Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 8 มิ.ย. 49       พ.ต.อ.ประเสริฐ สุทธิสนธิ์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันว่า การที่ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ส่งหลักฐานให้อัยการสูงสุดเพื่อพิจารณายุบพรรคไทยรักไทย โดยไม่ได้มีการชี้มูลความผิดนั้น เป็นการดำเนินการถูกต้องตามมาตรา 67 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541


 


โดยในกฎหมายไม่ได้กำหนดให้ประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองต้องชี้มูลการกระทำความผิด ซึ่งเป็นเหตุในการยุบพรรคการเมือง แต่กำหนดเพียงให้แจ้งพร้อมส่งหลักฐานต่ออัยการสูงสุดเท่านั้น


 


พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า หากอัยการสูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค ในกฎหมายกำหนดให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งคณะทำงานร่วม ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากนายทะเบียนและผู้แทนอัยการสูงสุด เพื่อที่จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป


 


อย่างไรก็ดี หากคณะทำงานชุดดังกล่าวไม่สามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับการยื่นคำร้องเรื่องการยุบพรรคการเมืองได้ นายทะเบียนก็มีอำนาจที่จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้เอง


 


วันเดียวกัน นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ในรายการ "สภาท่าพระอาทิตย์" ไปในทิศทางตรงกันข้ามโดยยืนยันว่าทาง กกต. ได้ส่งสำนวนการสอบสวนของคณะอนุกรรมการการของ กกต.ในเรื่องการเสนอให้ยุบพรรคไทยรักไทยมาแล้ว แต่เท่าที่พิจารณาจากใบปะหน้ายังไม่มีการลงมติชี้มูลความผิดมาด้วย


 


อัยการสูงสุด กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปจะมีการพิจารณาหลักฐานรวมทั้งจะต้องสอบสวนเพิ่มเติมว่าสมควรเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาชี้ขาดหรือไม่ ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง มี นายชัยเกษม นิติสิริ รองอัยการสูงสุด เป็นประธานเพื่อพิจารณาสอบสวน ให้เวลาไม่เกิน 60 วัน ซึ่งแนวทางการพิจารณานั้นดูภาพรวมทั้งหมด รวมทั้งสำนวนหลักฐานการยุบพรรคเล็กที่ กกต.เสนอมาก่อนหน้านี้ และคำร้องของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง รักษาการ ส.ว.กทม. กับ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา ที่ยื่นคำร้องให้ยุบพรรคไทยรักไทยก่อนหน้านี้ด้วย


 


เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าโดยขั้นตอนของกฎหมาย กกต.หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองต้องชี้มูลความผิดก่อนใช่หรือไม่ นายพชร กล่าวว่า ใช่ ทางกกต.จะส่งผลสอบของอนุกรรมการกกต.มาแบบดิบๆไม่ได้ อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวนี้อาจจะส่งคืนให้ไปพิจารณา หรืออาจจะนำไปพิจารณาเอง โดยต้องดูก่อนว่าพยานหลักฐานที่ได้มาเพียงพอหรือไม่ เพราะสำนวนสอบสวนที่ส่งมาของพรรคไทยรักไทยแจ้งมาเพียงว่าให้แจ้งข้อหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง


 


"เมื่ออัยการได้รับเรื่องมาแล้วก็ต้องดำเนินการให้ดีที่สุด เพราะคดีเหล่านี้เป็นคดีทางการเมือง ประชาชนสนใจ ดังนั้นการดำเนินการต่างๆ จะต้องทำอย่างโปร่งใสและรอบคอบดูข้อกฎหมายอย่างชัดเจน และขอยืนยันว่าการทำงานของอัยการสูงสุดในขณะนี้ เราคิดว่าบ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมาย ดังนั้นต้องมีความสุจริตและเที่ยงธรรม จะไม่เกรงกลัว หรือไม่ยอมให้ใครมากดดันทั้งสิ้น และถ้ามีคำสั่งประการใดสามารถชี้แจงต่อสาธารณะได้ จะสังเกตได้ว่า ที่ผ่านมาอัยการสูงสุดจะไม่ออกมาพูดอะไรเลย เราจะนิ่ง เพราะเราคิดว่าเราเป็นสถาบันหลักสถาบันหนึ่งที่จะต้องรักษาความเที่ยงธรรมขององค์กรของประเทศไว้ เราจะไม่ทำอะไรนอกเหนือตัวบทกฎหมายหรือหน้าที่ที่เราจะกระทำ "นายพชร กล่าว


 


ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)และผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวถึงกรณี กกต.ส่งเรื่องยุบพรรคให้อัยการสูงสุดว่า เหตุที่ กกต.ส่งผลสอบกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กส่งให้อัยการสูงสุดโดยไม่ชี้มูลความผิดแตกต่างจากกรณีการชี้มูลพรรคการเมืองขนาดเล็กก่อนหน้านี้ คงหวังจะตบตาหลอกลวงประชาชนว่า กกต.ทำงานอย่างตรงไปตรงมาและเป็นอิสระไม่ถูกครอบงำ หรือเข้าข้างพรรคการเมืองใหญ่ และเชื่อว่าอัยการสูงสุดคงส่งเรื่องกลับมาที่ กกต. เพราะหากอัยการสูงสุดรับเรื่องไว้ก็อาจจะตกเป็นแพะ และกกต.ก็สามารถปัดความรับผิดชอบไปได้สำเร็จ


 


ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รักษาการรองนายกรัฐมนตรีเองก็รู้สึกแปลกใจที่ กกต. ไม่ชี้มูลความผิดการยุบพรรคการเมืองก่อนส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณา เพราะเห็นว่า หาก กกต.ให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้มูลความผิดต้องมีการตรวจสอบซึ่งใช้เวลานาน เนื่องจากอัยการไม่ได้เริ่มตรวจสอบตั้งแต่ต้น พร้อมตั้งคำถามกับ กกต.ว่า จะสอบเรื่องดังกล่าวไปทำไมในเมื่อไม่ได้ชี้มูลความผิดมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net