ครม.รับหลักการตามที่ คกก.ทำประชามติเสนอให้ทำประชามติ 3 ครั้ง พร้อมคำถามประชามติครั้งที่ 1 ว่าเห็นชอบให้ทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยไม่แก้หมวด 1 และ 2 หรือไม่ ส่วนเรื่อง สสร.ไม่ให้ทำประชามติแต่ให้สภาพิจารณาจำนวนและคุณสมบัติแทน
23 เม.ย.2567 เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลรายงานว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการศึกษาของของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คกก.ได้ดำเนินการศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ สามารถสรุปผลการพิจารณาได้ 2 ประเด็น
1.การจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ และการทำประชามติ คกก.ฯ ให้ความเห็นว่า การจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ที่จะเป็นไปโดยสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่
(1) การทำประชามติครั้งที่ 1 ว่าเห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทำ รธน. ฉบับใหม่
(2) การทำประชามติครั้งที่ 2 เป็นการทำประชามติในขั้นตอนการร่าง รธน. แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ.... (แก้ไขเพิ่มเติม ม. 256) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำ รธน. ฉบับใหม่
(3) การทำประชามติครั้งที่ 3 เป็นการทำประชามติเมื่อร่าง รธน. ฉบับใหม่เสร็จแล้ว เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบกับร่าง รธน. ฉบับใหม่
สำหรับคำถามในการทำประชามติครั้งที่ 1 ควรกำหนดคำถามประชามติว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์”
อย่างไรก็ตาม รายงานของ คกก.ระบุด้วยว่า รัฐบาลไม่ควรกำหนดคำถามประชามติเกี่ยวกับการให้มีสภาร่าง รธน. เป็นผู้จัดทำ รธน. ฉบับใหม่ และไม่ควรเป็นผู้พิจารณาจำนวนและที่มาของสมาชิกสภาร่าง รธน. แต่ควรให้เป็นหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาที่จะดำเนินการเมื่อถึงขั้นตอนการร่าง รธน. แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ.... (แก้ไขเพิ่มเติม ม. 256)
2.การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 คกก.ฯ มีข้อห่วงใยเพิ่มเติมโดยเห็นควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวสามารถเป็นเครื่องมือทางประชาธิปไตยที่จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงในเรื่องต่าง ๆ ได้โดยตรง โดยเห็นควรให้แก้ไขในประเด็นต่าง ๆ เช่น กำหนดแบ่งประเภทให้มีการออกเสียงประชามติที่มีลักษณะเพื่อมีข้อยุติ และการออกเสียงประชามติที่มีลักษณธเพื่อให้คำปรึกษาหารือแก่ ครม. เป็นต้น
นอกจากนั้นหลังการประชุม เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า ครม. เห็นชอบในหลักการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญเสนอ โดยที่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นการทำประชามตินั้น เห็นควรจัดให้มีการออกเสียงประชามติ จำนวน 3 ครั้ง และควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวสามารถเป็นเครื่องมือทางประชาธิปไตยที่จะช่วยส่งเสริมประชาชนแสดงเจตจำนงในเรื่องต่าง ๆ ได้โดยตรง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)