Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ความเข้าใจผิดของ กกต. ภายหลังพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ขอจดแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา เลขาธิการ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง รวมถึงเจ้าหน้าที่กิจการพรรคการเมืองพิจารณาหนังสือคำขอจัดตั้ง ซึ่งได้ออกมาให้ความเห็นในทำนองว่า ไม่สามารถรับจดทะเบียนพรรคการเมืองได้ เพราะเป็นปรปักษ์กับระบอบบประชาธิปไตย

ผมมีความเห็นว่า เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดของ กกต. และวิสัยทัศน์ที่คับแคบเป็นอุปรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย โดยระบบคิดของระบบและข้าราชการบางส่วน ที่บอกว่าขัดมาตรา 18 พ.ร.ป.พรรคการเมือง เพราะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยนั้น ขอให้ กกต.ไปดูตัวอย่างในอเมริกาและในยุโรป เขามีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นทางเลือกเพื่อแข่งขันนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมในระบบรัฐภา เพราะหมดยุคจับอาวุธต่อสู้และสร้างความขัดแย้งแล้ว หากนโยบายใดขัดรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เหมือนเช่นที่เยอรมนี ไม่ใช่การวินิจฉัยของ กกต.

การที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ประกาศต่อสู้ในระบบรัฐสภา ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่จะมีนโยบายเป็นทางเลือกของประชาชน เพราะพรรคการเมืองในระบบรัฐสภาเป็นคำตอบจากความขัดแย้งและสันติ หรือเราจะปล่อยให้เขาจับอาวุธขึ้นสู้เป็นพรรคการเมืองใต้ดินเหมือนในอดีต การที่ พคท.ขึ้นมาต่อสู้บนดิน ถือเป็นประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาเหมือนดังอารยะประเทศ ที่เปิดเสรีประชาธิปไตยพรรคการเมือง ไม่ผลักประชาชนที่เห็นต่าง ไปหาทางออกทางอุดมการณ์ทางอาวุธและนอกระบบ จนเกิดความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองเหมือนเก่า

ทางออกประเทศไทย ต้องให้ระบบรัฐสภาเป็นทางออก และเป็นที่อยู่ทางอุดมการณ์พรรคการเมืองที่หลากหลายโดยไม่ปิดกั้น เพื่อให้พวกเขาต่อสู้ทางอุดมการณ์ในระบบรัฐสภา เหมือนในยุโรป ที่เปิดกว้างให้กับทุกพรรคการเมือง ปัญหาที่ผ่านมาของประเทศไทย  เพราะการเมืองในระบบรัฐสภาไม่มีคำตอบ และไม่สามารถคลี่คลายความขัดแย้งลงได้ เราจะต้องทำให้ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งเรื่องใด ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภามีทางออก

หากเราไปดูระบบการเมืองในประเทศสังคมประชาธิปไตยหลายประเทศ จะเห็นว่าในระบบรัฐสภาของเขามีทั้งพรรคการเมืองเสรีนิยม พรรคอนุรักษ์นิยม พรรคศาสนา พรรคกรีน พรรคแรงงาน พรรคสังคมนิยม จนกระทั่งพรรคคอมมิวนิสต์ ประเทศที่พัฒนาแล้วอนุญาตให้ประชาชนทุกผู้คนสามารถที่จะรวมตัวเป็นพรรคการเมืองตามอุดมการณ์ของตนเองที่หลากหลายได้โดยไม่ปิดกั้น และใช้พรรคการเมืองต่อสู้ภายใต้กติกาประชาธิปไตยร่วมกันในระบบรัฐสภา ดังนั้น ขบวนการต่อสู้ทางการเมืองด้วยกำลังอาวุธจึงไม่ใช่คำตอบและล่มสลายไปนับแต่นั้นมา

ดังนั้น กกต. ต้องไม่ห้ามประชาชนจดทะเบียนชื่อ "พรรคสังคมนิยม" หรือ "พรรคคอมมิวนิสต์" เพราะเขามาจดทะเบียนเพื่อต่อสู้แข่งขันนโยบายในระบบรัฐสภา ตามกติกาประชาธิปไตยที่ชัดเจน  อย่าให้ระเบียบและความคิดของ กกต. กระทั่งระบบราชการไทย เป็นปัญหาในการสร้างประชาธิปไตยที่มีอารยะธรรม สงบและสันติ ในโอกาสข้างหน้า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องมีระบบพรรคการเมืองที่หลากหลาย ต่อสู้อุดมการณ์ทางการเมืองกันในรัฐสภา เพื่อเป็นคำตอบทางนโยบายให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีเฉพาะพรรคการเมืองของนายทุนอีกแค่สองพรรคอีกต่อไป

ที่ผ่านมาเรามีเผด็จการพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา คือระบบที่อนุญาตให้นายทุนใหญ่เป็นเจ้าของพรรคได้โดยใช้เงินลงทุนซื้อผู้แทน และใช้การบริหารแบบธุรกิจการเมือง จึงขาดการบริหารตามหลักการประชาธิปไตยภายในพรรคเหมือนดังหลายประเทศที่พัฒนาระบบเลือกตั้งและพรรคการเมืองแล้ว และการที่รัฐธรรมนูญไทยบังคับให้ ส.ส. สังกัดพรรค คือใบอนุญาตให้ผู้แทนประชาชน กลายเป็นทาสของระบบทุนผ่านตลาดผู้แทนที่ชัดเจนที่สุด

ทางเดียวที่การเมืองไทยจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้นั้น จะต้องอนุญาตให้ประชาชนตั้งพรรคการเมืองได้อย่างเสรี มีการแก้ไขในกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายการเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยในอนาคต ไม่กีดกันสิทธิ์ทางการเมืองด้วยอำนาจการยุบพรรค และขีดระยะเวลาการหาสมาชิกพรรคการเมือง รวมทั้งการปิดกั้นสิทธิ์การเลือกตั้งของแรงงานในโรงงานต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทางเลือกของประชาชนเติบโต

ทางออกจากวิกฤติการเมืองในระบบเผด็จการพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา คือให้ประชาธิปไตยทางการเมือง โดยเปิดเสรีพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา.

 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net