุมัติฝากขัง

ล่าสุดเฟสบุ๊ค 'Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว' รายงานว่า ศาลยกคำร้องขอฝากขัง 5 แกนนำคนอยากเลือกตั้ง

อดีตเลขา สมช. เข้าเป็นพยาน ขอประยุทธ์ ทำตามสัจจะ ทุกอย่างก็จะเคลื่อนตัวไปและจบลง

ข่าวสดออนไลน์ รายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา ที่สน.นางเลิ้ง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางเข้าร่วมให้การในฐานะพยานของ ณัฏฐา หนึ่งในแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โดยพล.ท.ภราดร ให้สัมภาษณ์ ถึงแนวคิดคำให้การ ว่า จากข้อกล่าวหาทีระบุว่า ยุงยงปลุกปั่น ในฐานะที่ตนมีประสบการณ์ด้านความมั่นคง เห็นว่านัยยะของการเคลื่อนไหวนี้ เป็นไปตามกรอบของสิทธิและเสรีภาพ จากกลุ่มที่ตระหนักในสิทธิและเสรีภาพ ไม่ได้มีการปรุงแต่งเนื้อหา จนถือเป็นการยุยงปลุกปั่น แต่เป็นข้อเท็จจริงตามที่นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสาธารณะทั้งในและนอกประเทศ พวกเขาก็นำคำกล่าวเเหล่านี้ของนายกฯมาเรียกร้องให้ปฏิบัติตาม เป็นความปราถนาดี อยากให้นายกฯ ทำตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้ ขณะเดียวกันก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลามจนไปกระทบความน่าเชื่อถือของประเทศชาติ

พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ถ้อยคำที่ผู้ชุมนุมกล่าว และป้ายที่แสดงออก เช่น หมดเวลาคสช. ก็เป็นการอธิบายความเพิ่มเติมว่า ถ้าท่านทำตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้ ทุกอย่างก็จะเคลื่อนตัวไปและจบลง หมดเวลาหน้าที่ของคสช.ตามรัฐธรรมนูญแล้ว สาระสำคัญจึงอยู่ตรงนี้ ส่วนที่เป็นขบวนก็เพราะเกิดจากปัจเจกชนที่มีเนื้อหาสาระที่ตรงกันก็มารวมกันตามธรรมชาติของประชาธิปไตย เพื่อเรียกร้องสิทธิ จึงไม่น่าเป็นข้อกังวลอะไร การเคลื่อนก็สันติ ปราศจากอาวุธ สามารถควบคุมได้ ไม่ได้นำไปสู่การกระด้างกระเดื่อง หรือยุยงปลุกปั่น ไม่ถึงกับเป็นภัยคุุกคาม ที่จะส่งผลต่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย สำหรับเงื่อนไขการแสดงความเห็น ก็ยังไม่มากพอที่จะลามปามจนนำไปสู่ความไม่เรียบร้อยในอนาคต
 
เมื่อถามว่า โจทก์ในคดีนี้คือ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แล้วมีอดีต สมช. มาให้การตรงกันข้าม จะมีผลกระทบหรือไม่ มีคำแนะนำอย่างไร พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตนเป็นอดีตเลขาฯสมช. มีประสบการณ์เจอสถานการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคง มีการใช้กฎหมายความมั่นคงที่เข้มข้นกว่าในกรณีนี้ด้วยซ้ำไป ตนมองนัยยะแล้วกรณีนี้ไม่ส่งผล และครบองค์ประกอบ จึงไม่สมควรที่จะมีการกล่าวหา และไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ดำเนินการไปก็เท่านั้น สู้ทำให้เงื่อนไขเหล่านี้มันลดลงไปเองจะดีกว่า กาฟ้องไม่ได้เป็นประโยชน์กับคสช. ไม่เป็นประโยชน์ต่อการยุยงปลุกปั่นอะไร เป็นเรื่องปกติในการใช้สิทธิเสรีภาพ
 
“หากผมยังเป็นนเลขาฯสมช.ก็จะแนะนำแบบนี้ ปัญหาบ้านเมืองทุกวันนี้ เกิดจากการขาดศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย ต้องเข้าถึงหลักการของสิทธิ เสรีภาพ และภราดรภาพ เพื่อทำให้ปัญหาคลี่คลาย ผมไม่ห่วงผลกระทบ เพราะเป็นข้าราชการบำนาญอยู่แล้ว แต่อยากสื่อสารให้เห็นภาพร่วมกันว่า หากเราศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยแล้ว จะไม่มีทางตัน” อดีตเลขาฯสมช.กล่าว
 
เมื่อถามว่า วันที่ 5 พ.ค. กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จะมีการเคลื่อนไหวอีก พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เชื่อว่า ตอนนี้ทุกคนเห็นข้อเท็จจริงแล้ว ทางนายกฯ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการตามที่ฝ่ายประชาธิปไตยเรียกร้อง เพราะนี่ไม่ใช่การบิดเบือนคำพูด แต่เป็นการเรียกร้องให้ปฏิบัติตามคำพูดของนายกฯเอง หากไม่ปฏิบัติตามก็จะกระทบต่อเกียรติภูมิของนายกฯเอง และลามไปถึงความไม่เชื่อถือต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net