Skip to main content
sharethis
บทบรรณาธิการสื่ออังกฤษวิจารณ์การที่ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ประกาศให้ 'เยรูซาเลม' เป็นเมืองหลวงอิสราเอลว่าเป็นการทำลายความเชื่อถือที่เขาพยายามสร้างไว้กับพันธมิตร ขณะที่สันนิบาตอาหรับและนักวิชาการด้านยิวศึกษาต่างก็วิจารณ์ว่าทรัมป์ทำตัวสุมเชื้อไฟความขัดแย้งให้บานปลาย อีกทั้งยังขัดต่อหลักการนานาชาติว่าด้วยการจัดการความขัดแย้ง 'อิสราเอล-ปาเลสไตน์'
 
 
11 ธ.ค. 2560 การตัดสินใจประกาศยอมรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดแรงโต้ตอบจากนานาชาติและการประท้วงบนท้องถนนที่ประชาชนถูกปราบอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมากลุ่มสันนิบาตอาหรับ (Arab League) ได้เรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ ยกเลิกการประกาศดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็นการประกาศที่ "ละเมิดกฎหมายนานาชาติขั้นรุนแรง" และไม่มีผลใดๆ ตามกฎหมายถือเป็น "โมฆะ"
 
กลุ่มสันนิบาตอาหรับซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรภูมิภาคอาหรับ 22 ประเทศ พวกเขาแถลงในการประชุมที่อียิปต์โดยมีองค์ประชุมครบ 22 ประเทศว่าการประกาศยอมรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงโดยสหรัฐฯ จะทำให้ความขัดแย้งในภูมิภาคเลวร้ายลงกว่าเดิม ความโกรธแค้นไม่พอใจอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงและความโกลาหลที่เพิ่มขึ้นได้
 
เดอะการ์เดียนระบุว่าการที่กลุ่มชาติอาหรับประณามทรัมป์ในเรื่องนี้ทำให้เห็นภาพขัดกับตอนช่วงเดือน ม.ค. ที่กลุ่มประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ในอาหรับพากันชื่นชมทรัมป์ในช่วงเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ
 
เยบราน แบสซัล รัฐมนตรีต่างประเทศของเลบานอนเสนอในที่ประชุมสันนิบาตอาหรับว่าควรจะให้มีมาตรต่างๆ ต่อสหรัฐฯ เริ่มจากมาตรการทางการทูต ตามด้วยมาตรการทางการเมือง มาตรการทางเศรษฐกิจ และการคว่ำบาตร ตามลำดับ โดยที่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการเหล่านี้ี้
 
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา นักวิชาการยิวศึกษา 120 รายทั่วสหรัฐฯ ประท้วงและวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของทรัมป์ว่าเป็นการสุมเชื้อไฟความรุนแรงและทำให้สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วแย่ลงไปอีก รวมถึงเรียกร้องให้ทรัมปหาวิธีลดระดับความตึงเครียดและประกาศให้ชาวปาเลสไตน์ทราบว่าพวกเขามีส่วนร่วมกับอนาคตของเยรูซาเลม
 
นักวิชาการยิวศึกษาระบุว่าชาวปาเลสไตน์ในเยรูซาเลมต้องทนกับความไม่เท่าเทียมกับระดับโครงสร้างระบบ ไม่ว่าจะเป็นความไม่เท่าเทียมในการจัดสรรงบประมาณของเมือง บริการเทศบาล ถูกปฏิเสธการอนุญาตก่อสร้างอาคารซึ่งอาคารต่างๆ รองรับแต่เฉพาะกับชาวยิวเท่านั้น รวมถึงถูกทำลายบ้านเรือนและถูกยึดครองทรัพย์สินที่ดินโดยชาวยิวจากการอ้างเรื่องกฎหมาย
 
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็ประณามการกระทำของทรัมป์และมีการจัดประชุมด่วนในเรื่องนี้เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา นิคโคเลย์ มลาเดนอฟ ผู้ประสานงานพิเศษของยูเอ็นเพื่อกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางกล่าวว่าคำประกาศของทรัมป์ขัดต่อหลักแนวทางของประชาคมโลกในเรื่องการเจรจาสันติภาพปาเลสไตน์-อิสราเอล
 
บทบรรณาธิการของสื่อเดอะการ์เดียน-ดิออบเซอร์เวอร์ ระบุว่าคำประกาศของทรัมป์เป็นการทรยศต่อประธานาธิบดีฟาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส ที่ฝ่ายการทูตสหรัฐฯ พยายามที่จะเก็บเขาไว้ในกระบวนการสันติภาพที่กำลังร่อแร่ อีกทั้งยังมีนักวิเคราะห์และทูตมองว่าการประกาศเมืองหลวงของอิสราเอลล่าสุดเป็นการที่สหรัฐฯ ขัดกับหลักการของตนเองในแง่ที่พวกเขาเคยร่วมสนับสนุนกระบวนการสันติภาพตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศรวมถึงมติของยูเอ็นที่ยืนยันว่าสถานภาพของเยรูซาเลมควรจะต้องตกลงกันผ่ายการเจรจาหารือเท่านั้น
 
บทบรรณาธิการของดิออบเซอร์เวอร์ ประเมินว่าการกระทำของทรัมป์ถือเป็นการทำลายความพยายามของตนเองเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาในการที่จะสร้างอิทธิพลกับประเทศอย่างอิสราเอล และซาอุดิอาระเบีย เพื่อหวังควบคุมการแผ่ขยายอำนาจของอิหร่าน นอกจากนี้แม้แต่ประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างจอร์แดน หรืออียิปต์เองก็ยังต้องหันมาเล่นบทรับ รวมถึงผู้นำอิสราเอลเองด้วย
 
ดิออบเซิร์ฟเวอร์วิจารณ์ว่าสิ่งที่ทรัมป์ทำไปเป็นการดำเนินนโยบายการต่างประเทศแบบฝ่ายเดียวและไม่สร้างสรรค์ เพราะนโยบายการต่างประเทศควรมีลักษณะความร่วมมือจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนี่อาจจะเป็นการสะท้อนให้เห็นลักษณะของทรัมป์ที่ขาดความอดทน ไม่ซื่อสัตย์ ขาดความรู้ความเข้าใจ และขี้โอ่ 
 
"หนึ่งในหลักการเบื้องต้นของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคือการทูตที่ได้ผลจริงควรจะต้องปฏิบัติโดยมีวัตถุประสงค์ด้านนโยบายต่างประเทศอย่างชัดเจนอยู่เสมอ นั่นทำให้คำประกาศที่เต็มไปด้วยการแสดงออกล้นเกินและความอวดเบ่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องการยอมรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลและแผนการที่จะย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากเมืองเทลอะวีฟนั้น ไม่เพียงแค่อันตราย แต่ยังน่าแปลกใจอีกด้วย" ดิออบเซอร์เวอร์ระบุในบทบรรณาธิการ
 
ไม่เพียงแค่ในกรณีของตะวันออกกลางเท่านั้น ดิออบเซอร์เวอร์วิจารณ์ทรัมป์ในกรณีอื่นๆ เช่น เอเชีย ที่ทรัมป์แสดงออกให้เห็นว่าตลอดช่วง 11 เดือน ที่เขาอยู่ในตำแหน่งเขาทำให้โลกนี้เข้าใกล้ความขัดแย้งมากขึ้นเรือยๆ ทิ้งซากความเสียหายด้านการต่างประเทศไว้เป็นทาง ไม่ว่าจะเป็นสนธิสัญญาโลกร้อนปารีสไปจนถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ในบทบรรณาธิการยังเรียกร้องให้ฝ่ายการต่างประเทศของสหราชอาณาจักรรวมถึงสหภาพยุโรปสร้างวิสัยทัศน์ทางเลือกขึ้นและทำให้มาตรฐานของฉันทามติการต่างประเทศกลับคืนมา อย่าให้การกระทำของทรัมป์ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ
 
เรียบเรียงจาก
 
Trump Jerusalem move 'a dangerous violation' of international law, says Arab League, The Guardian, 10-12-2017
 
The Observer view on Trump and Jerusalem, The Guardian, 10-12-2017
 
120 Jewish Studies Scholars Condemn Trump's Jerusalem Declaration, Common Dreams, 08-12-2017
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net