Skip to main content
sharethis

ถอดคำปาฐกถาเรื่องอิสลามกับสันติภาพ ของผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฎอนี ทำความเข้าใจ ทำไมทุกคนต้องสร้างสันติภาพร่วมกัน ไม่ว่าศาสนาใดต้องมีความปรารถนาเดียวกันคือ “ชีวิตนี้ต้องมีสันติ”

ผศ.ดร.อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฎอนี  ที่ปาฐกถาเรื่องอิสลามกับสันติภาพ ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ TriPEACE via ASEAN Muslim Societies (ไตรสันติภาพบนเส้นทางสังคมมุสลิมอาเซียน) เรื่อง Muslim Societies, Knowledge and Peacebuilding in Southeast Asia “สังคมมุสลิม, ความรู้ และการสร้างสันติภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ที่ หอประชุมอิหม่าม อัล นาวาวีย์ อาคารวิทยาอิสลามนานาชาติ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา มีเนื้อหาน่าสนใจ ดังนี้

มนุษย์ต้องเผยแพร่สารของอัลเลาะห์

ดร.อิสมาอีล ลุตฟี กล่าวว่า ท่ามกลางความวุ่นวายในสังคมปัจจุบัน เราควรทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้และนำสารของอิสลามมาใช้ในการสร้างสันติภาพ ในแผ่นดินของเราและทั่วโลก เพราะมนุษย์ถูกสร้างโดยอัลเลาะห์ และอัลเลาะห์ได้ให้ปัจจัยยังชีพต่างๆ แก่มนุษย์เพื่อให้มนุษย์ได้มีชีวิตบนโลกนี้ อัลเลาะห์เท่านั้นที่ให้ปัจจัยยังชีพ

ตั้งแต่อายะฮุ(โองการในคัมภีร์อัลกุรอาน)แรกที่อัลเลาะห์ประทานแก่มนุษย์นั้นคืออัลเลาะห์ทรงสร้างมนุษย์ เพราะโลกใบนี้อัลเลาะห์เตรียมไว้สำหรับมนุษย์ และโองการแรกที่ถูกประทานลงมาคือโองการที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ อัลเลาะห์ได้ตรัสถึง 5 ครั้ง เพื่อให้มนุษย์ได้รู้ว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาโดยอัลเลาะห์

อัลเลาะห์สร้างให้มนุษย์มีความสามารถในหลายๆ ด้าน แต่ขณะเดียวกันมีข้อบกพร่องในเรื่องต่างๆ ด้วย ด้วยเหตุนี้มนุษย์ต้องอาศัยศาสนทูตของอัลเลาะห์ที่มีหน้าที่ในการนำสารของอัลเลาะห์มาเผยแพร่ต่อมนุษย์ หนึ่งในสารของอัลเลาะห์คือเพื่อให้มนุษยชาติอยู่อย่างสันติ

อัลเลาะห์ให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆแก่มนุษย์ ไม่ใช่เพื่อให้มนุษย์ดำรงชีวิตอย่างสุขสบายอย่างเดียว แต่มนุษย์ต้องนำสารที่ชื่อว่า “อัล-กุรอาน"เผยแพร่ด้วย เพราะอัลกรุอานเป็นสารที่ดีที่สุดสำหรับมนุษยชาติ

อิสลามให้ความเมตตาทุกคน รวมสัตว์ต่างๆและญิน

การมาถึงของศาสนาอิสลามโดยผ่านศาสนาทูตมูฮำหมัด ที่นำสารจากอัลเลาะห์มาเสนอแก่มนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบัน สารเหล่านี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ถึงปัจจุบันนี้

อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า “เราไม่ได้ส่งศาสดามูฮำหมัดมายกเว้นเพื่อความเมตตา ไม่เฉพาะมุสลิมเท่านั้น แต่สำหรับมนุษย์ทุกคน สัตว์ต่างๆ และญิน” นั่นคือสารของอัลเลาะห์ให้แก่ศาสนาทูตและมนุษย์ทุกคน ไม่เฉพาะสำหรับคนที่มีสติปัญญาที่ดีเท่านั้น แต่สำหรับทุกคนไม่ว่าคนที่มีความรู้และไม่มีความรู้ ดังนั้นไม่มีใครสามารถปฏิเสธความเป็นบ่าวในโลกนี้และโลกหน้าได้

สันติเป็นจุดหมายสูงสุดของศาสนาอิสลาม

สันตินั้น เป็นจุดหมายปลายทางที่สูงสุดในศาสนาอิสลาม เพราะอัลเลาะห์ได้เชิญชวนมนุษย์ทุกคนสู่ดินแดนแห่งสันติ หรือดินแดนแห่งสวรรค์เพื่อให้มนุษย์อยู่ในโลกนี้และโลกหน้าอย่างสันติ เห็นได้อย่างชัดเจนจากคำทักทายของมุสลิมที่ใช้คำว่า “ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน” คนที่ตอบต้องตอบว่า “ความสันติจงมีแด่ท่านเช่นเดียวกัน”

ดังนั้นมนุษย์ต้องแสวงหาสันติภาพด้วยการสร้างความยุติธรรมในชีวิต คำว่า “ความเมตตา” ที่อัลเลาะห์ตรัสในอัล-กรุอานนั้น ส่วนหนึ่งหมายถึง “ความรู้และการปฏิบัติสิ่งที่ดีงาม เพื่อที่จะให้คนที่ไม่มีความรู้ คนที่ใช้ความรุนแรง และคนที่ป่าเถื่อนกลับไปสู่ใช้แนวทางสันติและเข้าใจอิสลามอย่างถ่องแท้ นั้นคือวิถีชีวิตที่ถูกต้องและถูกวางไว้ให้มนุษย์นำไปใช้ในชีวิตของเขา

ทุกคนเป็นลูกหลานอาดัมดังนั้นควรสร้างสันติภาพร่วมกัน

พระผู้เป็นเจ้าให้มนุษย์นำสารไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ ทุกคนที่อ่านอัล-กรุอาน อัล-หะดิษ(วัจนะศาสนทูตฯ) และคนที่เข้าใจอิสลาม เข้าใจดีว่า 1 ในหลักการ 5 ประการคือมนุษย์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างจากอัลเลาะห์ ทุกคนเป็นบ่าวของอัลเลาะห์ มนุษย์ทุกคนเป็นลูกหลาวของนะบีอาดัมกับฮาวา ซึ่งเป็นบิดาและมารดาคนแรกที่อาศัยชีวิตอยู่บนโลกนี้

ผมเองเป็นประธานร่วมศาสนาเพื่อสันติภาพ สภาศาสนสัมพันธ์แห่งประเทศไทยได้เคยกล่าวต่อสมาชิกสภาศาสนสัมพันธ์แห่งประเทศไทยว่า เราทุกคนเป็นพี่น้องที่มาจากบิดาและมารดาคนเดียวกัน และมนุษย์ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็นลูกหลานของนะบีอาดำ ดังนั้นควรที่จะสร้างสันติภาพร่วมกันและควรที่จะเข้าใจว่าเราคือเลือดเนื้อเดียวกัน

เมื่อเรามีบิดาและมารดาคนเดียวกัน ทำไมเรา ไม่สร้างความเป็นพี่น้องร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหนก็ตาม เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่อิสลามส่งเสริม

ทุกคนในปัจจุบันนี้เป็นประชาชาติของท่านนะบีมูฮำหมัด ใครก็ตามที่เกิดหลังจากท่านนะบีมูฮำหมัด เป็นประชาชาติของท่านนะบีมูฮำหมัด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือประชาชาติที่รับศาสนาอิสลามแล้วและประชาชาติที่ยังไม่รับศาสนาอิสลาม แต่ทั้งหมดเป็นประชาชาติของท่านนะบีมูฮำหมัดจนถึงวันสิ้นโลก สารที่ถูกเผยแพร่โดยท่านนะบีมูฮำหมัดนั้น ไม่เฉพาะกับคนมุสลิมเท่านั้น

มนุษย์ทุกคนเป็นศัตรูกับชัยฎอน(ซาตาน) เพราะชัยฎอนคือมารร้ายได้ประกาศความเป็นศัตรูกับมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์ต้องยอมรับว่าชัยฏอนเป็นมารร้ายอับดับ 1 ในชีวิตของมนุษย์ จากประวัติศาสตร์เห็นได้ชัดเจนว่านะบีอาดัมกับฮาวาถูกขับไล่ออกจากสวรรค์เนื่องจากถูกหลอกจากชัยฎอน

อัลเลาะห์สร้างมนุษย์ที่หลากหลายเพื่อให้ทำความรู้จักต่อกัน

ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใด นับถือศาสนาใด มีทัศนคติอย่างไร เราคือพี่น้อง และสามารถที่จะสร้างสันติให้กับโลกได้ อัลเลาะห์สร้างมนุษย์ที่หลากหลายด้วยภาษาและชาติพันธุ์เพื่อให้มนุษย์ทำความรู้จักต่อกัน

เราทั้งหมดเป็นลูกหลานนะบีอาดำ ดังนั้นเราเป็นพี่น้องกัน เป็นประชาชาติของท่านนะบีมูฮำหมัด ดังนั้นต้องรักใคร่กัน มีความปรองดองต่อกันและต้องประกาศความเป็นศัตรูชัยฎอนมารร้ายที่พยายามหลอกลวงมนุษย์เพื่อให้มนุษย์เกิดความแตกแยกกลายเป็นศัตรู เป็นพรรคเป็นพวก นั้นคือ 5 ประการที่เสนอให้เกิดความรักใคร่ปรองดองกัน ความซื่อสัตย์ต่อกัน เข้าใจต่อกัน เพื่อสร้างสันติภาพในบ้านเรา ประเทศเราและทวีปเรา

ในอัล-กรุอานมีคำว่า“สันติ”140 ครั้ง สงคราม 6 ครั้ง เพราะ..

สมัยท่านนะบีมูฮำหมัด ท่านพยายามไม่ให้เกิดสงครามระหว่างมุสลิมกับคนที่ไม่ใช่มุสลิม แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายศัตรูพยายามทำลายมุสลิมด้วยวิธีการต่างๆ ท่านนะบีมูฮำหมัดต้องตัดสินใจต่อสู้เพื่อปกป้องศาสนาและแผ่นดิน แต่ไม่ได้เกิดสงครามด้วยการใช้อารมณ์แต่อย่างใด

ในคัมภีร์อัล-กรุอานมีคำว่า “สันติ ” 140 ครั้ง คำว่าสงครามเพียง 6 ครั้ง เพราะอัลลอฮต้องการให้ทุกส่วนใช้สันติในการดำรงชีวิต

ถึงแม้จะเกิดสงครามสมัยนะบีมูฮำหมัด แต่ภายหลังจากสงคราม นะบีมูฮำหมัดสร้างความปรองดองทุกครั้ง การพูดคุย การเจรจาเพื่อให้เกิดความรักใคร่ต่อกันถึงแม้ว่าบางฝ่ายสร้างศัตรูกับอิสลามอย่างถาวร สงครามในอิสลามไม่ได้สร้างความเป็นศัตรูระหว่างมนุษยชาติ ไม่ใช่เพื่อให้คนฆ่าผู้คน แต่เพื่อป้องกันรักษาความบริสุทธิ์และความสะอาดของศาสนา

สมัยนะบีมูฮำหมัด เกิดสงครามถึง 20 ครั้ง มีคนเสียชีวิต 220 คน ฝ่ายศัตรูเสียชีวิต 1,023 คน ในช่วงเวลา 23 ปีที่นะบีนมูฮำหมัดเป็นผู้นำประชาชาติ เห็นได้ชัดเจนว่าคนที่เสียชีวิตมีจำนวนน้อยมาก ถึงแม้ว่าสงครามยืดเยื้อจากฝ่ายศัตรูก็ตาม

ในสงครามครูเสดมีการฆ่ากันถึง 60,000 คน ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีระหว่างคนมุสลิมกับคนคริสเตียน สงครามโลกครั้งที่ 1 มีคนเสียชีวิต  10,000,000 คน สงครามโลกครั้งที่ 2 เสียชีวิตประมาณ 54,000,000 คน ส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับสงครามแต่อย่างใด ดังนั้นเป็นอิสลามศาสนาปรองดอง รักสันติ ไม่สร้างศัตรูกับฝ่ายใดก็ตาม

ความปรารถนาเดียวกัน “ชีวิตนี้ต้องมีสันติ”

อยากให้ทุกคนมาสร้างความปรองดอง เพราะศาสนาอิสลามไม่ได้สร้างความวุ่นวาย แต่เป็นศาสนาที่รักสันติ ขจัดความป่าเถื่อน ความไม่มีระบบของการใช้ชีวิต นั่นคือชีวิตที่อยู่บนพื้นฐานของการใช้ชีวิตตามซุนนะฮ์(แบบอย่าง)นะบีมูฮำหมัด เพื่อสร้างความสันติ อิสลามมาจากอัลเลาะห์ อัลเลาะห์รักความสันติ

อยากให้สถาบันการศึกษามีรายวิชา“สันติวิธี” อยากให้นักเรียนจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับ“สันติภาพ” เพื่อให้ทัศนคติแก่นักศึกษาเพื่อรัก“สันติภาพ ”อยากให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างสถาบันทางการศึกษาที่จากปัตตานี ประเทศไทย อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย และมินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ในเรื่องสันติภาพ

อยากให้ทุกฝ่ายสร้างสันติภาพในสังคม ไม่ว่าสังคมใหญ่และสังคมเล็ก รัฐบาล เอกชน และหน่วยงานต่างๆ มีจุดหมายเดียวกันนั้นคือ “ชีวิตนี้ต้องมีสันติ” มหาวิทยาลัยต้องพยายามผลิตสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ สื่อออนไลน์ เพื่อเป็นรูปแบบของสันติภาพในแต่ละพื้นที่ สนับสนุนให้อิหม่าม คอเต็บ ตามมัสยิดต่างๆ ได้อ่านคุตบะฮ์(เทศนาธรรม)เกี่ยวกับสันติภาพ และอยากให้รัฐมี Road Map (แผนที่เดินทาง)ในการสร้างสันติภาพ  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net