"วีระ" เผยจะพาผู้ต้องหายิงที่บางสะพานมอบตัวที่ สนง.ตำรวจแห่งชาติเอง

ความคืบหน้ากรณีกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงที่คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็กของบริษัทสหวิริยาสตีล กรุ๊ป จำกัด ปะทะกับกลุ่มผู้สนับสนุนและคนงานของบริษัทในพื้นที่ก่อสร้าง หมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นสาเหตุให้นายรักศักดิ์ คงตระกูล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 7 ต.ธงชัย อ.บางสะพาน ลูกจ้างบริษัทสหวิริยา ถูกยิงด้วยปืน .38 เข้าที่หน้าอก เสียชีวิตนั้น

 

นายธวัชชัย ดิษยนันทน์ นายอำเภอบางสะพาน กล่าวเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้บริหารพร้อมทั้งสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งมาประชุม เพื่อมอบนโยบายในการทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อปรับบทบาทในการทำงาน หลังจากนายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ ถูกตำรวจออกหมายจับในคดียิงชาวบ้านกลุ่มสนับสนุน ซึ่งเบื้องต้นถือว่าทำให้เสียภาพพจน์ของสถาบันพอสมควร เนื่องจากขณะนี้ผู้ต้องหายังไม่เดินทางเข้ามามอบตัวเพื่อให้การกับพนักงานสอบสวน

 

ด้านนางสุนีย์ ไชยรส คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ประธานอนุกรรมการสิทธิด้านที่ดินและป่าไม้ เปิดเผยว่า จะเร่งให้มีการเจรจากับผู้บริหารในระดับรัฐบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเครือสหวิริยา เพื่อขอให้ยุติปัญหาความขัดแย้งในเบื้องต้น พร้อมกับพิจารณาเงื่อนไขการใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ในบทบัญญัติเรื่องสิทธิชุมชนให้เข้มงวด

 

 

 

เครือข่าย ปชช.ภาคตะวันออกประณามผู้ใช้ความรุนแรง

และเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2551 เวลา 10.00 น. นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก พร้อมด้วยสมาชิกเครือข่ายจำนวน 50 คน แถลงข่าวประณามผู้ที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนทำให้เกิดความสูญเสียนำไปสู่เหตุการณ์ขัดแย้งบานปลาย คนในชุมชนอยู่อย่างไม่เป็นสุข หวาดระแวง และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่ปกติสุขเหมือนในอดีต เพราะสาเหตุมาจากจะมีโรงงานถลุงเหล็กมาตั้งในพื้นที่ โรงงานถลุงเหล็กถือว่าเป็นสาเหตุหลักและเป็นต้นตอของความขัดแย้งจนเกิดความสูญเสียในครั้งนี้ เพราะไม่เคารพประชาชนในพื้นที่ เมื่อประชาชนในพื้นที่ไม่ยินยอมหรือไม่เห็นด้วยก็ไม่สมควรจะมาสร้างในพื้นที่นั้นๆ ไม่สมควรจะมาหารูปแบบต่างๆ มาทำให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจผิดและขัดแย้งกันเองอย่างที่เป็น

 

นายสุทธิ กล่าวว่า ขอให้กำลังใจและสนับสนุนการต่อสู้ของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็ก เพราะจะมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพประชาชนในพื้นที่ระยะยาว

ถือว่ากลุ่มอนุรักษ์คิดถูกที่ทำการคัดค้าน และต่อสู้แบบสันติวิธี อหิงสามาโดยตลอด เพราะมิฉะนั้นก็จะเหมือนกับปัญหาสิ่งแวดล้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งมีปัญหามาก ทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน ใน จ.ระยอง ซึ่งทางเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กำลังขับเคลื่อนให้ทางรัฐบาลแก้ไขปัญหาอยู่ และก็ยังแก้ไขปัญหาเหล่านั้นยังไม่จบสิ้นด้วย

 

นายสุทธิ คาดการณ์ว่า อนาคตระยองก็จะเหมือนกับเมืองมินามาตะของประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน หากรัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ไขต่อปัญหาจากโรงงานอุตสาหกรรม จนทำลายสิ่งแวดล้อม สุขภาพ รวมถึงแหล่งอาหาร เช่น การเกษตร และการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง หมดสิ้นจนเกินกว่าจะเยียวยาได้อีก จึงขอเป็นกำลังใจให้ชาวบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีใจรักสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยมาบตาพุด จ.ระยอง และ มินามาตะ ที่ญี่ปุ่น นั่นหมายถึงความตายของลูกหลานของพวกเราเพื่อแลกกับคำว่า ความเจริญทางเศรษฐกิจ คุ้มกันหรือไม่ พร้อมประกาศเป็นพันธมิตรกับกลุ่มอนุรักษ์บางสะพาน เพื่อผลัดกันขับเคลื่อน ยุติการพัฒนาที่เบียดบัง อย่างไม่รู้จักจบสิ้นเสียที

 

 

"วีระ สมความคิด" รุดถามตำรวจชี้แจงข่าวเปลี่ยนปืนของกลาง

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวานนี้นั้น (28 ม.ค.) เวลา 10.30 น. กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูด และ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่นและทีมงานของเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่นไปที่ สภอ.บางสะพาน เพื่อทวงถามความชัดเจนการให้ข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจกรณีการตรวจค้นปืนที่บ้านผู้ต้องสงสัย นายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ที่ถูกกล่าวหาว่ายิงนายรักศักดิ์ คนงานก่อสร้างของเครือสหวิริยาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 มค. 51

 

จากการที่สื่อมวลชนบางฉบับออกข่าวว่าพนักงานสอบสวนสภ.อ.บางสะพานให้ข่าวว่า กระสุนที่ศพผู้ตายคือนายรักศักดิ์เป็นกระสุนขนาด .38 และตำรวจได้ค้นบ้านนายบำรุง พบปืน .38 ซึ่งเป็นปืนไม่มีทะเบียนเข้าใจว่าเป็นปืนที่ใช้ยิงนายรักศักดิ์

 

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงการตรวจค้นที่บ้านแม่นายบำรุงเมื่อวันที่ 25 มค.51 พบปืนขนาด 9 มม. 2 กระบอก ซึ่งเป็นปืนมีทะเบียน ซึ่งตัวแทนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูดก็ได้ไปเป็นพยานการตรวจค้น และนางจินตนา แก้วขาว ได้เป็นผู้เซ็นต์รับรองห่อผนึกวัตถุพยานที่ตรวจค้นได้ร่วมกับตำรวจ

 

ชาวบ้านต้องการทราบว่าตำรวจคนไหนเป็นคนให้ข่าวสื่อมวลชน ซึ่งเป็นการให้ข่าวปรักปรำ นายบำรุงและไม่ตรงกับข้อเท็จจริงการตรวจค้น การให้ข่าวเช่นนี้ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด หรือ ตำรวจมีความจงใจเปลี่ยนปืนที่ตรวจค้นได้ ให้ตรงกับหัวกระสุนที่พบในศพ

 

 

ตำรวจยันเข้าใจผิดเรื่องของกลาง คาดสื่อประมวลข่าวสับสน

พ.ต.ต.จรูญศักดิ์ โต๊ะถม ชี้แจงว่า "ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครให้ข่าว รวมทั้งข่าวที่ว่าจับนายบำรุงได้และนำตัวไปสอบสวนที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง ตน ก็ยังงงอยู่ว่าใครให้ข่าว หรืออาจจะเป็นที่นักข่าวประมวลข่าวผิดพลาด"

 

ซึ่งทาง พ.ต.ต.จรูญศักดิ์ ก็ยืนยันว่า ปืนที่ตรวจค้นได้เป็นชนิด 9 มม. 2 กระบอกและมีทะเบียนทั้ง 2 กระบอก รวมทั้งยังไม่ได้จับกุมนายบำรุง แต่อย่างใด

 

 

"วีระ" เผย "บำรุง" ติดต่อ ยันจะพามอบตัวที่สนง.ตำรวจแห่งชาติเอง

นายวีระ สมความคิด กล่าวว่า ขณะนี้ ได้รับการติดต่อจากนายบำรุง สุดสวาท แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ที่ใด แต่จะพานายบำรุง เข้ามอบตัวที่กรุงเทพฯ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

นอกจากนี้ นายวีระ สมความคิดยังสรุปให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.บางสะพาน ก็ยืนยันว่าประเด็นการตรวจค้นอาวุธปืนนั้นสถานที่ที่พบก็มิใช่บ้านที่นายบำรุง พักอาศัย แต่เป็นบ้านของแม่นายบำรุง ส่วนที่บ้านนายบำรุง เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นไม่เจออะไร

 

นอกจากนี้นายวีระ สมความคิด และนางจินตนา แก้วขาว ได้ขอสำเนาบันทึกประจำวันการตรวจค้นบ้านแม่นายบำรุง และบ้านนายบำรุงเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ถ่ายสำเนาให้ ฝ่ายชาวบ้านเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 

 


"สุริยะใส" จี้รัฐล้มโรง.ถลุงเหล็ก-จับตาโปแตซ

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวกับไทยโพสต์ วานนี้ (28 ม.ค.) ถึงกรณีที่มีการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายคัดค้านกับฝ่ายสนับสนุนการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กที่ ต.แม่รำพึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนเป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสั่งการยุติการดำเนินโครงการทั้งทางตรงและทางอ้อมไว้ก่อน เพราะมีข้อพิพาทและข้อโต้แย้งมากมายจากความพยายามดำเนินโครงการดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ที่ยังไมมีการศึกษาอย่างแท้จริง ทั้งการประชาพิจารณ์ การมีส่วนร่วมของชุมชนตามรัฐธรรมนูญ และความไม่โปรงใส่ในการอนุมัติโครงการ

 

"ความรุนแรงในครั้งนี้เป็นสัญญาณอันตรายที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจ เพราะโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่ให้เอกชนเข้ามาดำเนินการนั้น ได้ปฏิเสธการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญ ซ้ำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะฝ่ายปกครองในพื้นที่มักมีส่วนได้เสียกับกลุ่มทุนเอกชนเจ้าของโครงการ ครป.เป็นห่วงว่าหากรัฐบาลชุดใหม่มีแนวคิดอำนาจนิยมอาจทำให้ความขัดแย้งในชนบทลุกลามขยายตัวกลายเป็นความรุนแรงได้ในที่สุด และอยากให้จับตากรณีโครงการก่อสร้างเหมืองแร่โปแตซที่ จ.อุดรธานี ที่สถานการณ์เริ่มตึงเครียดและฝ่ายเอกชนเริ่มจัดตั้งมวลชน ซึ่งอาจซ้ำรอยเหตุการณ์ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท