Skip to main content
sharethis

2 ต.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครอง ได้เผยแพร่คำชี้แจงข้อเท็จจริงของสำนักงานศาลปกครองกรณีการทำหน้าที่ของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ที่มีมติให้ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ออกจากราชการ จากกรณีจดหมายน้อย ระบุว่า การพิจารณาและมีคำสั่งให้ประธานศาลปกครองสูงสุดออกจากราชการ เป็นการพิจารณา ของ ก.ศป. โดยชอบด้วยกฎหมาย กรณีสั่งการพักราชการนายหัสวุฒิ  เนื่องจาก ก.ศป. เห็นว่าการให้ผู้ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จะเป็นการเสียหายแก่ราชการ ก.ศป. ย่อมมีอำนาจสั่งพักราชการได้ตามมาตรา 24 วรรคสาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542

เมื่อ ก.ศป. มีคำสั่งพักราชการนายหัสวุฒิแล้ว นายหัสวุฒิไม่ได้ฟ้องคดีปกครอง เพื่อขอเพิกถอนคำสั่งพักราชการแต่อย่างใด แต่ได้ฟ้องคดีอาญาว่า ก.ศป. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า ก.ศป. มีอำนาจสั่งพักราชการผู้ถูกกล่าวหาได้ โดยคณะกรรมการสอบสวนไม่ต้องเสนอความเห็นต่อ ก.ศป. ก่อน

สำนักงานงานศาลปกครอง ชี้แจงอีกว่า การสอบสวนและการเสนอความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนที่ ก.ศป. แต่งตั้ง เป็นการพิจารณาทางปกครอง ที่จะนำไปสู่การออกคำสั่งทางปกครองเท่านั้น ไม่ใช่การมอบอำนาจให้คณะกรรมการสอบสวนวินิจฉัยหรือมีคำสั่งทางปกครอง ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน จึงไม่ผูกมัดให้ ก.ศป. ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานหลายคดี และ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ก็เคยเป็นตุลาการเจ้าของสำนวนพิพากษาคดี โดยนำหลักดังกล่าวมาตัดสินคดี

สำนักงานศาลปกครองยืนยันในเอกสารชี้แจงว่า การพิจารณากรณีตุลาการศาลปกครองประพฤติตนไม่สมควรนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง หรือปัญหาความมั่นคงระดับชาติ เนื่องจากเป็นการดำเนินการกรณีตุลาการประพฤติตนไม่สมควร ตามที่ตุลาการศาลปกครองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญร้องเรียนกล่าวหา แต่เป็นการดำเนินการเพื่อไม่ให้ศาลปกครอง ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการที่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิพากษาอรรถคดี ได้รับความเสียหายจากการกระทำของตุลาการศาลปกครอง คนใดคนหนึ่ง และเพื่อให้ศาลปกครองเป็นองค์กรที่ประชาชนมีความเลื่อมใสศรัทธาและเชื่อมั่นตลอดไป

หัสวุฒิ ร้อง ป.ป.ช.สอบ ก.ศป. เชื่อได้รับความเป็นธรรม เตรียมร้องช่องทางอื่นต่อ

วันเดียวกัน(2 ต.ค.58) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หัสวุฒิ ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่ ก.ศป. พิจารณาลงโทษให้ออกจากราชการไม่ถูกต้องด้วยกฎหมาย โดย หัสวุฒิ ได้ใช้เวลายื่นเรื่องร้องเรียนเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ที่ตนมาร้อง ป.ป.ช.ในวันนี้ก็เนื่องจากตนไม่ได้กระทำผิดกรณีจดหมายน้อย และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าตนกระทำผิด แต่ ก.ศป.กลับมีมติว่าตนผิดเพราะไม่รักษาชื่อเสียง จึงเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำงานของ ก.ศป.และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องที่พิจารณาและมีมติลงโทษตน เพราะเราเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ปกครองด้วยกฎหมาย ไม่ใช่อำนาจของคนกลุ่มใดที่ใช้ดุลพินิจส่วนตัวในการวินิจฉัย ทั้งนี้ ตนได้มอบเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ ป.ป.ช.โดยเป็นคำสั่งของ ก.ศป.ที่ทำให้เห็นได้ว่าเป็นการตัดสินตนโดยไม่มีพยานหลักฐาน และยังมีเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา และเอกสารในการสอบสวนบุคคลทีเกี่ยวข้องกับกรณีจดหมายน้อย ทุกคนก็ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ส่วนเอกสารอื่นที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของตนนั้นก็จะทำหนังสือเพื่อแนะนำให้ ป.ป.ช.เรียกเอกสารหลักฐานว่าควรเรียกเอกสารหลักฐานอะไร

เมื่อถามว่าการมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ครั้งนี้มีความมั่นใจมากแค่ไหน หัสวุฒิ กล่าวว่า มั่นใจ 100 % เพราะในเอกสารการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ที่ยืนยันว่าตนไม่รู้เห็นกับการทำจดหมายดังกล่าว และ พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล ผู้กำกับการศูนย์รวมข่าวกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) เองก็ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักตน และไม่เคยเจอกับตนโดยตรง และเชื่อว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ตนเองได้ เพราะ ป.ป.ช.ไม่ใช่องค์กรที่พิจารณาเรื่องการทุจริตเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ในการพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่โดนมิชอบด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนจะไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่ง ก.ศป.ต่อศาลปกครอง แต่หลังจากนี้ตนจะไปยื่นเรียกร้องขอความเป็นธรรมในช่องทางอื่นที่ถูกต้องตามกฎหมายจนกว่าความจริงจะปรากฏ และได้รับความเป็นธรรม แต่ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะเกรงว่าจะมีการปิดกั้นการดำเนินการของตน

เรียบเรียงจาก : กลุ่มสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครอง, สำนักข่าวไทย และ ASTVผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net