Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


 

บทความนี้เป็นตอนที่ 4 ในซีรีส์ “ทุนกองทัพไทย” บทความ 3 ตอนแรกอธิบายถึงกรรมสิทธิ์“ทุนของกองทัพไทยในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ [1] ทีวี สถานีวิทยุ [2]  รวมทั้งสิทธิครอบครองที่ดินประมาณ 5 ล้านไร่ [3] เพื่อชี้ให้เห็นว่ากองทัพไทยคือกลุ่มทุนขนาดใหญ่และผูกขาดบางภาคธุรกิจมานานกว่าครี่งศตวรรษ ความเป็นกลุ่มทุนของกองทัพไทยเป็นเอกลักษณ์ของทุนนิยมแบบไทยๆ เพราะกองทัพในประเทศทุนนิยมอย่างสหรัฐฯและญี่ปุ่นไม่ถือหุ้นบริษัทและไม่ลงทุนในกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ

บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับธุรกิจพลังงานของกองทัพไทย กล่าวคือ ธุรกิจน้ำมันและธุรกิจไฟฟ้า การสำรองพลังงานสำคัญต่อการป้องกันประเทศ เพราะกองทัพเคลื่อนทัพไม่ได้ถ้าไม่มีน้ำมัน และฐานทัพดำเนินงานไม่ได้ถ้าไม่มีไฟฟ้า แต่การสำรองพลังงานเพื่อการป้องกันประเทศแตกต่างจากการขายพลังงานเพื่อหารายได้


ธุรกิจน้ำมันของกองทัพ

กองทัพเป็นผู้ผลิตน้ำมันตั้งแต่พ.ศ. 2499 เนื่องจาก“กรมการพลังงานทหาร”ได้รับโอนกิจการขุดเจาะและกลั่นน้ำมันที่อ.ฝาง จ.เชียงใหม่จากกรมโลหะกิจ (ซึ่งต่อมาคือกรมทรัพยากรธรณีสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม) [4] การโอนกิจการดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม และภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก กรมการพลังงานทหารได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ รวมทั้งกองสำรวจและผลิต ได้สำรวจพบแหล่งน้ำมันเพิ่มเติมที่อ.ไชยปราการ ต่อมาก็ขยายการสำรวจแหล่งน้ำมันไปที่ จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.เชียงราย และจ.พะเยา

ในระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมากรมการพลังงานทหารมีกองสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมาจนถึงปัจจุบัน ปีนี้กรมการพลังงานทหารมีแผนการผลิตน้ำมันดิบ 329,400 บาร์เรล [5]  แม้ว่าเทียบแล้วไม่ถึง 1% ของสัดส่วนการผลิตจากแหล่งน้ำมันอื่นๆโดยรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน [6] แต่ปริมาณน้ำมันดิบดังกล่าวก็มีมูลค่ากว่า 500 ล้านบาทเมื่อคำนวณด้วยราคา 45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ถ้าประเมินด้วยมูลค่าปีละ 500 ล้านบาทในระยะเวลา 60 ปีก็จะคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 30,000 ล้านบาท ถ้าการเบิกจ่ายผลผลิตจากโรงกลั่นของกรมการพลังงานทหารมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันประเทศก็สอดคล้องกับหน้าที่ของกองทัพ แต่ถ้ามีการขายน้ำมันดิบหรือขายผลผลิตจากโรงกลั่นของกรมการพลังงานทหารให้ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยราชการอื่น ก็จะเกิดคำถามว่ารายได้จากการขายเป็นรายได้กองทัพหรือส่งเข้ากระทรวงการคลังเป็นรายได้รัฐบาล? 

ส่วนธุรกิจขายปลีกน้ำมันที่เรียกว่า“ปั๊มสามทหาร”ไม่ได้สังกัดกรมการพลังงานทหารแม้ว่าใช้รูปทหารเป็นสัญลักษณ์เพื่อส่งเสริมลัทธิทหารนิยม ปั๊มสามทหารสังกัด“องค์การเชื้อเพลิง”ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งโดยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ในปี พ.ศ. 2503 องค์การเชื้อเพลิงมีหน้าที่ขายปลีกน้ำมัน จัดหาและกลั่นน้ำมัน [7] ฉันไม่มีสถิติว่าองค์การเชื้อเพลิงรับซื้อน้ำมันจากกรมการพลังงานทหารมากน้อยแค่ไหน องค์การเชื้อเพลิงดำเนินงานจนกระทั่งรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียรจัดตั้งองค์การก๊าซธรรมชาติแห่งประเทศไทยมาแทนที่ในปี พ.ศ. 2520 [8] ต่อมาก็กลายเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ในพ.ศ.2521 ยุครัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ [9] ปั๊ม ปตท.จึงเข้ามาแทนที่ปั๊มสามทหารในที่สุด


ธุรกิจไฟฟ้าของกองทัพ

หลังรัฐประหารครั้งล่าสุด กองทัพบกริเริ่มโครงการใช้ที่ดินในครอบครอง4,460 ไร่เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์หรือที่เรียกว่า”โซลาร์ฟาร์ม”ร่วมกับภาคเอกชน [10] มีการทำเรื่องขอให้กระทรวงพลังงานรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มในที่ดินกองทัพบก ไม่ปรากฎชัดเจนว่าในภายหลังกระทรวงพลังงานตัดสินใจอย่างไร   

การทำธุรกิจมีความเสี่ยง ถ้าธุรกิจโซลาร์ฟาร์มของกองทัพบกขาดทุนเหมือนธุรกิจธนาคารทหารไทยที่เผชิญปัญหาหนี้เสียจนเข้าขั้นวิกฤตในอดีต รัฐบาลจะ“อุ้ม”ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มของกองทัพหรือไม่? 

ถ้ากองทัพบกมีโครงการผลิตโซลาร์ฟาร์มเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในฐานทัพก็จะสอดคล้องกับหน้าที่ของกองทัพ แต่การใช้ที่ดินในครอบครองของกองทัพบกทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์มเพื่อขายไฟฟ้าแสดงให้เห็นว่ากองทัพไม่ได้ใช้ที่ดินส่วนนั้นซ้อมรบหรือฝึกกำลังพล ชัดเจนว่าที่ดินส่วนนั้นไม่ได้ใช้เพื่อการป้องกันประเทศซึ่งเป็นหน้าที่ของกองทัพ   ทำให้ประเมินได้ว่ากองทัพครอบครองที่ดินมากเกินความจำเป็น หน่วยราชการอื่นควรรับโอนดินส่วนนั้นเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นให้สอดคล้องกับหน้าที่ของภาครัฐ

บทความตอนหน้าของซีรีส์“ทุนกองทัพไทย” จะอธิบายถึง“แรงงาน”ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญที่สุดของกองทัพไทย

0000

 

หมายเหตุ

[1] ทุนกองทัพไทย (ตอนที่ 1)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1332607776

[2] ทุนกองทัพไทย (ตอนที่ 2)
http://www.prachatai.com/journal/2012/04/40226

[3] ทุนกองทัพไทย (ตอนที่ 3)
http://prachatai.com/journal/2015/06/59565

[4] ประวัติความเป็นมา”กรมการพลังงานทหาร”
http://ded.mod.go.th/introduce/history.aspx

[5] แผนงานปฏิบัติงานเจาะและผลิตประจำปี 59: http://ep.npdc.mi.th/documents/work/Plan/ActionPlan59.pdf

[6] รายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย
http://www2.eppo.go.th/info/YearBook/index.html

[7] พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเชื้อเพลิง พ.ศ. 2503
http://dl.parliament.go.th/handle/lirt/27941

[8] พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การก๊าซธรรมชาติแห่งประเทศไทย
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2520/A/017/51.PDF

[9] พระราชบัญญัติการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2521
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2521/A/152/1.PDF

[10] “จี้พลังงานเปิดรับซื้อไฟเพิ่ม” ฐานเศรษฐกิจ
http://prdnews.egat.co.th/clipnews_egat/2015/1/23/corporate-www.thanonline.com.pdf

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net