Skip to main content
sharethis

จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมกรณีการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแถลงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ รวมทั้งเสนอข้อเรียกร้องต่อผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะเรียกร้องให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบกับกรณีดังกล่าว ในฐานะที่รัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่แถลงต่อสาธารณะว่า จะปกป้องสถาบันฯ และจะป้องกันปราบปรามการทุจริต เมื่อมีพฤติการณ์ว่ามีการทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น มีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการ ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่น (สตง.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามดารทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  , ส.ต.ช. , กรมสอบสวนคดีพิเศษ , ป.ป.ง. ที่จะต้องเข้ามาตรวจสอบโดยพลัน นั้น (รายละเอียดเพิ่มเติม)

ในวันเดียวกัน(27 พ.ย.58)  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยดังกล่าวว่า “ผมไม่สนใจจะพรรคอะไรก็ไม่รู้ พรรคอะไรนะ ไม่รู้จัก ผมลืมไปแล้ว ไม่สนใจๆ” พร้อมเรียกร้องให้ผู้สื่อข่าวที่หยิบแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยมาถามว่าให้ฟังตน ไม่ใช่ฟังที่เขาพูดมาแล้วมาถามตน

“ไปถามไอ้คนพูด พูดทำไม คุณไปต่อสู้ให้ผมบ้าง ก็นายกเขาพูดอย่างงี้ เขาทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ คุณไปแก้ผมกับเขาสิ ไม่ใช่เอาเขาพูดมาโจมตีผม เออ แล้วเอาผมไปโจมตีเขา สนุกนักหรือไง ผมไม่เข้าใจอะ พูดไม่รู้กี่ทีแล้ว ผมไม่สนใจไง ก็เลือกตั้งเข้ามาแล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมถามกับผู้สื่อข่าวด้วยว่าเลือกพวกเขาใช่ไหม

ต่อกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การออกหมายจับ พล.ต.สุชาติ พรหมใหม่ คนสนิทของ พล.อ.อุดมเดช กรณีการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่ากำลังดูอยู่ เขามีวิจารณญาณกันอยู่ ขอให้แยกดูการกระทำผิดของคนใกล้ชิดออกจาก พล.อ.อุดมเดช มิเช่นนั้นต่อไปคนใกล้ชิดทำผิด ลูกน้องทำผิด ก็ต้องลาออกกันให้หมด กฎหมายมีอยู่แล้วหรือจะบอกว่าเป็นความรับผิดชอบทางการเมือง ขอให้ไปคิดเอา จะผิดจะถูกเขาคิดอยู่มีวิจารณญาณ

“แต่ไอ้คนที่อยู่การเมืองแล้วมันไม่เคยรับผิดชอบ ทำไมไม่ไล่เขา ทำไม ไม่ถามเขาแบบนี้เล่า ถามเปล่า ถามแล้วเขาตอบว่าไง ไปแล้วค่ะ งี้หรอ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

รมว.ยธ.รับอุทยานราชภักดิ์ ขอใช้งบหลวงกว่า60ล้าน ขอให้แยกกับ ม.112

วันเดียวกัน(27 พ.ย.58) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการตรวจสอบของกองทัพบก ดำเนินการเป็นการตรวจสอบภายในหน่วยงานแล้ว ขณะที่ รมว.กลาโหมตั้งกรรมการสอบ เป็นการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก ในฐานะผู้บังคับบัญชากองทัพบก ขณะเดียวกันศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระ ก็ทำการตรวจสอบคู่ขนานอีกทางหนึ่ง ดังนั้น ถือว่าเรื่องนี้ไม่มีการละเลย แต่ตรวจสอบอย่างเป็นขั้นตอนตามปกติไม่ใช่เพื่อลดกระแสกดดัน แต่ขอให้รอผลสอบซึ่งต้องใช้ระยะเวลาสักระยะ เร่งรัดมากไม่ใช่เรื่องดี เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคคล หากไม่รอบคอบก็จะไม่เป็นธรรมกับบุคคลที่ถูกกล่าวหา

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ เบื้องต้นตนได้รับรายงาน สตง. ป.ป.ช. และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดยทั้ง 3 หน่วยงานให้ข้อมูลตรงกันว่ามีการใช้งบหลวงกว่า 60 ล้านบาทในการสร้างจริง ส่วนที่ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงว่า ไม่มีการใช้งบหลวงนั้น ส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นการตรวจในส่วนตั้งแต่การเริ่มสร้างอุทยานที่เป็นงบบริจาค แต่งบหลวงที่ใช้เป็นการใช้ปรับพื้นที่กองทัพก่อนส่งมอบให้สร้างอุทยาน ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน

"ต้องขอทำความเข้าใจกับประชาชน ให้แยกแยะเรื่องอุทยานราชภักดิ์ ในเรื่องทุจริตและความผิดมาตรา 112 ว่าเป็นคนละส่วนกัน เพียงแต่อาจมีกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันเข้าไปเกี่ยวข้อง การทุจริตที่คาดว่าใช้เงินไม่ถูกต้องเป็นเรื่องหน่วยงานที่ต้องสะสาง ส่วนการแอบอ้างและมีความผิด ม. 112 เป็นเรื่องส่วนบุคคล ดังนั้น. การตรวจสอบของศอตช. และกระทรวงกลาโหม จะตรวจเฉพาะการใช้งบประมาณ. ไม่เกี่ยวกับคดี ม.112 ตนยอมรับว่ามีความพยายามผูกโยงเรื่องนี้กับเรื่องการเมือง โดยมีกลุ่มการเมืองนำไปเป็นประเด็นให้ผูกพันธ์กับ คสช. รัฐบาล และ ทหาร ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องยากที่จะ ปราบได้หมด ทุกกรมก็มักพบการใช้งบไม่ถูกต้อง แต่หน่วยงานนั้นๆต้องไปตรวจสอบ" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

 

เรียบเรียงจาก : มติชนออนไลน์ matichon tv และเดลินิวส์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net