Skip to main content
sharethis

เสื้อแดงเปิดศูนย์ข่าว DNN รับแจ้งเหตุ-ตอบโต้ข่าวรัฐหากพบสื่อรัฐ-สื่อหลักในกระแสที่บิดเบือนเตรียมแปล 5 ภาษาแจกองค์กรสิทธิ์ พร้อมรับซื้อภาพ-คลิปรัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชน 1 หมื่น – 1แสนบาท / ด้านตำรวจอบรมมอ'ไซด์รับจ้างเป็นสายลับ

เสื้อแดงเปิดศูนย์ข่าว DNN รับแจ้งเหตุ ตอบโต้สื่อรัฐ-สื่อหลัก
10 มี.ค. 53 - ที่สถานีวิทยุพีเพิลแชแนล เรดิโอ ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว ได้มีการเปิดตัวศูนย์ข่าวสื่อประชาธิปไตย หรือ DNN โดยมีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บก.นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ เป็นประธาน เพื่อใช้เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุ และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งประสานงานในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12-21 มี.ค. 

โดยนายสมยศ กล่าวว่า การทำงานของศูนย์จะติดตามข่าวสารการชุมนุมของคนเสื้อแดงทั้งจากฝ่ายรัฐบาล และคนเสื้อแดงทั่วประเทศ หากพบว่ามีการบิดเบือน กุข่าว สร้างสถานการณ์ ป้ายสีคนเสื้อแดงให้ถูกเกลียดชัง ทั้งที่เป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ทางศูนย์จะดำเนินการตอบโต้ทันที พร้อมทั้งจะมีการแปลเป็นภาษาต่างประเทศอย่างน้อย 5 ภาษา คือ เขมร อาหรับ จีน ญี่ปุ่น และ อังกฤษ เผยแพร่ไปยังองค์กรสื่อ องค์กรสิทธิมนุษยชน องค์กรศาสนาทุกศาสนา รวมถึงองค์กรสหประชาชาติ และพรรคการเมืองในอังกฤษ เยอรมัน สหรัฐอเมริกาเป็นต้น เพื่อประจานการกระทำของรัฐบาลที่เป็นเผด็จการ นอกจากนี้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอการทำร้ายประชาชนลงในเว็บไซต์ยูทูป โดยศูนย์จะเริ่มทำงานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายสมยศ กล่าวว่า นอกจากที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าวแล้ว จะมีการตั้งศูนย์ประสานงานกระจายตามสถานที่ต่างๆ อย่างโรงแรมรัตนโกสินทร์ และพื้นที่การชุมนุม เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มาร่วมนำภาพและคลิปวีดีโอที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือและกล้องวีดีโอมาส่งต่อเพื่อเผยแพร่และเก็บเป็นหลักฐาน หากภาพนั้นเป็นหลักฐานสำคัญ ผู้ที่นำภาพมาให้จะได้รับรางวัลตอบแทนตั้งแต่ 1 หมื่น – 1แสนบาท สำหรับเครือข่ายของศูนย์ที่รับแจ้งข่าวและเผยแพร่ข่าวทางวิทยุจะมีสถานีวิทยุพีเพิลชาแนลเป็นแม่ข่าย ส่วนทางเว็ปไซต์จะมี www.thailandmirror.com เป็นเว็บหลัก พร้อมกันนี้ยังได้เปิดคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 10 คู่สาย หมายเลข 088-494-1459 - 68 ไว้รับข้อมูล
 

ตำรวจอบรมมอเตอร์ไซด์รับจ้าง หวังเป็นสายลับเสื้อส้ม
วันเดียวกันนี้ (10 มี.ค.) พล.ต.ต.สมวุฒิ วรรณพิรุณ ผบก.น.4 พร้อมด้วย นายประเสริฐ ทองนุ่น ผอ.เขตบางกะปิ ร่วมกันเป็นประธานเปิดอบรมสายลับเสื้อส้ม เฝ้าระวังเหตุ โดยมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ บก.น.4 จากเขตสะพานสูง เขตลาดพร้าว เขตบางกะปิ เขตคันนายาว และเขตวังทองหลาง ราว 1000 คน ที่ห้องประชุม โรงเรียนบางกะปิ ถ.เสรีไท แขวงเขตบางกะปิ
 
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเหตุระเบิดธนาคารกรุงเทพ 4 สาขา และการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่กรุงเทพในวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ โดยคาดว่าสถานการณ์อาจจะบานปลาย จึงมีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจฝึกอบรม และสร้างความเข้าใจ พร้อมทั้งแสวงหาความร่วมมือจากภาคประชาชน โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ให้มีความรู้การจดจำตำหนิรูปพรรณคนร้าย ยานพาหนะ และวัตถุต้องสงสัย เพื่อช่วยเหลืองานเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจตราพื้นที่ และป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นได้
 
ขรก.ผวาเสื้อแดงยึดทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ตลอดทั้งวันข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลต่างสอบถามกันอย่างเคร่งเครียดถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยแสดงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดว่าจะถูกยึดทำเนียบฯเป็นที่ชุมนุมเช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลายคนคาดการณ์ว่าหากกลุ่มเสื้อแดงบุกทำเนียบจริงเหตุการณ์จะรุนแรงกว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เพราะมวลชนเสื้อแดงมีอารมณ์ร้อนกว่าและแบ่งเป็นหลายกลุ่ม การควบคุมสถานการณ์ทำได้ยากกว่า ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ทยอยขนเอกสารสำคัญออกจากทำเนียบฯไปแล้วหลายรอบ
 
ประธานกลุ่มทรูเตือนผู้บริหาร-พนักงานระวังความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของบริษัทเอกชนเกี่ยวกับการรับมือกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า กลุ่มทรู ได้ออกประกาศเตือนพนักงานให้เพิ่มความระมัดระวังความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและครอบครัว โดยประกาศฉบับดังกล่าวลงวันที่ 8 มีนาคม ส่งมาจากพล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ประธานคณะความมั่นคงทางธุรกิจ ถึงผู้บริหารและพนักงานกลุ่มบริษัททรู เกี่ยวกับคำแนะนำในการปฏิบัติตน ได้แก่ 1.ให้พนักงานเตรียมแผนฉุกเฉินภายในสำหรับครอบครัว เพื่อรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ควรเติมน้ำมันรถให้เต็มถังตลอดเวลา จัดเตรียมอาหารน้ำดื่มให้พอสำหรับ 3 วัน ฯลฯ
 
2.จัดเตรียมทรัพย์สิน เอกสารสำคัญที่อาจต้องนำติดตัวเมื่อเกิดเหตุทำให้ต้องอพยพจากที่พักเป็นการด่วน 3.ศึกษาเส้นทางการเดินทางสายหลัก และสายทางเลือก ทั้งจากที่พัก จากสำนักงาน และในกรณีฉุกเฉินจำเป็นต้องแยกย้ายการเดินทาง ควรกำหนดจุดนัดพบของคนในครอบครัว เป็นต้น 4.ให้ผู้บังคับบัญชาซักซ้อมทำความเข้าใจกับพนักงานในสังกัดให้ชัดเจน โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 12 -15 มีนาคม โดยสำรวจว่ามีพนักงานจำเป็นต้องอยู่ในอาคารกี่คน หรือสามารถปฏิบัติงานในที่พักของตนได้จำนวนเท่าใด และผู้บังคับบัญชา ต้องกำหนดลำดับความสำคัญของเอกสารหรือทรัพย์สินของทางบริษัทที่จะต้องนำออกกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน 5.หากพบเห็นบุคคลที่น่าสงสัย วัตถุต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่รปภ. 6.ผู้บริหาร-พนักงานทุกคนต้องเปิดมือถือตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ติดต่อกันได้ในกรณีฉุกเฉิน
 
สาธารณสุขตั้งศูนย์แพทย์รับมือเสื้อแดงชุมนุมพร้อมเปิดสายด่วน 1169 รับแจ้งเหตุทั่วประเทศ
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ภายหลังการหารือกับผู้บริหารสาธารณสุข เพื่อซักซ้อมความเข้าใจ และการปฏิบัติการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุม โดยได้ลงนามจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุขในสถานการณ์ฉุก เฉินแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ทั้งนี้ ตนเองเป็นผู้อำนวยการศูนย์และมีเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินเป็น เลขานุการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกรุงเทพมหานครเป็นรองประธาน และในคณะกรรมการประกอบด้วย เลขาธิการสภากาชาดไทย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง รวม 24 คน
 
นายจุรินทร์ กล่าวว่า รูปแบบการทำงานคือการติดตามสถานการณ์การชุมนุมตลอดเวลา พร้อมกับรับแจ้งเหตุ โดยผู้ที่ต้องการแจ้งเหตุ หรือผู้ประสบเหตุสามารถแจ้งมาที่หมายเลข 1169 ซึ่งจะออนไลน์ไปทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง มีศูนย์กลางอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานและดูแลได้ทั่วประเทศ โดยในวันที่ 11 มี.ค. จะนัดประชุมคณะกรรมการทั้งหมดเป็นนัดแรกในเวลา 10.30 น. เพื่อเตรียมความพร้อมอีกครั้ง
 
เมื่อถามว่าเหตุที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งศูนย์ดังกล่าว แสดงว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า หลายหน่วยงานได้ประเมินตรงกันว่าจะต้องมีการเตรียมมาตรการระมัดระวัง เพราะอาจมีภาวะฉุกเฉินเกิดขึ้น โดยเบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของบุคลากรแพทย์ เวชภัณฑ์ ธนาคารเลือด ไว้แล้ว
 
ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์เดลินิวส์, โพสต์ทูเดย์, เว็บไซต์คมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net